พระเจดีย์องค์ใหญ่ องค์กลางในเจดีย์สูงตระหง่าน ยอดเสียดฟ้าสามองค์ ในวัดพระเชตุพน รู้กันว่าสวมซากพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเคยอยู่ในวิหารหลวง พระราชวัง กรุงศรีอยุธยาเอาไว้พระศรีสรรเพชญ์ในสภาพที่สมบูรณ์ ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้าง แค่ไหนพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์...มีความว่า “ศักราช 862 วอกศก สมเด็จพระรามาธิบดี เจ้าแรกให้หล่อพระพุทธเจ้าพระศรีษรรเพชญ แลแรกหล่อในวันอาทิตย์ ขึ้น 8 ค่ำ ครั้นถึงศักราช 865 กุนศก วันเสาร์ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 8 ฉลองพระพุทธเจ้าศรีษรรเพชญคณนาพระพุทธเจ้านั้นแต่พระบาทถึงยอดพระรัศมีนั้น สูงได้ 8 วา พระพักตร์นั้นยาวได้ 4 ศอก พระพักตร์นั้นกว้าง 3 ศอกและพระอุระนั้นกว้าง 11 ศอก แลทองหล่อพระพุทธเจ้านั้น หนัก 5 หมื่น 3 พันชั่ง ทองคำหุ้มหนัก 286 ชั่ง ข้างหน้านั้นทองเนื้อ 7 น้ำสองขา ข้างหลังนั้นทองเนื้อ 6 น้ำสองขา”สรุป สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 โปรดเกล้าฯให้หล่อ พ.ศ.2043 สำเร็จเป็นองค์พระฯ มีงานฉลอง พ.ศ.2046พระศรีสรรเพชญ์ ชำรุดทรุดโทรมมาก หลังสงครามเสียกรุงฯครั้งที่ 2 ต่อมาในปี พ.ศ.2333 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดเกล้าฯให้ขะลอมาที่วัดพระเชตุพนผศ.ดร.รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล ให้ข้อสังเกตไว้ในหนังสือ “พระศรีสรรเพชญ์ ไม่ถูกไฟเผาลอกทองตอนกรุงเก่า (สำนักพิมพ์มติชน มี.ค.2560) ว่า ก่อนที่จะอัญเชิญพระศรีสรรเพชญ์ลงไปประดิษฐานในรากฐานพระเจดีย์ไม่มีเอกสารชิ้นใดกล่าวถึงสภาพตอนนั้น ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะทราบถึงพุทธลักษณะที่แท้จริงได้ตามความรับรู้เดิม พม่าจุดไฟเผา สำรอกเอาทองคำที่หุ้มองค์พระศรีสรรเพชญ์ไปจนหมดสภาพองค์พระหากหล่อด้วยเนื้อสำริดหุ้มด้วยทองคำ เมื่อถูกจุดไฟลอกเอาทอง...จึงถูกเข้าใจว่า ทำให้สภาพองค์พระทรุดโทรม จนยากจะซ่อมแซม หากจะเอาซากมาหลอมเป็นองค์พระใหม่...พระผู้ใหญ่ก็คัดค้านว่าไม่ควรผศ.ดร.รุ่งโรจน์ ติดตามศึกษาโครงสร้างองค์พระศรีสรรเพชญ์ เทียบกับโครงสร้างพระมงคลบพิตร พระพุทธรูป (นั่ง) ขนาดใหญ่ สร้างในรัชกาลสมเด็จพระเอกาทศรถ ทั้งพระองค์มิได้หล่อติดกันเป็นแท่งทั้งพระองค์ก่อด้วยอิฐกับปูนกระทำเป็นแกนใน แล้วตีตารางเหล็กสวมลงไว้ จึงเอาแผ่นทองมาบุปรับกันเข้า ตรึงเป็นแผ่นๆไปทั่วทั้งพระองค์พระมงคลบพิตร สร้างหลังพระศรีสรรเพชญ์เกือบร้อยปี จึงสันนิษฐานว่า โครงสร้างน่าจะเป็นเช่นเดียวกันหากโครงสร้างเป็นเช่นนี้ จึงเป็นที่มาของข้อสันนิษฐาน...สภาพแกนองค์พระก่ออิฐถือปูน บุด้วยแผ่นเหล็ก...จึงพังทลายไม่เหลือเค้าเดิมส่วนพระเศียรพระ...นั้นแยกหล่อด้วยทองสำริด ปลายปี 2558 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ...จัดแสดงพระเศียรพระพุทธรูปขนาดใหญ่ สูง 173 ซม. หากรวมพระเกตุที่หักหาย น่าจะสูงถึง 220 ซม.ตามประวัติ เป็นพระเศียรที่พบในพระวิหารหลวงวัดพระศรีสรรเพชญ์ ...ผศ.ดร.รุ่งโรจน์ชี้ว่า น่าจะเป็นพระเศียรพระศรีสรรเพชญ์ที่เหลืออยู่ในซากปรักหักพัง หลังวิหารหลวงถูกพม่าเผาจนพังสุจิตต์ วงษ์เทศ ชม ผศ.ดร.รุ่งโรจน์ว่า เป็นนักวิชาการหนุ่ม หัวก้าวหน้า...ที่กล้านำเสนอแง่คิดใหม่ๆ...ผมเคยไปไหว้พระเจดีย์พระศรีสรรเพชญ์ วัดพระเชตุพน และเคยไปไหว้พระเศียรพระศรีสรรเพชญ์ในพิพิธภัณฑ์ เพียงแต่ยังไม่ได้เชื่อมโยงว่า ทั้งองค์พระกับเศียรพระ ที่เคยเป็นองค์เดียวกัน จะได้มาอยู่ใกล้ๆกันสงกรานต์ปีนี้ กรุงเทพฯว่างหลายวัน ผมตั้งใจจะไปวัดโพธิ์ ไปพิพิธภัณฑ์ ไหว้ท่าน...อีกครั้ง ผมคิดว่า การได้ไหว้พระศรีสรรเพชญ์ ครั้งนี้ ด้วยความรู้ชุดใหม่ จะได้ความปลื้มปีติ แปลกใหม่ไปกว่าเดิม.กิเลน ประลองเชิง