อย่างที่รู้กันไปแล้วเทคโนโลยีพัฒนาพันธุ์พืชสมัยใหม่ นอกจากจะให้ความสำคัญในเรื่องทนโรคแมลง ทนแล้ง ให้ผลผลิตสูง ยังเน้นในเรื่องของการไม่ต้องพรวนดินได้ยินได้ฟังแล้ว หลายคนคงสงสัย การพรวนดินมีผลเสียยังไง มันช่างขัดกับความเชื่อดั้งเดิม ถ้าอยากให้พืชโตดี ต้องหมั่นพรวนดิน รดน้ำ ใส่ปุ๋ยการพรวนดินแม้จะช่วยให้ดินร่วนซุย รากพืชหาอาหารได้ดีขึ้น ดินไม่อัดแน่นจนน้ำ ปุ๋ย เข้าไม่ถึงราก ดินได้สัมผัสกับออกซิเจน ไนโตรเจนในอากาศโดยตรงแต่นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่กลับมองว่า การพรวนดินมากไป จะทำลายระบบนิเวศในดินในดินมีไส้เดือน แมลง จุลินทรีย์หลากหลายชนิด คอยตะกุยคุ้ยเขี่ยให้ดินร่วนซุยอยู่แล้ว และออกซิเจนก็เพียงพอต่อการหายใจของรากพืช แถมถ้าให้ปุ๋ยพอไม่จำเป็นต้องพึ่งปุ๋ยไนโตรเจนจากอากาศดังนั้น การขุดไถ พรวนดินบ่อยไป จะกลายเป็นการทำลายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้มากขึ้น และดีไม่ดีพรวนไปโดนราก พืชอาจตายหรือชะงักการเจริญเติบโตได้ แถมการไถพรวนแต่ละครั้งยังเต็มไปด้วยค่าใช้จ่าย เป็นต้นทุนอีกต่างหากข้อมูลเพิ่มเติมจาก ศ.เกียรติคุณ aดร.อำนาจ สุวรรณฤทธิ์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ อธิบายชัดเจน...การพรวนดินบ่อย เสี่ยงทำให้ดินเป็นกรดมากขึ้นเพราะเมื่อหน้าดินร่วนซุย อากาศ น้ำ ซึมเข้าผิวดินได้มากและเร็วขึ้น เมื่อเกิดฝนตก น้ำชะหน้าดิน คาร์บอนไดออกไซด์ที่มากับฝนและน้ำ จะทำปฏิกิริยาเคมีเกิดเป็นกรดคาร์บอนิก ต่อมาจะแตกตัวเป็นไฮโดรเจนที่มีภาวะเป็นกรดเข้าไปแทนที่ และผลักดันแคลเซียมและแมกนีเซียมในดินให้ไหลไปที่อื่น...ความเป็นด่างในดินเลยน้อยลง ทำให้ดินเป็นกรดมากขึ้นยิ่งดินมีช่องว่างรูพรุนมาก โอกาสดินเป็นกรดก็ยิ่งสูง เมื่อกรดสูง จะไม่เหมาะกับจุลินทรีย์ นี่เป็นอีกเหตุผล ทำไมใส่จุลินทรีย์เท่าไรก็ไม่เป็นผล.สะ-เล-เต