กัมพูชาไม่สนประชุม GBC เรื่องการหยุดยิง ถล่มจรวด BM-21 ใส่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทหารไทยพลีชีพ 4 นาย บาดเจ็บ 16 นาย หลังจากกำลังทหารฝ่ายไทยยกพลเข้าปฏิบัติการพื้นที่บ้านหนองจาน มีทัพฟ้าบินหย่อนไข่คุมพื้นที่ จนสามารถควบคุมบ้านคลองแผง บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้วได้ทั้งหมดในช่วงเช้า อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่และสถาปนาความมั่นคงแต่ช่วงเย็นกลับถูกกัมพูชาลอบยิงใส่หวังยึดพื้นที่คืน ด้านการประชุม GBC ที่จันทบุรีที่เสร็จสิ้นแล้วให้จับตา 72 ชั่วโมง กัมพูชาหยุดยิงจริงหรือไม่ความคืบหน้าสถานการณ์การสู้รบของไทย-กัมพูชา หลังการประชุม GBC จ.จันทบุรี โดยมีแนวโน้มเรื่องการหยุดยิงที่ต้องจับตาดูภายใน 72 ชั่วโมง ในขณะที่มีข้อกังวลว่าการประชุม GBC ที่ จ.จันทบุรี ที่กัมพูชาพยายามดึงไทยกลับเข้าไปอยู่ในกรอบข้อตกลงการลงนามที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือน ก.ค. เพื่อหวังให้ไทยหยุดยิงและหวังยึดคืนจุดยุทธศาสตร์สำคัญตามแนวชายแดน ที่ไทยผลักดันออกไปจากพื้นที่ ขณะที่ช่วงเช้าวันที่ 26 ธ.ค.ทหารไทยปฏิบัติการยึดคืนบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้วได้ แต่ต่อมาเย็นวันเดียวกันทหารกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 ถล่มใส่บ้านหนองจาน ส่งผลให้ทหารไทยพลีชีพ 3 นาย บาดเจ็บ 17 นายทหารไทยยึด 3 พื้นที่สระแก้วเมื่อเวลา 09.30 น. กองทัพภาคที่ 1 เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ธ.ค.กำลังทหารฝ่ายไทยได้เข้าปฏิบัติการในพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว สามารถยึดพื้นที่ได้สำเร็จ โดยควบคุมพื้นที่บ้านคลองแผง บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว ได้ทั้งหมดแล้วอยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่และสถาปนาความมั่นคงโดยดำเนินการด้วยความระมัดระวัง กระทั่งเวลา 14.30 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ได้รับรายงานจาก กกล.บูรพา ว่า ได้ปฏิบัติการทางทหาร ยึดและควบคุมแนวรบในพื้นที่บ้านหนองจานเป็นที่เรียบร้อย เตรียมสถาปนาที่มั่นตามแนว และดำเนินการยิงด้วยอาวุธสนับสนุน ตอบโต้เพื่อควบคุมพื้นที่และรักษาที่มั่น ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 ยืนหยัดต่อสู้กับภัยคุกคามอย่างถึงที่สุด ขอบคุณประชาชน 4 อำเภอชายแดน ที่เข้าใจสถานการณ์ อดทนเสียสละอพยพจากบ้านเรือน เพื่อความปลอดภัยเป็นสำคัญทัพฟ้าหย่อนไข่คุมบ้านหนองจานที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ททบ.5 เวลา 14.30 น. พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 26 ธ.ค.กองทัพบกและกองทัพอากาศได้ปฏิบัติการร่วมกัน ทั้งทางบกและทางอากาศเพื่อควบคุมพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว เป้าหมายเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างดัดแปลงเป็นที่มั่นทางทหารมีความเข้มแข็งมาก กองทัพไทยเฝ้าดูอยู่หลายวัน ตรวจสอบจนแน่ชัดว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่มีพลเรือน เพราะอพยพไปหมดแล้ว จึงโจมตีเป้าหมายดังกล่าวเมื่อเช้าวันที่ 26 ธ.ค.การโจมตีเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสำเร็จตามเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ พื้นที่ดังกล่าวห่างเมืองปอยเปต 25 กม. การปฏิบัติการร่วมเป็นการดำเนินการระหว่าง 2 เหล่าทัพ เพื่อให้สามารถควบคุมพื้นที่บ้านหนองจานได้ในปัจจุบันเสียงปืนสนั่น “ตาเมือนธม”ขณะที่สถานการณ์การสู้รบระหว่างไทย-กัมพูชา ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง ทั้งนี้ ในเวลา 05.50 น. วันที่ 26 ธ.ค.เกิดการยิงปะทะกันทั้งปืนใหญ่และปืนเล็กอย่างหนักหน่วง ที่บริเวณชายแดนด้านปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ที่ทหารกัมพูชาพยายามบุกตีเพื่อยึดคืนพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นชายแดนปราสาทตาควาย เนิน 350 ช่องกร่างและปราสาทตาเมือนธม โดยไม่สนว่าทิศทางของการประชุม GBC จะเป็นไปในทิศทางใด เสียงปืนใหญ่และการยิงปะทะกันด้วยปืนเล็ก เริ่มทิ้งช่วงห่างยิงเป็นระยะ ช่วงเวลาประมาณ 07.35 น. และยังคงมีการยิงตอบโต้กันด้วยปืนใหญ่เป็นระยะ แต่ยังไม่พบทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 เข้ามาแต่อย่างใด ขณะที่ผู้นำชุมชน ชรบ.และชาวจิตอาสาที่อยู่ในพื้นที่ต่างพากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัยอย่างเร่งด่วนยิงจรวดแล้วเผ่นหลบในบ่อนส่วนที่ชายแดนช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่ายังไม่พบการยิงปะทะในเช้าวันที่ 26 ธ.ค.มีเพียงเสียงปืนใหญ่ของทหาร ไทยยิงเข้าไปสนับสนุนด้านชายแดน อ.พนมดงรัก นานๆครั้ง ขณะที่รถยิงจรวด BM-21 ของทหารกัมพูชา คาดว่ายังคงถูกซุกซ่อนอยู่บริเวณบ่อนกาสิโนและชุมชนโอรเสม็ด ฝั่งกัมพูชา ตรงข้ามจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ต.ด่าน อ.กาบเชิง เนื่องจากประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ได้ยินเสียงยิงจรวดหลายลำกล้องออกจากบริเวณดังกล่าวหลายครั้ง เพื่อยิงไปสนับสนุนทหารกัมพูชาทางชายแดน อ.พนมดงรัก คาดว่ายิงเสร็จแล้ว ได้ขับรถยิงจรวดหลบเข้าไปในตัวอาคาร เพื่อป้องกันการตรวจจับและยิงทำลายของทหารไทยเสธ.ทบ.ลงพื้นที่ตรวจช่องอานม้าอีกด้าน พล.อ.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ เสนาธิการทหารบก เดินทางไปตรวจภูมิประเทศเพื่อเตรียมการด้านยุทธการในการควบคุมพื้นที่บริเวณช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี และบริเวณปราสาทคนา จ.สุรินทร์ ที่กองทัพบกควบคุมพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว โดยกำลังพลในพื้นที่มีขวัญและกำลังใจดีเยี่ยม โดยกล่าวขอบคุณในความเสียสละของกำลังพลทุกนาย พร้อมมอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กำลังพล และตรวจสอบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ยึดได้จากทหารกัมพูชา รวมทั้งตรวจแนวการวางกำลังตลอดพื้นที่จับตาประชุม GBC วันสุดท้ายในส่วนการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 3/2568 ระดับฝ่ายเลขานุการ ที่จัดขึ้น ณ ห้องประชุมชั้น 3 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ในวันที่ 26 ธ.ค.ที่เป็นวันที่ 3 ของการประชุมยังเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิดว่า จะสามารถหาข้อสรุปและจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกันได้หรือไม่ หลังต้องหารือรอบที่ 4 จากความเห็นต่างในหลายประเด็นสำคัญ ทั้งนี้ กองเลขานุการร่วม GBC ไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทยเดินทางถึงห้องประชุมสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในเวลา 08.40 น. วันที่ 26 ธ.ค.