ทำเอากรี๊ดกร๊าดยินดีกันทั้งโซเชียล กับข่าวดีของนักแสดงสาวเจ้าบทบาท “ใบเฟิร์น-อัญชสา มงคลสมัย” ที่เผยภาพถูกแฟนหนุ่มคุกเข่าขอแต่งงานสุดโรแมนติกริมทะเลไม่นานนี้ พอเปิดวาร์ปหนุ่มผู้คว้าหัวใจ “ใบเฟิร์น” ยิ่งว้าวใหญ่ หนุ่มคนนั้นคือ “บอม-ดนุภพ กมล” ผู้บริหารหนุ่มไฟแรง Vice President บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเพลงมานานหลายปี เริ่มต้น จากงานซาวด์เอ็นจิเนียร์ที่แกรมมี่ ร่วมงานและอัดเสียงให้กับศิลปินมาก มาย ก่อนจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษและกลับมาทำงานบริหารค่ายเพลง อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปินค่ายมิวซิกมูฟมากมาย จนกลายเป็นหนึ่งในค่ายเพลงแถวหน้าของเมืองไทย เลยชวน “บอม” มาเปิดมุมมองสุดเอกซ์คลูซีฟ ทั้งการทำงานบริหารธุรกิจและชีวิตรักกับ “ใบเฟิร์น” ที่อยู่คนละขั้วแต่โคจรมาคลิกกันลงล็อก เริ่มจากสิ่งที่ทำให้รักในเส้นทางสายเพลงคืออะไร? “เป็นความชอบในการทำงานเพลงมากกว่า เป็นความโชคดีที่ผมทำงานเบื้องหลังก็เข้าใจศิลปิน สนิทกับโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลงต่างๆ พอมาทำฝั่งธุรกิจ คนทำงานก็จะให้เกียรติเราและเข้าใจเรา ผมโชคดีหน่อยที่เราจะเข้าใจเค้า รู้วิธีที่จะคุยกับเค้า”กับการปั้นค่าย “มิวซิกมูฟ” จากวันแรกจนวันนี้ที่เติบโตเป็นค่ายเพลงแถวหน้าถือว่าโตเร็วมาก? “โตเร็ว จากวันที่รีแบรนด์เป็นมิวซิกมูฟ เราเริ่มต้นที่ 3 ค่าย เริ่มต้นด้วยศิลปินไม่กี่เบอร์ มีน้องอิ้งค์-วรันธร น้องเอิ๊ต-ภัทรวี วงซีล วงซิลลี่ฟูลส์ จนวันนี้มีกว่า 50 ศิลปิน แตกเป็น 8 ค่ายเพลง ขยายตัวรับกับผู้บริโภคมากขึ้น ล่าสุดก็มีโฮมรัน มิวสิก มีน้องเบล-วริศรา กับเพลงเอาปากกามาวง ที่กระแสดีมาก ยอมรับว่าค่ายโตเร็วจริงๆ ต้องบอกว่าที่มิวซิกมูฟโตได้เร็วคงเป็นที่นโยบายที่เราเป็นค่ายเพลงที่ตั้งโจทย์ในมุมของการสร้าง ecosystem รอบศิลปินและคอนเทนต์ ทำยังไงให้ศิลปินอยู่ได้ให้มากที่สุด ทั้งในภาคธุรกิจที่สร้างมาซัพพอร์ตศิลปินในทุกมิติ ขายเพลง ของที่ระลึก และมีพาร์ตที่ดูแลเรื่องการโชว์ การจัดคอนเสิร์ต เรามี marketing agency เอาคอนเทนต์ทั้งศิลปินและคอนเทนต์ของเราไปขายลูกค้า มีรายได้จากแบรนด์ต่างๆมากขึ้น