โตไวแบบก้าวกระโดด เพียง 1 ปี ในวงการเพลงของศิลปินหนุ่ม “มิว–ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์” พาผลงานเพลงต่างๆดังไกลระดับอินเตอร์ ติดโผนักร้องดังระดับท็อปบน Billboard และ iTunes และสร้างความร้อนแรงในทวิตเตอร์ จนถึงขนาด Forbes ยกให้เป็นศิลปินดาวเด่นพุ่งแรง และอีกด้านของ “ความดัง” มาพร้อมเรื่อง “ดราม่า” ที่ต้องเจอและผ่านไปให้ได้ เลยต้องมาอัปเดตวันนี้ของ “มิว” ไปพร้อมๆกัน1 ปี ในวงการเพลงของเราเป็นไงบ้าง รีวิวให้ฟังหน่อย?“1 ปีเราปล่อย 5 ซิงเกิลกับ 1 อัลบั้ม ที่มีทั้งหมด 10 เพลง ผมรู้สึกว่าก็เยอะเหมือนกันเพราะอัดเพลงเดือนต่อเดือนเลยครับ ผ่านอะไรมาเยอะมากๆ จะเห็นว่าซิงเกิลแรก Season of you กับเพลงที่ปล่อยโปรโมตอัลบั้มเพลง Drowning จะมีความต่างของการร้องชัดเจน เรียกว่ามีเพลงใหม่ทุกเดือนและยังไม่รวมกับโปรเจกต์แยกอีก” ถามย้อนไปถึงวันที่อัลบั้ม 365 อัลบั้มแรกเสร็จสมบูรณ์ ตอนนั้นรู้สึกยังไง? “ตื่นเต้นมาก พอเราปล่อยไป 5 ซิงเกิลแล้ว ก็มายังมีอีก 5 เพลงที่ยังไม่มีใครได้ฟังปล่อยออกมาทีเดียว ตอนนั้น 5 เพลงที่ปล่อยมาพร้อมกัน ติด Billboard charts เปิดตัวในชาร์ต World Digital Song Sales 5 เพลงอันดับ 4-7 ตอนนั้นเราแค่คิดว่าอยากให้เป็นแฟนๆได้รับรู้เรื่องราวของเราผ่านทางเสียงเพลงแค่นั้น ตัวยอดต่างๆเรียกว่าเป็นโบนัสสำหรับเรา มันมากกว่าที่เราฝันเยอะมากๆ ตอนที่ Billboard แจ้งมาวันนั้นประมาณ 4-5 ทุ่ม เหมือนจะนอนอยู่แล้ว สะดุ้งขึ้นมา ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับเลย” เป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้ติดชาร์ตแบบนี้เป็นความภูมิใจของคนไทย รู้สึกยังไง? “ดีใจครับ เพราะ 5 เพลงเป็นเพลงไทยล้วน ดีใจที่มีโอกาสทำให้คนต่างชาติได้ฟังเพลงไทยมากขึ้น” อย่างที่ Forbes มองเห็นชื่นชมเรา รู้สึกยังไง? “ดีใจมากๆยิ่งรู้สึกว่าอยากมีไอเดียถ่ายทอดเพิ่มมากขึ้นให้ชาวต่างชาติได้รับรู้และคนไทยด้วยเช่นกัน เลยทำให้ซิงเกิล SPACEMAN ทำเป็นเพลงสากลเลย”ซิงเกิล SPACE MAN ได้วง HONNE ดูโอดังจากอังกฤษมาร่วมงานได้อย่างไร?