นำโดย พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานฝ่ายเลขานุการ GBC ฝ่ายไทยงอแงจนต้องหารือรอบ 4ต่อมาเวลา 09.00 น. ฝ่ายกัมพูชานำโดยพล.ต.แญม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา พร้อมคณะ เดินทางมาถึงและเริ่มการหารืออย่างเป็นทางการ ช่วงเช้าเป็นการสรุปผลการหารือที่ผ่านมา เพื่อนำไปสู่การจัดทำร่าง MOU ร่วมกัน และเมื่อคืนวันที่ 25 ธ.ค.ฝ่ายกัมพูชายืนยันว่ายังไม่สามารถพิจารณาข้อเสนอของฝ่ายไทยได้ครบถ้วน ขอเวลานำกลับไปพิจารณาเพิ่มเติม ส่งผลให้ต้องมีการหารือรอบที่ 4 ทำให้การประชุม GBC ครั้งนี้ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากกองทัพ ประชาชน และจากนานาชาติ ว่าฝ่ายกัมพูชาจะมีท่าทีจริงใจและยึดแนวทางสันติวิธีในการแก้ไขปัญหาชายแดนร่วมกับไทยได้มากน้อยเพียงใด ต่อมาเวลา 10.25 น. คณะกัมพูชาขอพักเบรกและเดินทางกลับประเทศไปก่อนกลับมาประชุมต่อคาดหยุดยิง 27 ธ.ค.ติดตามผล 72 ชม.กระทั่งเวลา 13.00 น. การประชุมสิ้นสุดลง กัมพูชานําร่างแก้ไขข้อตกลงฉบับที่ 6 มาเสนอให้ฝ่ายไทยก่อนเดินทางกลับไป ฝ่ายไทยจะนําข้อเสนอดังกล่าวส่งให้ที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต่อไป ส่วนเนื้อหาสาระในร่างแก้ไขข้อตกลงฉบับที่ 6 ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ส่วนการหยุดยิงจะเกิดขึ้นในวันที่ 27 ธ.ค. และให้ติดตามผล 72 ชั่วโมงเขมรลีลากว่าจะส่งเอกสารครบพล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ในฐานะประธานฝ่ายเลขานุการ GBC ฝ่ายไทย แถลงต่อสื่อมวลชนหลังเสร็จสิ้นการประชุมว่า การหารือระหว่าง 2 ประเทศมีความคืบหน้า มีการปรับแก้เอกสารร่วมกัน 5 ฉบับ ช่วงเช้าวันที่ 26 ธ.ค.ฝ่ายกัมพูชานำเอกสารฉบับที่ 5 กลับไปปรับแก้เพิ่มเติมและส่งเอกสารฉบับสุดท้ายกลับมาในเวลา 14.00 น.ให้ฝ่ายไทยนำเสนอเป็นข้อตกลงต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณา ก่อนการลงนามอย่างเป็นทางการ และมีการนำเรื่องเข้าสู่การประชุม สมช.ที่ กทม.เพื่อ พิจารณา หากไม่มีประเด็นขัดข้อง รมว.กลาโหมไทย พร้อมคณะจะเดินทางไปลงนามข้อตกลงบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับฝ่ายกัมพูชา ในเวลา 10.00 น. วันที่ 27 ธ.ค.ตามกำหนดการ พร้อมแถลงข่าวต่อไปทอ.ย้ำไม่มีการโจมตีพลเรือนวันเดียวกัน พล.อ.อ.ประภาส ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผช.ผบ.ทอ) ในฐานะ ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เปิดเผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า กองทัพอากาศยังคงแสดงจุดยืน ย้ำว่าทหารไทยไม่ได้มีการตอบโต้โจมตีในส่วนพลเรือนมีการแถลงจุดยืนมาอย่างชัดเจนมาโดยตลอด เรื่องการแยกพลเรือนออกจากทางการทหารและใช้วิธีการตอบโต้ เพียงแค่ตัดกำลังในส่วนของฐานกัมพูชาที่พยายามรุกรานอธิปไตย ไทยไม่ใช่ฝ่ายที่ไปริเริ่มก่อน แต่เกิดจากกัมพูชาริเริ่มการโจมตีพลเรือนไทย โดยเฉพาะเรื่องการใช้โบราณสถานในการตั้งอาวุธสงครามเพื่อโจมตีประเทศไทย เป็นการละเมิดกฎหมายสากลระหว่างประเทศขอบคุณสื่อ ตปท.เสนอข้อเท็จจริงผช.ผบ.ทอ.