ชุดปฏิบัติการฉลามขาว กรมทรัพยากร ทางทะเลและชายฝั่ง พร้อม กอ.รมน.ลุยทวงคืนผืนป่าชายเลน ใน จ.สมุทรสงคราม ใกล้แหล่งท่องเที่ยวดัง “ดอนหอยหลอด” เจอท่าเทียบเรือส่งก๊าซขนาดใหญ่ก่อสร้างคร่อมปากน้ำแม่กลอง รุกล้ำลงไปในทะเล 300 เมตร พบพิรุธเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน อ้าง สค.1 หายไปจากระบบ มีการเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่โดยสิ้นเชิง และไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ตามมติ ครม. เตรียมเสนออธิบดี ทช.สั่งระงับก่อสร้าง ด้านบริษัทเอกชนยันทำถูกต้อง อ้างกรมเจ้าท่าให้สร้างสะพานไปในทะเลได้ อีก 60 วันทำเสร็จหมดเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบนาย ทุนรุกผืนป่าชายเลนและทะเลในจังหวัดสมุทรสงคราม โดยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 12 มิ.ย. ชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว นำโดยนายรัชชัย พรพา หัวหน้าชุดฉลามขาว พร้อมด้วย พล.อ.ณรงค์ บัวคำ รองหัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จ.สมุทรสงคราม เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและตำรวจ บก.ปทส.เปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่าตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนท้องที่หมู่ที่ 7 ต.แหลมใหญ่ ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม มีการก่อสร้างท่าเทียบ เรือขนาดใหญ่รุกล้ำเข้าไปในทะเลและมีการก่อสร้างคลังก๊าซขนาดใหญ่ในพื้นที่ชุมชนคลองน้อยเมื่อไปถึงบริเวณที่มีการก่อสร้างคลังก๊าซท่าเทียบเรือคลังก๊าซ ของบริษัท เอ็นเอสแก๊ซ แอลพีจี จำกัด พบคนงานกำลังก่อสร้างคลังก๊าซขนาดใหญ่ จำนวน 4 คลัง รวมทั้งมีการก่อสร้างสำนักงานในบริเวณใกล้เคียง ในพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าชายเลนสมบูรณ์ เป็นป่าโกงกางขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ ขณะที่ด้านหลังติดทะเล บริเวณปากน้ำแม่กลอง มีการก่อสร้างถนนเพื่อสร้างสะพานคอนกรีตขนาดใหญ่ พบรถแบ็กโฮและโป๊ะขนาดใหญ่สำหรับขนวัสดุก่อสร้าง ตั้งขนานกับตัวสะพาน โดยสะพานสร้างคร่อมปากแม่น้ำแม่กลอง ด้านขวามือเป็นป่าโกงกาง ป่าแสม ป่าจากสมบูรณ์และมีแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่น ขณะที่ด้านซ้ายมือก็เป็นป่าชายเลนสมบูรณ์และมีแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่นเช่นกัน ถัดออกไปสามารถมองเห็นดอนหอยหลอด เป็นสถานที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพและแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.สมุทรสงคราม อย่างชัดเจนต่อมา นายพลศิลป์ จารุภาชน์ ผู้จัดการบริษัท อินเทนซีฟ เมคคานิคส์ จำกัด พร้อมกับทนายความ มาแสดงตัวว่าเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ดังกล่าว รวมทั้งนำโฉนด 3 แปลง พื้นที่ 45 ไร่ มาแสดงเป็นหลักฐานว่าการก่อสร้างดังกล่าวทำอยู่บนที่ดินโฉนดของตนเอง รวมทั้งระบุว่ามีใบอนุญาตให้ก่อสร้างท่าเทียบเรือจากกรมเจ้าท่าให้สามารถสร้างสะพานไปในทะเลได้นายรัชชัย พร้อมกับ พล.อ.