“คุยกันผ่านทางไอจีเลยครับ ผมก็เป็นแฟนคลับเค้า ชอบเพลงเค้ามากๆเวลาเค้าปล่อยเพลงใหม่เราก็ชอบเอามาลงในไอจี เค้าก็มาตอบขอบคุณ จากนั้นได้มีการพูดคุยกันเลยได้ชักชวนเค้ามาทำเพลงให้ ซึ่งทั้งเจมส์และแอนดี้น่ารักมากๆ แต่พอมาถึงพาร์ตการทำงานก็จะจริงจังมาก อัดทั้งหมด 7 ชม.เต็ม ผมมีเวลาพักแค่เข้าห้องน้ำ นอกนั้นยืนร้องยาวๆ ทั้งสองคนคุมร้องผ่านวิดีโอคอลอยู่ พาร์ตอารมณ์จะไม่ค่อยยากแต่เป็นเรื่องคำต่างๆ เพราะบางทีสำเนียงเราอาจจะยังไม่ชัดสำหรับคนต่างชาติ ฟีดแบ็กดีมากๆ ครับ เพลง SPACEMAN ติดอันดับหนึ่ง iTunes 20 แห่ง ติดชาร์ต 40 แห่ง”จากวันแรกถึงวันนี้เห็นการเติบเติบโตของตัวเองยังไงบ้าง?“เยอะมากเลยครับ ปีที่แล้วจากวันที่ปล่อยเพลง Season Of You ก็ไม่คิดว่าวันนี้จะได้มาร้องเพลงกับวง HONNE ไม่เคยคิดว่าจะปล่อยเพลงสากลด้วยซ้ำ เพลงแรกคิดว่าเอาสิ่งที่เราสะสมมาอยากถ่ายทอดให้คนฟังแค่นั้น ถึงวันนี้ก็แปลกใจกับตัวเองเหมือนกัน ก็ภูมิใจเหมือนกันครับ เพราะถ้ามองย้อนกลับไป ช่วง 1 ปีในวงการเพลงของผมก็ค่อนข้างก้าวกระโดด จากคนที่ชอบร้องเพลงเฉยๆ ก็ขยับมาแต่งเพลงเอง แต่งเมโลดี้เอง ทั้งไทยทั้งอังกฤษ ตอนนี้ก็นั่งทำเพลงนั่งทำดนตรีเองทุกอาทิตย์แต่งเพลงเอง มันเปลี่ยนไปเยอะมากๆ” เรียกว่าทำได้ทุกอย่าง? “มันอยู่ที่การเรียนรู้แล้วก็ฝึกฝนไปเรื่อยๆ อย่างเรื่องการแต่งเพลงเราก็เก็บมาจากสิ่งที่เราเจอแต่ละวันมันเยอะมาก ส่วนเรื่องดนตรีก็ต้องฝึกเยอะเหมือนกัน ถามคนโน้นคนนี้ ฝึกจากยูทูบ คอยสังเกตคนที่ทำงานกับเราไปเรื่อยๆ ตอนนี้ก็พยายามท้าทายตัวเองทุกอาทิตย์ ก็จะแต่งเพลงใหม่เก็บเป็นคลังเพลงเพื่อดูว่าเพลงไหนเหมาะจะใส่ในอัลบั้มที่ 2 ในปีหน้า” ปรับตัวยังไงกับการทำงานกับศิลปินที่หลากหลาย? “ก็ต้องทำตัวเป็นเหมือนน้ำไม่เต็มแก้วที่พร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลาว่าแต่ละคนเค้ามีอะไรให้เราบ้าง ปรับเปลี่ยนแนวทางไปกับเค้า แชร์แนวเพลงกัน” ฝันต่อไปอยากร่วมงานกับใคร? “โปรเจกต์ Global Artists ก็มีศิลปินอื่นๆอีกครับ อยากให้รอติดตาม ปีหน้าก็กลับมาเริ่มกับอัลบั้มตัวเองอีกครั้ง”มิวก่อตั้ง MEW SUPPASIT STUDIO การทำสตูดิโอเป็นของตัวเองเอื้อต่อการทำงานเพลงอย่างไร?