กล่าวอีกว่า ต้องขอบคุณสื่อต่างชาติ ที่นำเสนอข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะภาคปฏิบัติการหลักฐานต่างๆ ที่เรารวบรวมการละเมิดข้อกฎหมายระหว่างประเทศของกัมพูชา รวมถึงผลปฏิบัติการในการตอบโต้ของกองทัพไทย ที่สังคมโลกเข้าใจว่าเราไม่ได้ตอบโต้เกินขอบเขต เป็นไปตามสัดส่วนและความเหมาะสม เนื่องจากกองทัพอากาศมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีความแม่นยำ โจมตีทางการทหารเพื่อลดทอนขีดจำกัด ไม่ส่งผลกระทบต่อภาคประชาชน ส่วนเป้าหมายที่จะทำให้กัมพูชาสิ้นสภาพทางทหารหรือไม่นั้น มองว่าเป็นเรื่องของการลดทอนขีดจำกัดความสามารถของศัตรูจะดีกว่า เพราะตราบใดที่ยังคงมีท่าทีรุกล้ำอธิปไตยและแผ่นดินไทย กองทัพอากาศ กองทัพไทยทุกเหล่ายังคงปกป้องความปลอดภัยและทรัพย์สินของประชาชนรวมถึงแผ่นดินไทยให้มั่นใจกองทัพทำไทยปลอดภัยพล.อ.อ.ประภาสกล่าวด้วยว่า ขอให้กำลังใจทหารทุกนาย ที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อคนไทย โดย 3 แนวทางการปฏิบัติ ข้อเรียกร้องของฝ่ายไทยที่ต้องให้ฝั่งกัมพูชาเป็นผู้หยุดยิงและประกาศต่อสากลโลก เป็นในส่วนกระทรวงการต่างประเทศที่จะมีการเจรจา แต่ทางการทหารยังคงประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กรณีที่ยังพบการรุกรานอธิปไตยของไทยเราจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ไม่จำเป็นต้องรอดูท่าทีการเจรจาในวันที่ 27 ธ.ค. ส่วนการใช้เครื่องบินอากาศ ยาน T-50TH และ AT-6TH ปฏิบัติภารกิจเพื่อชาติครั้งแรกนั้น จริงๆเราใช้หมดทุกอย่างที่มี อากาศยานโจมตีเหล่านี้ เป็นของชาวไทยทุกคนไม่ใช่ของกองทัพอากาศ กองทัพอากาศที่ดูแลและมีบทบาทเรื่องการฝึกฝนนักบินให้มีความเชี่ยวชาญ ความสามารถในการรบทางอากาศ มีการเตรียมความพร้อมฝึกฝนมาโดยตลอด เพื่อรับมือการถูกคุกคามจากศัตรู ขอให้ชาวไทยมั่นใจว่ากองทัพจะสามารถปกปักอธิปไตยและความปลอดภัยของคนไทยได้อย่างแน่นอนพบทุ่นระเบิด 4 ทุ่นใกล้จุดเดิมวันเดียวกัน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพภาคที่ 2 รายงานความคืบหน้าเหตุการณ์กำลังพลกองทัพภาคที่ 2 เหยียบทุ่นระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจเสริมความมั่นคงพื้นที่ปราสาทตาควาย จากการตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุเพิ่มเติม พบการติดตั้งทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 อีก 4 ทุ่น วางเรียงต่อเนื่องตามเส้นทางเคลื่อนที่ของกำลังพล อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 30 เซนติเมตร สะท้อนการจงใจมุ่งให้เกิดอันตรายต่อชีวิตเจ้าหน้าที่ บ่งชี้ชัดเจนฝ่ายกัมพูชายังใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลต่อเนื่อง ละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศตามอนุสัญญาการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างร้ายแรง ขัดหลักมนุษยธรรมสากล กองทัพบกจะรวบรวมข้อมูลหลักฐานส่งกระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามขั้นตอนการทูต ยกระดับการชี้แจงประชาคมระหว่างประเทศในเวทีนานาชาติอย่างเป็นทางการต่อไป กองทัพบกขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างถึงที่สุด ย้ำว่าการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกกรณีไม่อาจยอมรับได้ในสังคมโลกประณามเขมรวางทุ่นระเบิดด้าน พ.อ.