เรียกว่าไปให้สุดทุกบทบาท พระเอกหนุ่ม “ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร” ที่ร่วมแสดงในภาพยนตร์ “One for the Road วันสุดท้าย...ก่อนบายเธอ” ซึ่งได้ “หว่องกาไว” รับหน้าที่ดูแลงานสร้าง กำกับโดย “บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ” คว้ารางวัลจากเทศกาล “Sundance Film Festival” มาแล้ว พร้อมเข้าฉายในเมืองไทย 10 ก.พ.นี้ ซึ่งต่อทุ่มเทเพื่อความสมจริงต้องเพิ่มน้ำหนักขึ้นมา 15 กก.เพื่อหนังเรื่องนี้ เล่าว่า “ใช่ครับ จริงๆผมได้แรงบันดาลใจมาจากพี่ไอซ์ซึ เราเห็นเค้าเล่นกับ น้ำหนักตัวเองที่ลงมา 17 กก. ผมก็เลยรู้สึกว่า เราน่าจะมีส่วนที่ช่วยเขาได้ ที่ทำให้มันชัดขึ้น เราขึ้นไป 15 กก. ซึ่งมันต่อเนื่องกับตอนละครขอเกิดใหม่ใกล้ๆเธอด้วยครับ ที่ผมใช้น้ำหนักนี้ตอนเล่น แล้วตอนนี้ก็ลงมาแล้ว 8 กก. ตอนนี้ปัจจุบันมันก็จะมีความต่างกับตอนถ่ายหนังเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะครับ”เราใช้วิธีไหน? “ตอนลงไม่ยากสำหรับผม คือเป็นคนที่ระบบเผาผลาญผิดปกติ เผาเยอะกว่าปกติ แต่ว่าจะลำบากตอนเอาขึ้นครับ ตอนนั้นมันเหมือนมีเวลาแค่ 3 อาทิตย์ที่ 15 กก.ต้องขึ้นมา ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็คือ ความรู้สึกทุกมื้อที่ผมกินต้องรู้สึกอิ่มเหมือนท้องจะแตก สมมติเช้ากินเสร็จแล้ว ตอน เที่ยงยังไม่ทันหิวก็ต้องกัดฟันกิน เป็นครั้งแรก ในชีวิตนะที่รู้สึกไม่มีความสุขในการกิน (หัวเราะ)”มีเอฟเฟกต์อะไรกับร่างกายมั้ย? “เอฟเฟกต์แรกเลยคือสะใจครับ ในฐานะนักแสดงมันได้ฟีลมาก แล้วผมก็ ได้เรียนรู้สกิลใหม่จากพี่ไอซ์ซึครับ ด้านลบก็มีนะ ผมเพิ่งรู้ว่า สมมติเราเอาน้ำหนักขึ้น ร่างกายเราขึ้นมาทุกส่วนเลย แต่เวลาเราเอาน้ำหนักลง มันไม่ใช่ทุกส่วนที่มันจะลง มันลงไม่พร้อมกัน ก็ต้องใช้เวลา ของเรามันอยู่ที่เหนียงครับ (หัวเราะ)” ทำการบ้านเยอะทั้งเป็นบาร์เทนเดอร์ด้วย? “พอไปศึกษา พอผู้กำกับเค้าพาไปดูบาร์เทนเดอร์ตัวจริง มีความเป็นอาร์ตแล้วก็รู้สึกว่าเป็นอาชีพที่น่าค้นหา มีเสน่ห์ ทำให้ครีเอตคาแรกเตอร์บางอย่างออกมาได้ ลุคเรื่องนี้ มันไม่เคยออกมาในเรื่องไหนที่ผมเคยเล่นมา เป็นภาพที่เป็นเฉดใหม่มากๆ” แล้วคิดว่า ความรักของตัวเองเป็นเครื่องดื่มอะไร? “ไม่เคยคิดจะเทียบกับในชีวิตจริงเท่าไหร่ครับ”ได้ประสบการณ์ อะไรจากหนังเรื่องนี้? “เยอะครับ ตอนถ่ายไม่รู้ตัวจนถ่ายเสร็จ ถึงรู้ว่าให้อะไรมาเยอะมาก ผมโตขึ้นโดยที่ไม่รู้ตัว จนคนที่เราทำงานด้วยทักเราว่าเหมือนผ่านโลกเยอะขึ้นนะ ดูเจนโลกขึ้น ดูความคิดเปลี่ยน แล้วจริงๆเป็นมู้ดใหม่ๆ ที่ทั้งร่วมงาน ทั้งคนใกล้ตัวรู้สึก คือเดี๋ยวนี้ผมค่อนข้างสบายตัวแล้วครับ เมื่อก่อนทุกคนจะติดภาพผมเป็นฟีลจริงจัง ออกไปในทางเครียดด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ได้อย่างนั้น แค่ความจริงจังยังอยู่ครับ” เลิฟซีนค่อนข้างเร่าร้อน เขินมั้ย? “เขินสุดๆไปเลยครับ ไม่ได้เคยเล่นแบบนี้แต่ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ ที่ดีเหมือนกันในฐานะนักแสดงนะ ต่อให้ผมเขินมาก แต่อยู่หน้าเซตแล้วผมถอยไม่ได้ ต้องเต็มที่กับการแสดงตรงนั้นให้ถึงที่สุด” ถามถึงที่เพิ่งไปถ่ายปฏิทินกับทางช่องวันมา เป็นอย่างไรบ้าง? “สนุกดีครับ คือเป็นปฏิทินแรกของช่องวัน เค้าไม่เคยมีมาก่อน ก็อยากทำกิมมิกพิเศษ คือชวนนักแสดงข้างนอกที่เคยร่วมงานกับช่องวันบ่อยๆ ที่มีความสัมพันธ์ดีๆต่อกันมาร่วมเป็นการคอลแลบกัน ก็รู้สึกให้เกียรติ แล้วบวกกับปีนี้ผมจะมีโปรเจกต์กับช่องวันด้วย ที่จะออนในปีนี้ แต่น่าจะหลังภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ”หลายคนก็เลยสงสัยว่าเราจะย้ายมาอยู่ช่องวันเลยหรือเปล่า? “ปีนี้ผมจะมีโปรเจกต์กับช่องวัน ผมว่าความสัมพันธ์ของผมกับช่องวันยังรักกันเหมือนเดิม ผมเป็นเด็กนาดาวบางกอก แต่ว่ามันก็เหมือนกับบ้านใกล้เรือนเคียง เอาจริงๆผมให้เกียรติช่องมาก ไม่ใช่แค่ช่องวันนะ เพราะสุดท้ายผมก็เคยไปเล่นกับทางช่อง 3 รวมถึงช่องอื่นๆด้วย ผมว่าผู้ใหญ่ทุกช่องก็น่าจะเข้าใจผมชัดเจน” สัญญากับนาดาวยังมีอยู่ใช่มั้ย? “ไม่ได้คุยเรื่องนี้เลยครับ ผมถ่ายละครอย่างเดียว ก็คิดว่าเหมือนเดิมถ้ามีอะไรเปลี่ยนแปลงน่าจะมีการเรียกเข้ามาคุยกัน แต่ว่ายังไม่มีครับ” เหงามั้ยน้องๆในค่ายแยกย้ายกันไปหลายคน? “ไม่เหงาครับ คือจะบอกว่า ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น สิ่งที่ผมไม่เคยลืมเลยคือเราโตมาด้วยกัน ความสัมพันธ์มันไม่ได้เปลี่ยน แต่ผมรู้สึกว่าเราโตพอที่จะยอมรับการตัดสินใจแต่ละบุคคลได้แล้ว คือสุดท้ายแล้วผมว่าทางเดินแต่ละคนมันไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ใครจะรู้วันหนึ่งผมอาจจะเจอทางใหม่ๆของตัวเองก็ได้แล้วผมอาจจะรู้สึกว่าฉันอยากตามความฝันตรงนี้ก็ได้ มันไม่มีใครรู้อนาคต”ถ้าหมดสัญญากับนาดาวบางกอก เราจะเซ็นต่อมั้ย? “ก็ถ้าเกิดว่าเค้ายังอยากให้ผมอยู่นะ ไม่รู้อะ เพราะผม ก็รักที่นี่ พี่ๆก็รู้ ผมรักนาดาว รักจีดีเอชมากอยู่แล้ว ผมว่าให้เป็นฝ่ายผู้ใหญ่ตัดสินใจก่อน แล้วเราค่อยมาตัดสินใจร่วมกัน” ความรักเป็นอย่างไรบ้าง มีไปเที่ยวด้วยกันบ้างมั้ย? “มันยากมากเลยครับ ด้วยสถานการณ์ที่มันเป็น แล้วจริงๆ คือผมมีกองอยู่ด้วยกับทางช่องวัน ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนจริงจังขนาดนั้น อย่างตอนปีใหม่ที่ผ่านมา แม่ผมเกิดวันที่ 1 ม.ค. ก็คืออยู่กับแม่ เลยเหมือนกับมันก็มีไปเที่ยวบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่มีเป็นทริปแบบจริงจังขนาดนั้นครับ เพราะก็กลัวเหมือนกัน โชคดีที่ยังรอดจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้” 14 ก.พ.วันเกิดต่อ วันวาเลนไทน์ด้วยมีแพลนอะไรเป็นพิเศษมั้ย? “ก็อยากถามคุณโอมิครอนก่อนเหมือนกันครับว่าแพลนคุณมียังไงบ้าง ผมจะได้ตามถูก เป็นคนที่ทำให้ผมต้องมีระยะห่างครับ (หัวเราะ)”.