“ดีมากๆครับ ทำให้เราเป็นอิสระต่อการออกไอเดียทุกขั้นตอน จบงานเอง แก้เอง รวมทั้ง MV ว่าอยากได้ไอเดียอย่างไร ตัดต่ออย่างไร” ทุกชิ้นงานผ่านสายตามิวหมด? “ใช่ครับ ส่วนใหญ่ครับ” อีกด้านล่ะ การทำสตูดิโอมีอุปสรรคอะไรบ้าง? “น่าจะเป็นเรื่องความเหนื่อยล้าครับ เพราะตอนนี้ทีมเราก็ยังมีคนไม่เยอะ ในอนาคตน่าจะมีคนมาช่วย เพราะสเกลงานจะขยายขึ้นอีก” มีเพลงดังติดชาร์ต เพลงต่อๆไปกดดันมั้ย? “กดดันครับ เหมือนเรากดดันร่วมกันแหละทั้งเราและแฟนๆเราแชร์ร่วมกันได้ เรื่องกระแสต่างๆ ต้องบอกว่าจริงๆเพลงของผมเป็นเพลงที่ไม่ค่อยแมสเท่าไหร่ (ยิ้ม) ตัวแนวเพลงค่อนข้างเป็นเชิงอินดี้ เป็นการสื่อความหมายที่อาจจะลึกซึ้งในการตกตะกอนเพราะมันมาจากตัวผมเองนี่แหละ บางครั้งอาจจะฟังยาก ใจความหลักคือเราอยากสื่อสาร ถ้ามันจะแมสขึ้นมาก็ถือเป็นผลพลอยได้จริงๆ แต่เราเน้นวิธีการสื่อสารมากกว่าว่าเมสเสจที่เราอยากเล่าหรือขับเคลื่อนอะไรบางอย่างมันเป็นไง”แพชชันของมิวในวงการเพลงตอนนี้ล่ะ?“ตอนนี้เหมือนผมได้เอาสิ่งที่เราชอบมาทำเป็นงานด้วย มันเลยสามารถแต่งเติมอะไรได้อีกเรื่อยๆ สำหรับแพชชันของผมด้านวงการเพลง อย่างแรกคือแค่ได้พัฒนาตัวเองได้ลองทำอะไรใหม่ๆคือสุดยอดแล้ว เพราะแนวเพลงมันมีเยอะมากๆ เหมือนเราได้หยิบมาแต่งแต้ม ได้วาดรูปใหม่ทุกวัน มันเป็นเหมือนงานศิลปะ สุดท้ายแล้วมันเติมเต็มอะไรบางอย่างทั้งตัวเราและคนที่รับสาร ผมเป็นคนชอบงาน Abstract ครับ มันก็เลยเป็นการแชร์กันระหว่างศิลปะกับคนเสพ เรามีกรอบอยู่แต่สุดท้ายเราไม่ได้บอกว่าผลงานจะไปถึงไหน มันอยู่ที่คนตีความผลงานนี้เองว่าเห็นในรูปแบบไหน” หลายคนอาจจะมองว่าทำให้ง่ายไม่ง่ายกว่าเหรอ? “คงเป็นเรื่องสไตล์ของศิลปินแต่ละคน เราเป็นคนที่ชอบคิดเยอะ โน่นนั่นนี่เลยใส่ความเป็นเราแบบนี้ไป” มีฟีดแบ็กหรือคำยอมรับชื่นชมอะไรที่ทำให้มิวรู้สึกว่าได้พิสูจน์ตัวเองแล้ว? “อย่าง Forbes ชื่นชมก็ดีใจครับ มีครั้งนึงผมเคยไปซื้อชานมไข่มุก แล้วคนที่ร้านเค้าเปิดเพลงผม แล้วไม่รู้ว่าผมเป็นคนร้องเพลงนี้ พอถามเค้าว่าเพลงใคร ก็บอกว่าไม่รู้แต่ชอบเพลงนี้มากเปิดทุกวันเลย คำแค่นี้ก็เติมเต็มเราได้แล้ว” ความปังนี้มีไปมูที่ไหนหรือเปล่า? “ที่บ้านเป็นกระทรวงเวทมนตร์ครับ (หัวเราะ) หม่าม้าเป็นทีมหลังบ้านคอยผลักดัน หม่าม้าผมจะไหว้ดูฤกษ์ยามตลอด”นอกจากงานเพลงก็มีโปรเจกต์ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ “The Ocean Eyes” ด้วย?