ณรงค์ จึงขอตรวจสอบพื้นที่ สั่งให้เจ้าหน้าที่รังวัด รวมทั้งจับพิกัดจีพีเอส นอกจากนี้มีการนำโดรนยานบินไร้คนขับ บินขึ้นไปตรวจสอบพื้นที่มุมสูง เพื่อหาพิกัดว่ามีการก่อสร้างพื้นที่เกินกว่าโฉนดที่มีอยู่หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบลำรางสาธารณประโยชน์และการก่อสร้างท่าเทียบเรือรุกล้ำลงไปในทะเลกว่า 300 เมตร ทั้งนี้ระหว่างการตรวจสอบ บริษัทดังกล่าวยังมีการก่อสร้างโดยการตอกเสาเข็ม และก่อสร้างส่วนอื่นๆ เช่น เทปูน โดยไม่มีการหยุดดำเนินการแต่อย่างใด ทั้งนี้ ใช้เวลาในการตรวจสอบประมาณ 2 ชั่วโมงเศษจากนั้น นายรัชชัยกล่าวว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ขอให้มีการเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างท่าเทียบเรือเนื่องจากส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมทั้งขาดกระบวนการมีส่วนร่วม จากชาวบ้าน ไม่มีการจัดทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม จึงมาตรวจสอบ เบื้องต้นพบว่าการก่อสร้างท่าเทียบเรือไม่มีการขออนุญาตเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่า ชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 ก.ค.2534 วันที่ 22 ส.ค. 2543 และวันที่ 17 ต.ค.2543 ตามหลักการบริษัทเอกชน ไม่สามารถขอยกเว้นมติ ครม.ได้ ดังนั้น ไม่ทราบว่าบริษัททำได้อย่างไรโดยไม่ขออนุญาต นอก จากนี้ยังมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ยื่นไปในทะเล คร่อมปากน้ำแม่กลอง มีความยาวถึง 300 เมตร ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะป่าชายเลน ที่สมบูรณ์ ที่สำคัญการก่อสร้างดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับดอนหอยหลอด ที่เป็นแหล่งป่าชายเลนและทรัพยากรฯที่สมบูรณ์ด้วย การก่อสร้างอาจจะส่งผลกระทบต่อกระแสน้ำ ตะกอนดิน ทำให้สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนไปหัวหน้าชุดฉลามขาว กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการตรวจสอบภาพถ่ายดาวเทียมตั้งแต่ปี 2497 พื้นที่ที่มีการก่อสร้างยังเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ แต่หลังจากปี 2534 พบว่า เริ่มมีการบุกรุกและเปลี่ยนแปลงพื้นที่ป่า และจากการดูหลักฐาน โฉนดที่บริษัทนำมาแสดงก็ต้องตรวจสอบว่าออกมาโดยชอบหรือไม่ เนื่องจากตรวจพบว่าที่ดินมีการเปลี่ยนแปลงชนิดโดยสิ้นเชิง โดย สค. 1 ที่เป็นตัวบ่งชี้ที่มาของโฉนดดังกล่าว พบว่าเจ้าหน้าที่ที่ดินบอกว่าหายสาบสูญไปแล้ว ดังนั้น จะต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนว่า โฉนดที่นำมาแสดง ออกโดยชอบหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ โดยจากนี้จะรวบรวมหลักฐานเอกสารทั้งหมดให้อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลฯ เพื่อขอให้ระงับการก่อสร้างท่าเทียบเรือก่อน ตามมาตรา 17 จนกว่าการตรวจ-สอบจะแล้วเสร็จ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้านนายพลศิลป์ กล่าวว่า บริษัทสร้างคลังก๊าซแอลพีจี ขนาดใหญ่ จำนวน 4 ถัง บรรจุก๊าซได้ถังละ 2 ล้านลิตร รวมทั้งสร้างท่าเทียบเรือเพื่อนำก๊าซไปส่งในจังหวัดภาคใต้ ยืนยันว่าการก่อสร้างทำถูกต้องทุกอย่าง อีกไม่เกิน 60 วัน การก่อสร้างจะแล้วเสร็จ