ศิวะ หว่างอากาศ โฆษกศูนย์ปฏิบัติ การทุ่นระเบิดแห่งชาติ กล่าวถึงเหตุการณ์ทหารเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดเป็นรายที่ 9 บริเวณรอบปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ ว่า จากการตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงจุดเกิดเหตุเพิ่มเติม พบการติดตั้งทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 อีก 4 ทุ่น วางเรียงต่อเนื่องตามเส้นทางเคลื่อนที่ของกำลังพล เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า กัมพูชายังใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างต่อเนื่อง สะท้อนพฤติกรรมมุ่งคุกคาม รุกล้ำอาณาเขตไทยอย่างชัดเจน ขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างถึงที่สุด การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกกรณีไม่อาจยอมรับได้ในสังคมโลก แสดงความไม่จริงใจแก้ปัญหาข้อขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ“ขาขาดรายที่ 9” ส่ง รพ.พระมงกุฎฯขณะที่เมื่อเช้าวันที่ 26 ธ.ค. นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ รหัสนคร 45 และเจ้าหน้าที่รถพยาบาลมูลนิธิร่วมกตัญญูที่ประจำการอยู่ที่ รพ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ได้จัดรถพยาบาลขั้นสูงของมูลนิธิฯ ช่วยขนย้าย ส.อ.นิติธรรม ศรีคำแซง ทหารช่างที่เหยียบกับระเบิดขาซ้ายขาด (รายที่ 9 ที่ขาขาดจากกับระเบิดของเขมร) ขณะเข้าเคลียร์กับระเบิดบริเวณปราสาทตาควาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ส่งต่อไปรักษายัง รพ.พระมงกุฎเกล้าฯ พร้อมกับทหารที่บาดเจ็บอีก 2 นาย โดยใช้รถพยาบาลของมูลนิธิฯ 2 คัน และรถพยาบาลของ รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน 1 คัน รวม 3 คันนำขบวนโดยรถตำรวจทางหลวง และหน่วยกู้ภัยต่างๆตามเส้นทางช่วยอำนวยความสะดวก เมื่อเข้าเขตกรุงเทพฯ มีตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริช่วยสนับสนุนเคลียร์เส้นทาง ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.ก็ถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยแฉเรือไทยลอบส่งน้ำมันให้กัมพูชาน.อ.นรา คุณโฑดม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ทัพเรือภาคที่ 1 และ ศรชล.ภาค 1 จัดเรือและอากาศยานลาดตระเวนเฝ้าตรวจเรือที่มีทิศทางเข้าและออกกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ตรวจพบเรือสัญชาติไทยที่มีพฤติกรรมต้องสงสัยพยายามลักลอบนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงกัมพูชา ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ ถ้าเราจำกัดขีดความสามารถกัมพูชาได้มากเท่าไร สงครามจะยุติลงได้เร็วมากที่สุด ส่วนเรือต้องสงสัยไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด อยู่ระหว่างการติดตาม กองทัพเรือและ ศรชล. มีระบบติดตามเรือพาณิชย์ทุกลำว่ามีต้นทางและปลายทางไปท่าเรือใด ขนสิ่งใดบ้าง เฝ้าสังเกตพฤติกรรมต้องสงสัยเรือบางลำที่ตีเรือเปล่าออกจากไทย และมีแนวโน้มเข้าสู่กัมพูชา ขอให้หยุดส่งน้ำมันไปยังกัมพูชาชั่วคราว รอให้สถานการณ์ยุติก่อน เพื่อเข้าสู่กระบวนการเจรจา เมื่อสถานการณ์คลี่คลายค่อยว่ากันใหม่เมินสหรัฐฯกดดันไทยหยุดยิงที่สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เวลา 12.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว. มหาดไทย ออกรายการโหนกระแส ตอบคำถามถึงการพูดคุย GBC ที่ จ.จันทบุรี ว่า มีช่องทางพูดคุยกัน มันมีทางที่จบได้ง่ายๆ ประเทศไทยไม่เสียหาย เมื่อพิธีกรถามว่า กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา คงไม่ยืดเยื้อไปถึงตอนเลือกตั้งเดือน ก.พ.69 ใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า อยากให้มันจบวันนี้ด้วยซ้ำ เมื่อถามอีกว่าหาก รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกาโทรศัพท์มาบอกให้นายกฯหยุดยิง นายอนุทินตอบว่า ต้องให้นายฮุน มาเนต โทร.