“ด้วยความที่สเกลของงานมันขยายไปเรื่อยด้วยทำให้เรามีการเปลี่ยนทีมงานใช้ทีมงานจากฝั่งฮอลลีวูด ทั้งผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ นักเขียนมาจากฮอลลีวูดหมด ซีรีส์ The ocean eyes เรื่องนี้ เราอยากทำเพื่อสร้างคอนเนกชันบางอย่างสำหรับมนุษย์ด้วยกันและสิ่งที่มีชีวิตสำหรับคนทั่วโลก อยากให้เป็นซีรีส์แฟมิลี่ที่พ่อแม่ลูกนั่งอยู่ด้วยกัน ทางทีมผมเลยติดต่อไปทางอเมริกาให้เค้ามาปรับแก้บทให้ครับ” แต่ละวันดูมีอะไรทำเยอะ ดูสมองแล่นตลอดมีช่วงว่างผ่อนคลายบ้างมั้ย? “ตอนนี้ก็ประชุมซีรีส์ ทำงานรายวัน เขียนเพลงด้วย เราทำงานหลายที่ มีช่วงว่างในรถไม่รู้จะทำอะไรก็เขียนเพลงมองฟ้ามองฝนก็เขียนเพลง ตอนผ่อนคลายสมองก็ยังแล่นอยู่ เวลาดูหนังซีรีส์เราก็ดูนักแสดงซึมซับกับตัวละคร ด้านอารมณ์ต่างๆเอามาใช้ในการแสดง ซึมซับสิ่งรอบตัวตลอดเวลา การรีแลกซ์ จริงๆที่ดีที่สุดคือนอนครับ (ยิ้ม)” อะไรคือความสุขง่ายๆของมิว? “ผมชอบสังเกตสิ่งรอบตัว ได้ฟังเพลงใหม่ๆ กินอาหารอร่อย แค่นี้ก็แฮปปี้ มองฟ้า มองฝนอากาศดีจัง หรือฟ้าครึ้มก็นึกถึงเรื่องต่างๆ”อีกมุม “ความดัง” ก็มีมาพร้อม “ดราม่า” ถือว่าหนักสำหรับเรามั้ย?“หนักเหมือนกันครับ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องปกติถ้าเราก้าวมาถึงจุดนี้ แค่เรารับรู้ตัวเองว่าตอนไหนเรารู้ว่าจิตใจเราไม่ไหวก็ปรึกษาเพื่อน คนรอบตัว หรือปรึกษาแพทย์ ถึงไม่ใช่เรื่องไม่ดีเป็นการบำบัดสุขภาพจิตเราให้ดีขึ้น” เคยมีมุมท้อหรือน้อยใจมั้ยว่าทำไมบางคนบอกว่าเราเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ทั้งที่เราไม่ได้เป็น? “มีนะครับ แต่สุดท้ายเราก็ไปบังคับใครให้เชื่อเราไม่ได้ ถ้าเค้าอคติไปแล้วมันก็ยากที่เค้าจะเชื่อเราไม่ว่าจะอธิบายอะไร เค้าก็มีความคิดของเค้า สุดท้ายเราเอาเวลามาดูแลคนที่รักเราดีกว่า” เคยท้อจนอยากหยุดเลยมั้ย? “ก็เคยมีนะ อยากนอนอยู่เฉยๆสักเดือนนึง แต่คิดแบบนั้นได้ชั่วโมงเดียว มันก็หายแล้ว หายไวมากๆ เปิดตู้เย็น