ผมว่าจุดแข็งนึงคือต้องชื่นชมตั้งแต่พี่จุ๊บ-วุฒินันท์ ผู้บริหารค่ายพี่ฟองเบียร์-ปฏิเวธ พี่พล วงแคลช ค่อนข้างเข้าใจศิลปินและให้อิสระศิลปินมีบทบาทในการสร้างผลงาน เช่น เอิ๊ต-ภัทรวี อิ้งค์-วรันธร เขียนเพลงโปรดิวซ์เอง” ในยุคนี้ที่คนฟังเพลงเปลี่ยนไปต้องบริหารยังไง? “ผู้บริโภคสามารถฟังเพลงตามความต้องการของตัวเองมากขึ้น มิวสิกแพลตฟอร์มต่างๆก็ปรับตัวเองให้ตอบโจทย์เรื่องนี้ ทำให้รูปแบบของการฟังเพลงกระจายตัวมากขึ้น ศิลปินที่มีความเฉพาะตัวสามารถสร้างฐานแฟนเพลงได้มากขึ้น อย่างสิ่งที่มิวซิกมูฟทำคือซัพพอร์ตศิลปินให้ทำผลงานในสิ่งที่เค้าถนัด ช่วยโปรโมตในพื้นที่ที่เหมาะสม ในยุคนี้เพลงได้ร้อยล้านวิวยากขึ้น วิธีการวัดผลต่างไป ปัจจัยที่ใช้ในการวัดผลน่าจะเป็นเรื่องของฐานแฟนเพลง คนที่ติดตาม เช่น วง SERIOUS BACON ค่าย BOXX MUSIC ประสบความสำเร็จในกลุ่มที่ติดตามเค้าเราก็ต่อยอดจัดคอนเสิร์ตที่เหมาะสม สเกลของแฟนที่ติดตามศิลปินมันเวิร์กได้ในทุกเลเวล”โควิด-19 เปลี่ยนวงการเพลงไปยังไง? “เปลี่ยนทุกอย่างครับ งานแสดงหายร้อยเปอร์เซ็นต์ พอมีโควิดมาก็คือล้มทั้งกระดาน ก็อยู่ที่แต่ละศิลปินปรับตัวได้เร็วขนาดไหน อย่างมุมค่ายเพลงที่ซัพพอร์ตศิลปินได้คือเราหาโมเดลที่มาทดแทนรายได้ให้ศิลปิน การจัดคอนเสิร์ตก็เปลี่ยนเป็นการจัดออนไลน์หรือผ่านไลฟ์สตรีมมิง ช่วยให้ศิลปินยังมีโชว์ได้อยู่ เน้นการขายลูกค้ามี music agency ขายโปรเจกต์ต่างๆ สำหรับศิลปินที่ยังไม่โตมากคงเป็นเรื่องการรักษาคงไว้ ปัจจัยสำคัญในช่วงโควิดคือการต่อเนื่องของการออกเพลงและการปรากฏตัวในโซเชียลมีเดีย ไม่ให้คนลืม” จากคนเบื้องหลังมาเป็นผู้บริหาร ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมั้ย? “เปลี่ยนค่อนข้างเยอะครับ เป็นเบื้องหลังเราทำงานกับโปรดิวเซอร์ในห้องอัด พอเป็นผู้บริหารมันก็มีด้านตัวเลข การควบคุมหน่วยธุรกิจต่างๆส่วนใหญ่เป็นที่ปรึกษาวางแผนร่วมกัน ซึ่งแต่ละศิลปินก็ต่างกัน เราต้องกระชากวัยลงมา เล่นโซเชียลมีเดียให้ทันน้องๆ เวลามีเทรนด์อะไรมาก็ต้องรู้เพื่อคุยกับเค้าให้รู้เรื่อง ก็ต้องเข้าใจเค้า”ล่าสุด “บอม” มาเป็นที่รู้จักในมุมว่าที่เจ้าบ่าวของสาว “ใบเฟิร์น-อัญชสา” โคจรมาเจอกันได้ยังไง? “ช่วงที่เจอกัน เราโสดมาสักพักกันทั้งคู่ มีพี่ที่รู้จักคือพี่ปอย Portrait แนะนำให้เจอกัน ตอนที่เจอกันก็ได้คุยกัน วันนั้นผมไม่รู้ว่าเค้าเป็นดารา (ยิ้ม) ก็นั่งคุยกันเลยและมองว่าเค้าก็เป็นน้องที่น่ารักคนนึง พอได้คุยรู้สึกว่ามันคลิก มีหลายๆ อย่างที่เรามองโลกคล้ายๆกัน คุยกันรู้เรื่องถูกคอ เลยเริ่มคุยกันมาตั้งแต่ตอนนั้น”ทำงานคนละสายต้องปรับตัวเข้าหากันเยอะมั้ย? “ก็คล้ายๆกับการที่ต้องปรับให้ทันศิลปิน (ยิ้ม) เราเองก็ต้องดึงตัวเองให้เด็กลงอยู่แล้ว เลยคิดว่าอาจจะได้อานิสงส์จากตรงนั้นมาใช้ด้วย แล้วใบเฟิร์นเองเค้าเป็นคนที่โตกว่าวัย เข้าใจโลก เข้าใจคน พอมาคุยกันต้องบอกว่าจูนกันติดเลย ไม่ค่อยทะเลาะกัน อาจจะเพราะเราได้เจอกันช่วงโควิด-19 พอดี เมื่อก่อนผมต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน กลายเป็นเรา work from home หรือ from everywhere ผมเดินทางไปกับใบเฟิร์นได้ แล้วก็ประชุมได้ด้วย เลยทำให้เราได้ใช้เวลากับเค้าด้วยและยังสามารถทำงานได้”ประทับใจอะไรใน “ใบเฟิร์น” ว่าคนนี้ล่ะคือ คู่ชีวิต? “ประทับใจในความติดดินของเค้า ทริปแรกที่ไปเที่ยวกันคือลุยมาก นอนเต็นท์ ปีนเขา พายเรือ เป็นกันเอง ความเก่งของเค้าแสดงได้หลายบทบาท ทำช่องท่องเที่ยวก็ทำได้ดี เป็นคนตั้งใจทำงานมาก และประทับใจในน้ำใจของเค้าที่ทำเพื่อสังคมมาตลอด เช่น ช่วยเด็กดอย ชาวนา พอคบหาศึกษาดูใจ ได้ไปเที่ยวกันเยอะๆได้เห็นทัศนคติเค้าและความเข้ากันได้มากๆ เลยขอเค้าแต่งงาน จริงๆเราสายมูทั้งคู่ ดูฤกษ์แล้วเป็นปลายปีนี้คงมีการจัดงานแต่ง” หลังแต่งงานวางแผนการทำงานยังไงบ้าง? “เราเป็นคนสนุกกับงานทั้งคู่ น่าจะลุยงานเต็มที่เหมือนเดิม และมีทริปต่างๆที่ออกไปเพื่อทำรายการ bivoyage ของเค้า คงใช้ชีวิตคู่กันก่อนช่วงนึงจนอยู่ตัว ทำงานให้เต็มที่กันก่อนค่อยมีทายาท”อายุห่างกันเยอะเป็นอุปสรรคมั้ย? “ห่างกัน 10 ปี แต่โชคดีครับ งานของผมต้องทันเด็กที่เป็นศิลปินอายุ 20 ก็ต้องเข้าใจคนวัยนี้ เลยทำให้เข้าใจใบเฟิร์นมากขึ้นเหมือนกัน”เอาหลักการบริหารงานมาบริหารความสัมพันธ์ด้วย? “(ยิ้ม) ช่วยได้เยอะครับ ถ้าเรามองตรงกันว่าเราพร้อมจะปรับเข้าหากัน มันช่วยให้ความรักยั่งยืนกว่าเวลา ผมเลยคิดว่าเวลาไม่ใช่คำตอบ เราคงเจอกันในจังหวะที่พร้อมทั้งคู่ด้วย เลยใช่คนที่เราตามหาทั้งสองฝ่ายครับ”.