กลัวผีแต่อยากลองเล่นหนังซอมบี้ดูบ้าง สำหรับ ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง นางเอกสาวจากภาพยนตร์เรื่อง “อีสานซอมบี้” ผลงานกำกับ คิม-ธนวัฒน์ เอี่ยมจินดา ค่ายเอ็ม เทอร์ตี้ไนน์ ยอมรับเวลาเห็น “ซอมบี้” ที่เดินเพ่นพ่านในกองถ่ายกลัวจริงๆไม่ต้องสืบ แต่ดีใจได้โคจรร่วมงาน พีช-พชร จิราธิวัฒน์ นักแสดงรุ่นพี่ ที่ยังหนักอกหนักใจเพราะต้องพูดภาษาอีสานที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลยเป็นความสนุก แต่ท้าทาย ส่วนความรักมีคนเข้ามาคุยๆ แต่ยังไม่รีบร้อน ใน “คนดังนั่งคุย”มีความลุ้นกับหนังเรื่องนี้ขนาดไหน“ลุ้นมากๆ เพราะเป็นหนังคอมเมดี้เรื่องแรกได้รับเล่น ก็ยากค่ะ มีจังหวะในการเล่นของเค้าอยู่ ในเรื่องรับบทต้นนุ่น จะเป็นตัวแทนคนต่างจังหวัด เป็นเด็กอีสาน ต้องเล่นคอมเมดี้ด้วย พูดภาษาอีสานและภาคกลางด้วย ซึ่งตัวละครเลยคอนฟิกกับครอบครัวอยู่ ดังนั้น เวลาดราม่ามันจะดราม่ามากๆ แต่เวลาจบจากดราม่าเข้าตลกก็จะตลกเป็นจังหวะที่ยากสำหรับออกแบบจะไม่ได้ลื่นไหลเท่าพี่ๆคอมเมเดียนคนอื่น”วันแรกๆ ที่เข้าฉากแอบเป็นท้อมั้ยเพราะรายล้อมด้วยนักแสดงตลกระดับตัวตึงทั้งนั้นเลย “โชคดีพี่ตุ๊กกี้ช่วยสอนภาษาอีสานให้ เพราะเป็นคนอีสานและเก่ง พลิ้วมากและเพิ่งรู้วันนั้นเลยว่าทั้งกอง ทั้งพี่ๆนักแสดงและพี่ๆทีมงานล้วนแต่เป็นคนอีสาน มีออกแบบกับพี่พีช-พชร เป็นคนกรุงเทพฯ อยากพูดคำคำนี้เป็นภาษาอีสานเพราะว่าอยากอิมโพรไวส์ พูดยังไงดี พี่ตุ๊กกี้สอน พูดแบบนี้ ปรับโทนลงมา เพราะอีสานก็มีอีสานใกล้เหนือก็จะสำเนียงอีกแบบนึง” ถึงขั้นกลับบ้านฝึกเองมั้ย “จะติดโทนเสียงสำเนียงอีสานมากกว่า เวลาหันกลับไปคุยกับคุณแม่ แล้วแม่หนูเป็นคนใต้ มันยิ่งไปกันใหญ่เลย ยิ่งงง หนูยิ่งงง ใต้พูดโทนอย่างนึง เจออีสานเข้าไปอีก ด้วยภาษาอีสานเราไม่เคยพูดเลยปราบเซียนยิ่งกว่า เหมือนพูดภาษาที่ 2 เลย เหมือนเวลาไปเล่นหนังจีนแล้วเราต้องพูดภาษาจีนเหมือนกัน ให้พูดภาษาอังกฤษยังง่ายกว่า (ยิ้ม)”เรื่องนี้เล่นกับซอมบี้ก่อนเล่นจินตนาการไว้ยังไง “พอแต่งซอมบี้จริงจัง น่ากลัวกว่าที่คิด เจอเองในซีนยังกลัวจริงๆเลย” พอเจอซอมบี้ตัวเป็นๆออกแบบกลัวและหลอนขนาดไหน“เขาแต่งเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เราให้ 1,000 เปอร์เซ็นต์ไปเลย ไม่กล้าเข้าใกล้พี่ๆซอมบี้ ดีกว่า