มาไม่ใช่คนอื่นโทร.มา เพราะเป็นเรื่องทวิภาคีความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศ เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์รัฐบาลไทยไม่ทำลายปอยเปต ทั้งที่มีโอกาส เพราะมีนักการเมืองเป็นเจ้าของกาสิโนที่ปอยเปต นายอนุทินตอบว่า ปอยเปตก็ถูกโจมตีเหมือนกัน ถ้ามีความเกรงใจหรืออยู่ใต้อิทธิพลอาชญากรเหล่านี้ เราคงทำไม่ได้ถึงขนาดนี้รอดูท่าทีกัมพูชาหยุดยิง 72 ชม.ที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เวลา15.10 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว. มหาดไทย เป็นประธานประชุม สมช. ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีมติให้ รมว.กลาโหมไปร่วมประชุม GBC กับ รมว.กลาโหมกัมพูชา วันที่ 27 ธ.ค.ที่ จ.จันทบุรี ที่ยังคงอยู่ในกรอบปฏิญญากรุงกัวลาลัมเปอร์ ใน 4 ข้อหลัก พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร ในฐานะเลขาฯจีบีซี ได้หารือมา 2 วันแล้วและรายงานให้ทราบถึงแนวโน้มที่ดี น่าจะหาข้อยุติที่ดี ทำให้ประเทศไทยดำรงอธิปไตย สถาปนาบูรณภาพแห่งดินแดนตามจุดที่เป็นเป้าหมาย เมื่อถามว่า ข้อตกลงหยุดยิง 72 ชั่วโมงรับได้หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เรื่องนี้เป็นข้อกำหนดที่ไทยขอให้กัมพูชายอมรับ ถ้าทำ ได้จะพิจารณาปล่อยทหารที่เราควบคุมไว้ เมื่อถามว่า จะไว้ใจกัมพูชาได้มากแค่ไหน นายอนุทินตอบว่า เรามีความพร้อม วันนี้กองทัพรายงานว่าบรรลุเป้าหมายการประกาศบูรณภาพแห่งดินแดนแล้ว เมื่อควบคุมดินแดนต่างๆที่เคยเป็นของเราได้ ก็สามารถคุยกับกัมพูชาได้ขู่หากยังยิงต่อมีสิทธิยิงกลับเมื่อถามว่า นายฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชา ตกลงในร่างที่จะลงนามแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เป็นการพูดคุยระดับตัวแทนรัฐบาล ถ้ามีการลงนามโดยตัวแทนรัฐบาลในวันที่ 27 ธ.ค. ไว้ใจไทยได้แน่นอนว่า รักษาข้อตกลงเสมอ ขอให้การลงนามครั้งนี้เป็นการลงนามครั้งสุดท้าย จะได้เกิดสันติภาพในพื้นที่ เมื่อถามว่า ระหว่าง 72 ชม.ที่หยุดยิง หากมีทหารไทยเหยียบกับระเบิดอีก นายอนุทินตอบว่า กองทัพต้องรักษาอธิปไตย การเจรจาก็ต้องเจรจา การเจรจามีข้อตกลง มีไทม์ไลน์อยู่ ครั้งนี้หากลงนามแล้วต้องหยุดยิง ต่างฝ่ายต้องหันไปสั่งการให้ดำเนินการตามนั้น ต้องเริ่มจากจุดนี้ก่อน เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับนายฮุน มาเนต นายกฯกัมพูชาหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ตั้งแต่มีเหตุระลอกล่าสุดยังไม่ได้คุย เนื่องจากคุยแล้วไม่เห็นอย่างที่พูด ตอนที่เซ็นปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ วันที่ 26 ต.ค. พยายามพูดคุยให้ทุกอย่างเป็นไปตามปฏิญญา แต่พอเบรกขึ้นมาก็ต้องมาว่ากันใหม่ เมื่อถามว่าระยะเวลา 72 ชั่วโมง หากมีการยิงมาจากกัมพูชา เราตอบโต้ได้หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า แน่นอนเราใช้กฎแห่งการปะทะเป็นกติกาที่ต้องดำเนินการ ยังมีกลไกทำให้เราสามารถรักษาอธิปไตยและปกป้องดินแดนได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลชงเยียวยารอบสอง 577 ล้านที่ทำเนียบรัฐบาล นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แถลงภายหลังการประชุม สมช.ว่า ที่ประชุม สมช.