ยุคสมัยที่นิยมเปลี่ยนคำไทยธรรมดา ที่มีกระแสว่าเป็นคำหยาบ เช่น ผักบุ้ง เป็นผักทอดยอดนั้น คำว่าหมา ก็ถูกเปลี่ยน เป็นคำว่า สุนัขสำนวน...เสือสิ้นจวัก สุนัขจนตรอก น่าจะเกิดขึ้นตอนนี้ใน “ เกร็ดภาษาหนังสือไทย เล่ม 2 (สำนักพิมพ์พิมพ์คำ พิมพ์ครั้งที่ 7 พ.ศ.2553) ส.พลายน้อย เล่าถึงคำว่า ตวักตะบวย” ซึ่งมักใช้กันในความหมายไม่ค่อยดี มีไว้ด่ากันเฉพาะคำ “จวัก” ใช้กับผู้หญิงขี้งอน เวลาโกรธมักทำหน้านิ่วก้มต่ำ แทนความหมาย “หน้างอ” กลายเป็นสำนวน หน้างอเป็นจวักจวัก ใช้สำหรับตักแกง หรือใช้คนของเหลวๆ คนโบราณถือ “ห้ามใช้จวักตักชิม”เรื่องเล่าคุ้นหูคนไทย เมื่อรัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต้น ไปถึงบางหลวงอ้ายเอียง ทรงแวะพักที่บ้านนายช้าง บรรดาข้าราชบริพาร ต่างช่วยหุงหาอาหารกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม เข้าครัว ทำแกง ทรงใช้จวัก ตักแกงขึ้นมาชิม นางพลับ เมียนายช้าง ดุเสียงหลงว่า “ผู้ดีเขาไม่ทำกันอย่างนี้”อีกสำนวนที่ยังใช้ จวักไม่รู้รสแกง หมายความว่า อยู่ใกล้เสียเปล่าไม่ได้ประโยชน์อะไร พูดง่ายๆเป็นคำด่า “ไม่ได้เรื่อง”วัดหนึ่งในกรุงเทพฯ สมัย ส.พลายน้อย เป็นหนุ่ม...ทำของขลังเรียกศรัทธาชาวบ้าน ของขลังหนึ่งแปลกตา คือกระจ่าหรือจวัก ทำใส่ไม้กระบอกไว้ ความแปลกกว่าจวักทั่วไป ก็คือมีการปิดทองแม่ค้านิยมเอาไปปักไว้หน้าร้าน ถือว่าเป็นจวักกวักเงิน ช่วยให้คนเข้าร้านมากๆเคยมีสำนวนพูดกันขำๆ ผู้หญิงให้จวัก แสดงว่าผู้หญิงกวักมือ เรียก สำนวนนี้ผู้ชายเจ้าชู้ นิสัยชอบตื๊อ ชอบใช้ แต่ไม่จริงจัง เหมือนสำนวน เสือสิ้นจวัก สุนัขจนตรอกสำนวนนี้ ผมเองฟังไม่คิดอะไรมาก อยากจะเข้าใจว่า เสือสิ้นเขี้ยวเล็บ...แต่ไม่สอดคล้องกับเจตนา...ที่ฝากไว้กับสุนัขจนตรอก คือมีความหมายว่า “สู้ตาย”สี่สิบกลยุทธ์ พิชัยสงครามสามก๊ก...กลยุทธ์ที่ 1 ล้อมพึงเปิดช่อง ความหมายเหมือน อย่าต้อนสุนัขไปจนตรอก อันตรายจะเกิดกับผู้ต้อนได้แต่อาจารย์ ส.พลายน้อย ท่านอธิบาย เสือสิ้นจวัก ความหมายแค่ เสือไม่มีตีน ก็หมดฤทธิ์ด้วยการอ้างความเห็นนักปราชญ์ท่านหนึ่ง ที่ว่าสำนวน เสือสิ้นจวัก สุนัขจนตรอก มาจากสำนวนเดิม เสือสิ้นป่า หมาจนตรอกอยู่ในสมัยที่อยากแก้ไขให้เป็นคำสุภาพ คำ “หมา” ไม่อยากใช้ เปลี่ยนไปเป็น “สุนัข” ก็จึงแก้ไขคำเดิม “เสือสิ้นป่า” เป็น “เสือสิ้นจวัก” เพื่อให้คล้องจองกับ “สุนัขจนตรอก”คำ “หมา” ที่เปลี่ยนไป สมเด็จฯกรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ท่านทักไว้ ไม่ทรงเห็นว่า หมากับสุนัข ศักดิ์ศรีจะดีกว่ากันผมค้นเรื่องเก่า มาเล่าเสียยืดยาว ข้อแรก อยากสื่อความรู้คนโบราณ ข้อต่อมา อยากด่านักการเมือง พวกที่ชอบทำลายเครดิตฝ่ายตรงข้าม เอะอะอะไรก็ใช้ระเบิดระเบิดทางใต้ ยะลา ปัตตานี กระทั่งในกรุงเทพฯ ที่หน้าโรงละครแห่งชาติ เมื่อสี่ห้าวันก่อนจะหนักจะเบาจะเป็นระเบิดจริงระเบิดปลอม หรือประทัดยักษ์ ก็ส่อเจตนา ทั้งการข่มขู่ และต่อรอง ตามเกมการเมืองที่เคยชินนักการเมืองพวกนี้ เป็นพวกเสือสิ้นป่า หมาจนตรอก เอาความสงบสุขของบ้านเมืองเป็นตัวประกัน...จะด่าพวกนี้ยังไงดี ใช้คำ อัปรีย์ จัญไร ก็ยังสะใจไม่พอ.กิเลน ประลองเชิง