ยิ่งมีซีนกลางคืนแล้วหันไปมองสะดุ้ง พี่ๆ อยู่มุมมืดๆไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะคะ (หัวเราะ) อารมณ์เหมือนเจอผีเลย”แล้วในชีวิตจริงเคยเจอผีมั้ย “ก็เคยนะ แต่เป็นความรู้สึกมากกว่า รู้สึกแถวนี้มีพลังงานบางอย่าง รีบเดินดีกว่า แต่ตอนเด็กๆเลยจะเคยเห็น คือมีพื้นฐานกลัวผี พอเจอซอมบี้แต่งหน้าเต็มก็จะยิ่งกลัวไปกันใหญ่”อ้าวเรากลัวผีแต่ทำไมถึงตัดสินใจรับเล่นซอมบี้ล่ะ “ในฐานะนักแสดงอยากทำอะไรใหม่ๆให้คนได้เห็นภาพใหม่ๆของเรา เราเล่นได้นะ เราสามารถพัฒนา เล่นอย่างอื่นได้นะ ไม่อยากให้คนจำภาพว่าเป็นคนเรียนเก่ง เป็นนางแบบ เป็นคนเก๋ๆแค่นั้น อยากให้คนเห็นเราในหลายๆมู้ด ในหลายๆมุม ” แสดงว่าอยากให้คนเห็นความสามารถด้านอื่นๆ “ใช่ค่ะ เราเป็นนักแสดงจริงๆนะ เราไม่ได้แค่มาเล่นๆ เอาไปเล่นบู๊หรืออะไรที่เราไม่เคยทำ แตกต่างจากที่เคยเล่นมา” ตอนอยู่กองซอมบี้ เวลาคนอื่นยิงมุกกันถามจริงๆออกแบบตามพี่ๆทันบ้างมั้ย“ตามไม่ทันค่ะ (หัวเราะ) แล้วเป็นคนเก็ตมุกยาก ช้า ไม่ทันจนพี่ๆต้องมานั่งอธิบายว่ามันคืออะไร จะหัวเราะดีเลย์มากๆ” เวลาเราตามมุกไม่ทันพี่ๆจะขำเราแทน “รู้สึกเกรงใจเพราะพี่ๆต้องคอยมานั่งอธิบาย มุกนี้ยังไง เราขำเพราะอะไร”ใครเดือดร้อนสุดที่ต้องทำหน้าที่อธิบายให้เราเข้าใจ “พี่ตุ๊กกี้ค่ะ น่ารักปะล่ะ ในใจเค้าคงเบื่อ (หัวเราะ)”การร่วมงานกับพีช-พชร เป็นอย่างที่คาดคิดมั้ย “ใหม่มากค่ะ เพราะไม่เคยร่วมงานกับพี่พีชเลย แล้วเค้าเป็นเจ้าพ่อหนังตลก มีจังหวะโบ๊ะบ๊ะ จะยิงมุกอะไรของเขามาเรื่อยๆ ดีค่ะ เหมือนได้เรียนรู้จากเค้าเพราะเค้าจะมีจังหวะ จะสอนเรา อันนี้เป็นแบบนี้”โดนแกล้งบ้างมั้ย “ไม่ค่อยค่ะ พี่พีชไม่ค่อยกล้าแกล้งหนู เพราะแกล้งก็ตามไม่ทันอยู่ดี หรือโดนแกล้งแต่ไม่รู้ตัว บรรยากาศสนุกมาก พอพักเบรก พี่บอย-ภิษณุ, พี่ต้นหอมไลฟ์ติ๊กต่อกก็จะสอนต้องทำแบบนี้นะ ในกองครื้นเครงเค้าก็ตีกันเรื่อยๆ กองนี้เหมือนมาเล่น สนุกสนาน”คาดหวังกับหนังเรื่องนี้ขนาดไหน “ไม่คาดหวังค่ะ ตอนแรกกลัวมากเพราะออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง มันเลยทำให้เกิดความกลัวเยอะ จังหวะนึงเรากลับมาคิดได้ว่าเราทำเต็มที่มากๆในซีนนั้นทุกๆวันที่เราไปกอง จบแค่ตรงนั้นเลย หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้นแล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ถ้าใครชอบก็คือชอบ ถ้าใครไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่ถูกจริต ไม่ถูกรสนิยมก็ไม่เป็นไร”ช่วงนี้งานอื่น เทน้ำหนักไปด้านไหนมากกว่า“ตอนนี้มุ่งแสดงอย่างเดียวเลย”อะไรคือแรงบันดาลใจทำให้เราคิดแบบนั้น “ความชอบค่ะ เป็นความรู้สึกโชคดี เราได้ทำอะไรที่เราชอบแล้วเราศึกษามันจริงๆ เรารู้สึกรักและทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งนี้ไปเรื่อยๆ มันทำให้เราพัฒนาตัวเองเสมอ เสพสื่อได้หมดเลยทั้งการดูหนัง การอ่านหนังสือ การอ่านกลอน มันคือศิลปะ หนัง เป็นการแสดงศิลปะอย่างหนึ่งที่มันไม่มีวันสิ้นสุด” ลึกๆใจเราอยากจะเบนเข็มไปหนังหรือละครมากกว่ากัน “แล้วแต่โอกาสที่เข้ามาเลยค่ะ จะไม่ฟิกตัวเองไปที่ไหนมากกว่า” งานเดินแบบเราจะแผ่วๆหรือรับไปเรื่อยๆ เห็นหลายๆคนรุ่นเดียวกับเราเฟดเดินแบบกันไปเยอะ “คิดว่าปีนี้จะมุ่งการแสดงมากขึ้น อยากให้การแสดงให้ภาพชัดขึ้นมากกว่า”กับการแสดงตั้งโกลเอาไว้ขนาดไหน มองโกอินเตอร์มั้ย “มีโอกาสแบบนั้นเข้ามาเหมือนกัน ขอทำทุกวันให้มันดีที่สุดแล้วมันจะไปหยุดที่ตรงไหนก็เรื่องของมันเลย ตอนนี้ขอเอางานแสดงเป็นหลัก งานอื่นๆเป็นรอง”สถานะหัวใจช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง“เรื่อยๆค่ะ ไม่มีอะไรเลย”สวยๆแบบนี้ไม่มีแฟนก็ไม่น่าใช่มั้ย “ทำไมเหรอ หนูดูเหมือนคนมีแฟนเหรอ? เพราะ ว่าหนูสวยเหรอ (หัวเราะ)” ด้วยลุคเราดูเป็นคนเข้าถึงง่าย น่าจะมีแต่คนอยากเข้ามาคุยด้วย “ไม่จริงค่ะ ทุกคนรอบๆ ตัวจะชอบบอกว่าดูดุเลยไม่มีใครกล้าเข้ามาคุย ไม่รู้สิปีนี้รู้สึกว่าเป็นปีที่ 27 ที่ยังต้องเติบโตอีกเยอะ ปีนี้หนูเปลี่ยนผู้จัดการด้วยค่ะ อยู่ด้วยกันมา 10 ปี จนเหมือนเรารู้สึกเสียญาติคนนึง พอมีเหตุการณ์อะไรๆเกิดขึ้นทำให้เราต้องโตขึ้น เป็นอายุ 27 ปีที่เรารู้สึกว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างในชีวิต มีโมเมนต์ที่อ่อนแอที่สุดของตัวเองมากๆกับโมเมนต์ที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเอง ชีวิตมันซิมเปิลแค่นี้เลย แต่ความซิมเปิลธรรมดาจริงๆ มันยากมากเลยที่เราจะยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เราเดินต่อไปอย่างเข้มแข็งได้ มันพูดง่ายเลยแต่ตอนที่อยู่ในขบวนการที่เราค่อยๆ แคะตัวเองออกมา มันยากมาเลย มันไม่ใช่เรื่องความรักกับคนรักเลย แต่มันเป็นเรื่องงานกับคน การสื่อสารกับคนเลยกลายเป็นเรื่องยาก”สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงว่าเราเสียใจหนัก “ค่ะ แต่ไม่เป็นไร ปีนี้ก็เริ่มใหม่”ถามจริงๆตอนนี้มีคน คุยๆมั้ย “ถ้าคนคุยมีคนคุยอยู่แล้ว ถ้าแบบพิเศษเป็นแฟนขั้นนั้นยังไม่มีค่ะ ยังมีเวลาให้กับเพื่อน มีเวลาให้กับอุ้ม-อิษยา ปีนี้มีเวลาให้กับเพื่อนที่รักและจริงใจกับเรามากขึ้นและเราให้เวลากับเค้ามากขึ้น ปีนี้เรามีคนเข้ามาและออกไปมากขึ้น”ตอนนี้ความรักเราเปิดหรือไม่เปิด“ปีนี้เอาตัวเองเป็นหลักเลยค่ะเพราะว่าปีนี้เฮิร์ตหนักเรื่องชีวิต เรื่องคนทำให้วางเรื่องความรักไว้ก่อน แต่ก็มีคนเข้ามาคุยๆ ก็คุยไปก่อนเป็นความสัมพันธ์มิตรภาพไปก่อน ไม่รีบไม่อะไรเลย ขอเอาตัวเองเป็นหลักก่อน”ไม่พร้อมสานสัมพันธ์เหรอ “เวลามันยากนะ พอเจอเรื่องนึงเข้ามาก็เขวไปเหมือนกันนะ”แสดงว่าจริงๆ เป็นคนเปิดรับใครค่อนข้างยาก ที่จะให้เค้าเดินเข้ามาในชีวิตเรา “ยากค่ะ”ไม่เชื่อมั่นหรือเราหวาดกลัวอะไรอยู่หรือเปล่า “อืม รู้สึกว่าความกลัวเป็นจุดหลักๆ แล้วก็รู้สึกว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ค่อยๆดูกันไปแต่ละคน คนนี้อาจจะใช่ คนนี้ไม่ใช่ เพื่อนคนนี้อาจจะไม่คลิกกับเราแล้ว คนนี้อาจจะพิเศษมากขึ้น”กลัวผิดหวังเสียใจด้วยหรือเปล่าทำให้เรากล้าๆกลัวๆที่จะเรียนรู้ใครสักคน “ก็จริงค่ะ เจ็บหนักอยู่นะ (หัวเราะกลบเกลื่อน) เป็นหนึ่งในความรักเหมือนกันสำหรับออกแบบเลย ไม่ได้แยกกันขนาดนั้น เมื่อเรารักใครเราให้ก็คือเราให้ทำให้เรากลัว” ไม่ได้มองความรักเป็นสิ่งเลวร้ายใช่มั้ย “ไม่ค่ะ โชคดีที่มีครอบครัวซัพพอร์ต คอยให้กำลังใจอยู่เสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม” ช่วงเวลาที่เราเจอเรื่องราวหนักๆ แล้วเราผ่านมันมาได้ยังไงทำให้ตัวเองกล้าลุกเผชิญความจริง “มีไปวัดปฏิบัติธรรม 3 วัน 2 คืน สวดมนต์ นั่งสมาธิ เข้าทางสงบเพราะว่ามันฟุ้งมากเลย ใจไม่อยู่กับตัวเลย”ฟังๆอาการเหมือน คนอกหักคนนึง “ใช่ค่ะ มันไม่ได้เลย ฟุ้ง แต่พอสวดมนต์ก็ดีขึ้น”นานมั้ยกว่าจะทำใจได้ “กว่าที่จะไม่รู้สึกกับสิ่งนั้นได้ก็ใช้เวลานานเกือบปี เพิ่งไม่กี่เดือนเองที่เห็นและไม่เกิดความรู้สึกขนาดนั้นเท่าไหร่ สามารถหายใจออกให้มันออกไปได้ค่ะ”.เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยานคลิกอ่าน “คนดังนั่งคุย” เพิ่มเติม