ทบทวนหลักเกณฑ์เยียวยาให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อจ่ายเงินเยียวยาให้ประชาชน ตำรวจ และทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต รวดเร็วขึ้น โดยมีกระบวนการที่เหมาะสม นอกจากนี้ได้เสนอให้เพิ่มกรอบวงเงินสนับสนุนเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ 577,300,000 บาท เป็นการเยียวยารอบ 2 จะเสนอ ครม.เห็นชอบคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันที่ 30 ธ.ค.รมว.ตปท.สหรัฐฯโทร.คุยฮุน มาเนตวันเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยแพร่แถลงการณ์ระบุว่า นายมาร์โค รูบิโอ รมว. ต่างประเทศสหรัฐฯ พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้คู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่ายยุติการปะทะกันโดยเร็วที่สุด นายรูบิโอเน้นย้ำจุดยืนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ต้องการผลักดันให้เกิดสันติภาพและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์อย่างเต็มรูปแบบ ยังระบุว่าสหรัฐฯพร้อมทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพในภูมิภาค ด้านนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้กล่าวยืนยันถึงความต้องการที่จะหยุดยิงในทันที พร้อมย้ำจุดยืนของกัมพูชาในการแก้ไขความขัดแย้งด้วยสันติวิธีภายใต้กรอบข้อตกลงที่มีอยู่ เพื่อมุ่งสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 2 ประเทศทภ.1 สดุดี 4 ทหารกล้าสละชีพในเวลา 19.10 น. เพจกองทัพภาคที่ 1 โพสต์ข้อความว่ากองทัพภาคที่ 1 ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัว จ.ส.อ.พงศกร นาคทองดี พลทหารปฏิพัทธ์ ศรประดิษฐ์ และพลทหารทิวตะวัน พลเยี่ยม สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบ ที่ 2 รักษาพระองค์ ส่วนอีกนายรอระบุชื่อ เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เมื่อ 26 ธ.ค. หลังทหารกัมพูชาใช้จรวด BM-21 ยิงถล่ม ใส่ฐานที่มั่นของไทยบริเวณบ้าน หนองจาน ทำให้ ทหารไทยเสียชีวิต 4 นาย บาดเจ็บอีก 16 นาย กองทัพภาคที่ 1 ขอเชิดชูเกียรติในความเสียสละทำหน้าที่ชายชาติทหารปกป้องแผ่นดินไทยด้วยชีวิต ทั้งนี้ จะดูแลจัดพิธีศพอย่างสมเกียรติ ดูแลสิทธิต่างๆให้กับครอบครัวอย่างครบถ้วนต่อไปเผยนาทีสูญเสียทหารกล้ารายงานข่าวระบุว่า เหตุการณ์ความสูญเสียครั้งสำคัญจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 16.17 น. ขณะที่กำลังพลทหารไทยในพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ทั้งหมด อยู่ระหว่าง การดูแลความปลอดภัยในพื้นที่แนวหน้า ถูกจรวด BM-21 ยิงตกใส่บริเวณฐานปฏิบัติการ ทำให้กำลังพล 20 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งเข้าช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บส่ง รพ.ในพื้นที่โดยด่วน อย่างไรก็ตาม ทหารทั้ง 4 นายทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว เพื่อนทหาร และประชาชนในพื้นที่ ชายแดนยิงจรวดปราสาทตาควายทหารเจ็บ 5 ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ “Army Military Force” โพสต์ข้อความระบุว่า หลังเจรจาหยุดยิง 30 นาที ทหารกัมพูชาเล่นทีเผลอ ตลบหลังไทย ระดมยิงจรวด BM-21 ราวกับห่าฝน ลงที่ปราสาทตาควาย จ.ศรีสะเกษ ทหารไทยเจ็บ 5 นาย ส่วนที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ทหารไทยพลีชีพ 4 นาย เจ็บ 16 นาย ขณะนี้เดือดทุกแนวรบอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่