กินขนมก็หายแล้ว” ผ่านดราม่าทำให้แกร่งขึ้นมั้ย? “ก็แกร่งขึ้นนะครับสำหรับเรื่องนึง แต่พอมีเรื่องใหม่มาเราก็ต้องเรียนรู้อีก” อะไรที่ทำให้เราแกร่งเวลาเจอดราม่า? “ก็ทำความเข้าใจครับ หรือบางครั้งที่เราไม่อยากเห็นก็แค่ไม่เข้าโซเชียล” เป็นคนที่เวลามีเรื่องต่างๆมันกระทบจิตใจเราง่ายมั้ย? “แล้วแต่เรื่องแล้วแต่วันด้วยครับ ก็ด้วยความเป็นคนเซนซิทีฟนี่แหละ ข้อดีของการมีอารมณ์ต่างๆคือเก็บมาใช้ในการแสดงได้ เราอ่อนแอได้ เรียนรู้ว่าความอ่อนแอมันเกิดจากอะไรแล้วเอามาประยุกต์ใช้ในบทบาทได้ว่าเคมีในร่างกายเรามันเกิดจากอะไร ความรู้สึกเศร้า ความกดดันจากคนอื่นมันไปอยู่ตรงไหนในตัวเราสิ่งที่เราจะใช้ในการดัดแปลงอารมณ์ ตัวเองมีอะไรบ้าง” เจอกี่ดราม่า แฟนคลับก็เคียงข้าง? “แฟนคลับเราน่ารักมากๆจริงๆครับ คอยซัพพอร์ตตลอด ทำให้รู้สึกอุ่นใจมากๆเหมือนเราไม่ได้สู้ตัวคนเดียว มีคนเคียงข้างเราเสมอ พอมีเรื่องราวต่างๆก็ยิ่งอยากทำงานต่างๆให้ดีขึ้น เพราะได้เห็นว่าคนที่รักเราเค้าทุ่มเทกับเรามาก ผมดีใจที่ได้มาเจอทุกคน และได้เรียนรู้ไปพร้อมกัน” เคยมองมั้ยว่าช่วงนี้ 1 ปีที่เติบโตก้าวกระโดดในช่วงชีวิต? “ก็เป็นช่วงที่โตเร็วที่สุดครับ ทำงานทุกวัน มีเรื่องให้คิดพัฒนาแก้ไขตัวเองทุกวัน”แพลนของชีวิตส่วนตัวล่ะ มองถึงอนาคตและครอบครัวอย่างไรบ้าง?“เรื่องครอบครัวยังไม่เคยมองเลยครับ” เป็นมิว–ศุภศิษฏ์ วันนี้ทำให้เจอใครเข้ามาในชีวิตยากมั้ย? “ต้องบอกว่าตัวผมเองแหละที่ยังปิดกั้นอยู่ เพราะผมรู้สึกว่ายังไม่พร้อมจริงๆถ้ามีใครสักคนเข้ามาคงสงสารเค้าแน่ๆ เพราะวันๆคิดแต่เรื่องงานเลยยังก่อนดีกว่า ตั้งใจทำงานก่อน มันมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะมากๆ ยังสนุกตื่นเต้นกับตรงนี้” ไม่มีใครเข้ามาบ้างเลยเหรอ? “เอาจริงๆก็ไม่มีใครแทรกเข้ามาหรือผมไม่เห็น (หัวเราะ)” แฟนคลับจะโอเคไหมถ้าวันนึงเรามีใคร? “วันนึงแฟนคลับคงพร้อมที่จะให้เรามีครอบครัวนะ เพราะแฟนคลับน่ารักและค่อนข้างเปิดกว้างกับการใช้ชีวิตของผมมากๆ แฟนคลับรักในความเป็นผม พอเรายิ่งออกงานเพลงได้ถ่ายทอดความเป็นตัวเอง เค้าก็จะรักตัวตนของเราครับ”.เรื่อง: สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย