“สีหศักดิ์” ปัดไม่เคยถูกทาบแคนดิเดตนายกฯภูมิใจไทย ยันไม่มีความประสงค์ทางการเมือง “ศุภจี” แย้มคุย “อนุทิน” จบแล้วเดี๋ยวก็รู้ กลุ่มไรเดอร์บุก ปชน. ขู่แบนขืนส่ง“มาร์ค อิสริยะ” ลงปาร์ตี้ลิสต์ เจ้าตัวโอดทิ้งทุกอย่างมาร่วมงานค่ายส้ม ไทยรัฐจัดดีเบตว่าที่นายกฯ “ณัฐพงษ์-ยศชนัน-อภิสิทธิ์-สุดารัตน์-พีระพันธุ์-สุชัชวีร์-รังษี-ธีระชัย” มาพร้อมหน้า “เสี่ยหนู-ผู้กอง” ขอบาย ครม.อัดฉีดงบจัดเลือกตั้ง สส.-ทำประชามติ 8.9 พันล้าน กกต.ลั่นรอบนี้คุมเข้มนโยบายประชานิยม ชงศาลฎีกาเพิกถอนสิทธิแก๊งฮั้ว สว. ด้านศาลคดีทุจริตสั่ง 7กกต.-“แสวง” แจงข้อกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบจัดเลือก สว. “ประเสริฐ” พบดีเอสไอแจงปม MOU อ้างไม่รู้เรื่องสแกนม่านตาคนไทย 1.2 ล้านคนที่ประชุม ครม. จัดให้ตามคำขอ กกต. มีมติอนุมัติ หลักการงบกลาง สำหรับจัดการเลือกตั้ง สส. และการ ออกเสียงประชามติ แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจัดเลือกตั้ง สส. 6,750 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายออกเสียงประชามติ 525 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายสนับสนุนเจ้าหน้าที่อีก 1,700 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 8,978,267,690 บาทเกาหลีใต้มอบ 5 แสนเหรียญช่วยใต้เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 ธ.ค. ที่ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้การต้อนรับนายพัก ยงมิน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย ในโอกาสรับมอบเงินช่วยเหลืออุทกภัยในภาคใต้จากรัฐบาลเกาหลีใต้ จำนวน 5 แสน ดอลลาร์สหรัฐฯ ผ่านโครงการความร่วมมือกับกรม ความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูความเสียหายของพื้นที่ประสบ เหตุอุทกภัย นายอนุทินกล่าวว่า รู้สึกซาบซึ้งในความห่วงใยและไมตรีจิตที่รัฐบาลและประชาชนเกาหลีใต้มีต่อไทยมาต่อเนื่อง ด้านนายพักกล่าวว่า มีโอกาสลง พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หนึ่งสัปดาห์ก่อนเกิดเหตุ อุทกภัย รู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นเวลา 09.30 น. นายอนุทินให้การต้อนรับนายสีสะหวาด อินพะจัน เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ ในโอกาสเข้ารับ ตำแหน่ง นายสีสะหวาดได้แสดงความเสียใจต่อเหตุอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคใต้ของไทย โดยรัฐบาล สปป.ลาว มอบเงินช่วยเหลือจำนวน 2 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ จากนั้นนายอนุทินเป็นประธานประชุม ครม.“สีหศักดิ์” ปัดไม่ใช่แคนดิเดตฯ ภท.นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกระแสข่าวเป็นแคนดิเดตนายกฯพรรคภูมิใจไทย ว่า ไม่ได้เป็น รับผิดชอบเรื่องการต่างประเทศเป็น หลัก นายกฯคงพิจารณาอยู่ เมื่อถามว่าแคนดิเดตฯ คือนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์ตอบว่า ต้องไปถามนายเอกนิติ และนางศุภจีเอง เมื่อถามว่า หากนายอนุทินขอร้องจะรับหรือไม่ นายสีหศักดิ์ตอบว่า ไม่มีความประสงค์ทางการเมือง รอดูสถานการณ์อีกที เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา นายอนุทินเคยทาบทามให้เป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ นายสีหศักดิ์ตอบว่า ยังไม่เคยทาบทาม เข้าใจว่ามี 2 ท่านอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า หากพรรคภูมิใจไทยได้เป็น แกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะกลับมาเป็น รมว.ต่างประเทศอีกใช่หรือไม่ นายสีหศักดิ์ตอบว่า ไม่ทราบเหมือนกัน“ไชยชนก” โยนให้ไปถาม “อนุทิน”นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า เรื่องแคนดิเดตนายกฯ ต้องรอหัวหน้าพรรค ภท. เป็น ผู้ประกาศ เป็นอำนาจของหัวหน้าพรรค เมื่อถามถึง กระแสข่าวนายเอกนิติปฏิเสธเป็นแคนดิเดตนายกฯ นายไชยชนกตอบว่า ขอให้ไปถามนายอนุทิน เพราะนายเอกนิติพูดคุยกับนายอนุทินเป็นการส่วนตัว เมื่อถามถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯและว่าที่ผู้สมัครสส. จะมีเซอร์ไพรส์อะไรหรือไม่ นายไชยชนกเลี่ยงที่จะตอบกล่าวเพียงว่า “คำถามนี้อีกแล้ว คราวที่แล้ว ถามว่าจะมีเซอร์ไพรส์เรื่องแคนดิเดตฯ จะมีลุงเนป้า ต่ายหรือไม่ ผมก็บอกว่าไม่มี พวกพี่ก็เอาไปบิดว่า จะเป็นไปตามที่ทุกคนคาดคิด เรื่องนี้อ่อนไหวในช่วง เวลาใกล้เลือกตั้ง ขอให้เราฟังแถลงอย่างเป็นทางการจากนายอนุทิน”“ศุภจี” แย้มคุยจบแล้วเดี๋ยวก็รู้นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ ถึงความชัดเจนหลังมีกระแสข่าวว่าตอบรับเป็นแคนดิเดต นายกฯพรรคภูมิใจไทยแล้วว่า “เดี๋ยวก็ได้ยิน เดี๋ยวก็รู้” เมื่อถามย้ำว่า นายอนุทินมาพูดคุยอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ นางศุภจีตอบสั้นๆว่า “คุยกันเสร็จแล้ว”“พิพัฒน์” ตั้งเป้ากวาด 30 ที่นั่งใต้นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดูแลพื้นที่เลือกตั้งภาคใต้ว่า พรรคต้องพยายามอย่างถึงที่สุด ส่วนเหตุอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้หากบอกว่าไม่ส่งผลกระทบคงเป็นไปไม่ได้ เรื่องภัยธรรมชาติปี 68 ต้องรับสภาพ โดยเฉพาะผู้บริหารท้องถิ่นประมาณการผิดพลาด นายกฯพยายามแก้ปัญหาและเยียวยา เมื่อถามว่าคาดจะได้ สส.ภาคใต้กี่เก้าอี้ นายพิพัฒน์ตอบว่า พยายามทำให้ได้ไม่น้อยกว่า30 ที่นั่ง หากทำได้น้อยกว่านั้นเสียความตั้งใจเพื่อนๆ สส.ที่ย้ายมา 32 คน การรักษาพื้นที่เดิมถือเป็นเป้าหมาย เมื่อถามว่ามีการเปิดตัวผู้สมัคร สส.จากพรรคกล้าธรรม และพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวหรือไม่ นายพิพัฒน์ตอบว่า การเมืองคือการแข่งขันอยู่แล้ว“ผู้กอง” แคนดิเดตนายกฯเดี่ยวร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวว่าแคนดิเดตนายกฯพรรค กธ. มีตนเพียงคนเดียว ไม่อยากให้มองว่าเอาคนนั้นคนนี้เข้ามา เอาคนเดียวให้ชัดไปเลย เมื่อถามว่า ไม่ห่วงว่าจะเสี่ยงหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า การเมืองต้องกล้าได้กล้าเสีย เหตุผลการเมืองคิดไม่เหมือนคนอื่น ถ้าจะเดินการเมืองให้ชัดเจน พรรคนี้รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าของพรรคเป็นตน ก็ให้รู้ไปเลย คนเดียวไปเลย อยากให้ลูกพรรคได้รับชัยชนะให้เยอะที่สุด เรื่องอื่นไม่ได้คิดทั้งนั้น เมื่อถามว่า การถูกโจมตีมาต่อเนื่องส่งผลกระทบช่วงหาเสียงหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบว่า โดนมาตลอด โดนมาจนชินจนชาวบ้านรับได้ สำหรับสโลแกนหาเสียงครั้งนี้คือ “ทำมากกว่าพูด” มีหลายจังหวัดที่คาดว่าจะได้ยกจังหวัด และตนจะลงสมัคร สส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 ให้น้องชายลงสมัคร สส.แบบแบ่งเขตที่ จ.พะเยาแทน“ไรเดอร์” ขู่แบน ปชน.ส่ง “อิสริยะ”ช่วงบ่ายที่พรรคประชาชน (ปชน.) กลุ่มสหภาพไรเดอร์-Freedom Rider Union รวมตัว มาทวงถามจุดยืนของพรรค ปชน. หลังปรากฏชื่อนายอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ หรือ “มาร์ค” อดีตผู้บริหารระดับสูงกลุ่มบริษัทไลน์แมน วงใน เป็นหนึ่งในว่าที่ผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชน. มีการชูป้ายข้อความแสดงสัญลักษณ์การคัดค้าน เช่น “พ.ร.บ.แรงงานอิสระผ่านปั๊บ รายรับลดปุ๊บ” “มีมาร์ค (อิสริยะ) ไม่มีเรา” มีตัวแทนไรเดอร์สลับกันปราศรัยด้วยถ้อยคำดุเดือดว่า ถ้ายังให้นายอิสริยะอยู่ในบัญชีรายชื่อ จะแบน พรรค ปชน. และ “ไม่มีเรา ถ้ามีมาร์ค” ขณะที่พรรค ปชน. ส่งนายเดชรัต สุขกำเนิด ผอ.นโยบายพรรค นายเซีย จำปาทอง อดีต สส.ปีกแรงงาน ลงมารับเรื่องร้องเรียนเจ้าตัวโอดทิ้งทุกอย่างมาค่ายส้มนายอิสริยะกล่าวกับตัวแทนกลุ่มไรเดอร์ว่า ลาออกจากบริษัทไลน์แมนอย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อเข้าร่วมการเมืองกับพรรค ปชน. ที่ผ่านมาทำงานในบริษัทไลน์แมน ดูแลฝ่ายนโยบายสาธารณะ และรัฐกิจสัมพันธ์ พี่น้องไรเดอร์จึงได้เห็นหน้าบ่อย และคุ้นเคยกันดี ขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายสายแรงงานที่นายเดชรัต และนายเซียดูแลอยู่ ขอให้สบายใจได้ว่าที่ผ่านมาไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำงานของทั้ง 2 คน จุดยืนส่วนตัวเหตุผลที่เข้ามาทำงานกับพรรค ปชน. แน่นอนว่าตอนอยู่บริษัทเอกชน ก็เป็นพนักงานคนหนึ่งเหมือนกัน ไม่ได้เป็นเจ้าของบริษัท ไม่ได้เป็นซีอีโอ เราเห็นข้อจำกัดหลายอย่าง เป็นเหตุผลอีกข้อที่ทิ้งทุกอย่างเพื่อมาร่วมงานกับพรรค ปชน. เข้ามาขับเคลื่อนมาเปลี่ยนตรงนี้ หวังว่าเราจะชนะเลือกตั้ง สามารถเข้ามา ปรับเปลี่ยนหลายอย่างได้ไทยรัฐทีวีจัดดีเบตว่าที่นายกฯใหม่เวลา 17.30 น. ที่ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เปิดประชันวิสัยทัศน์บนเวทีดีเบตแรก เลือกตั้งใหญ่ ระดับประเทศ ภายใต้หัวข้อ “เลือกตั้ง 69 ท้าชนนโยบายพาไทยออกจากเงามืด” โดยเชิญ 10 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มาร่วมเวที ประกอบด้วย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ พรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ พล.อ.รังษี กิตติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้มาร่วมเวทีดีเบต ท่ามกลางกองเชียร์แต่ละพรรคมาปักหลักรอให้กำลังใจนักการเมืองในดวงใจของตัวเอง มีนายพงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ เป็นผู้ดำเนินรายการทุกพรรคหนุนแก้ชายแดนเด็ดขาดนายณัฐพงษ์โชว์วิสัยทัศน์เป็นคนแรก ตอกย้ำให้เห็นว่าไทยไม่เทา เท่ากัน ทันโลก ได้อย่างแท้จริง ส่วนนายสุชัชวีร์เปิดให้เห็นนโยบายลูกศร 4 ดอก ที่นำพาให้ไทยสตรอง เช่นเดียวกับนายธีระชัย มั่นใจแนวทางฟื้นเศรษฐกิจให้ประเทศไทยได้ ด้านนายพีระพันธุ์ชูนโยบายเด็ดขาดแก้วิกฤติพลิกโฉมประเทศ ส่วนนายอภิสิทธิ์ขออาสาพลิกสภาพให้เป็นไทยหายจน คุณหญิงสุดารัตน์เน้นการรีสตาร์ตประเทศใหม่ ล้างบางคนโกง ทั้งนี้ แคนดิเดตนายกฯทุกคน ต่างมองปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา สนับสนุนการปกป้องอธิปไตยของไทย และปราบปรามสแกมเมอร์หม้อข้าวใหญ่ของตระกูลฮุน กดดันให้ผู้นำกัมพูชายอมกลับมาคุยกับไทย ใช้โลกล้อมกัมพูชา“มาร์ค” ออกตัวไม่ร่วมสังฆกรรมพรรคกล้าธรรมเมื่อพิธีกรตั้งคำถามเรื่องการจับมือจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้ง นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ประกาศหลายครั้งว่าถ้ามีนักการเมืองที่มีส่วนพัวพันสีเทา พรรคประชาชนยอมรับไม่ได้ จุดตัดสำคัญคือเลือกตั้งครั้งหน้าเงินสีเทาจะเข้ามาครอบงำการเมือง ทำอย่างไรไม่ให้ระบบ การเมืองเป็นสีเทา ขณะที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า ต้องการทำบ้านเมืองสุจริต และด้วยประวัติที่มีหลักฐานตั้งข้อสังเกตปรากฏชัดเกี่ยวข้องสแกมเมอร์ ด้วยมาตรฐานทางจริยธรรมแล้วขอประกาศไม่ร่วมกับพรรคกล้าธรรม ด้านนายยศชนันชี้แจงว่า ไม่สามารถรับคนที่ทุจริตได้ จะจับมือกับพรรคที่ทำตามแนวทางนโยบายพรรคเพื่อไทย นายพีระพันธุ์ตอบว่าต้องแก้ปัญหาคนชั่วโกงชาติถึงขั้นประหารชีวิต ด้านนายสุชัชวีร์ยืนยันว่า ถ้าร่วมแล้วพบว่ามี สส.พรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนเกี่ยวข้องทุนเทา จะถอนตัวเลย ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า จะจับมือกับพรรคที่ล้างบางระบบโกง อาจมีมากกว่า 1 พรรคอัดฉีดงบเลือกตั้ง กกต. 8.9 พันล้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายปี 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการควบคุมและจัดการเลือกตั้งสส. และการออกเสียงประชามติ ในวันเดียวกับการเลือกตั้ง สส. แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับจัดเลือกตั้งสส. 6,750 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายออกเสียงประชามติ 525 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายสนับสนุนเจ้าหน้าที่ ทั้งกรมการปกครอง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม. กรมประชาสัมพันธ์ อีก 1,700 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 8,978,267,690 บาทกกต.หารือพร้อมจัดเลือกตั้ง สส.ที่สำนักงาน กกต. มีการประชุมคณะกรรมการ กกต. มีนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมมีวาระสำคัญ คือ การเตรียมความพร้อมในการรับสมัครและการจัดการเลือกตั้ง รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ เอกสารคู่มือในการจัดทำประชามติ รวมถึงซักซ้อมการทำงานกับสื่อมวลชนในการรับสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขต ตั้งแต่วันที่ 27-31 ธ.ค. และ สส.แบบบัญชีรายชื่อ วันที่ 28-31 ธ.ค. รวมถึงการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับข้อกฎหมาย การดำเนินกิจกรรมของพรรคการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชนและการเผยแพร่ประชา สัมพันธ์การเลือกตั้งลั่นคุมเข้มนโยบายประชานิยมนายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการกกต. กล่าวถึงการกำหนดนโยบายหาเสียงของพรรค การเมือง หรือนโยบายประชานิยมว่า พรรคการเมืองต้องรับฟังความเห็นของสาขาพรรค และตัวแทนพรรคประจำจังหวัด นโยบายหาเสียงที่ต้องใช้เงินต้องรายงาน กกต. ต้องมีรายละเอียดนโยบาย วงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ดำเนินการ ความคุ้มค่าและประโยชน์ รวมถึงผลกระทบและความเสี่ยง ต้องกำหนดข้อมูลเหล่านี้ให้ครบถ้วน ส่งให้ กกต.อย่างช้าที่สุดก่อนการเลือกตั้ง 20 วัน หรือประมาณวันที่ 10 ม.ค.2569 ขณะนี้ยังไม่มีพรรคใดส่งนโยบายมาให้ กกต.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ประกอบด้วยผู้แทน 8 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช. สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หากพบว่าพรรคการเมืองเสนอไม่ครบถ้วน แจ้งให้แก้ไข ครั้งนี้เราจะเข้มกว่าทุกครั้ง เราแจ้งให้พรรคการเมืองไปแล้วว่าต้องดำเนินการอย่างไรชงศาลเพิกถอนสิทธิแก๊งฮั้ว สว.วันเดียวกัน คณะกรรมการ กกต. มีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง นายอับดุลเลาะ สือแมผู้ถูกร้องที่ 24 นายมะยาลี บาโด ผู้ถูกร้องที่ 25 และนายมูฮัมหมัดมัสรี ฮามิ ผู้ถูกร้องที่ 26 ทั้งหมดเป็นบุคคลที่ไม่ใช่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น สว. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภามาตรา 62 และรัฐธรรมนูญมาตรา 226 พร้อมดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 77 (1) ในข้อหาร่วมกันทุจริตการเลือกตั้งสว.ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2567 เนื่องจากมีหลักฐานเชื่อได้ว่า นายอับดุลเลาะ นายมะยาลี และนายมูฮัมหมัดมัสรี ร่วมกันจัดทำให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใด เพื่อจูงใจให้นายซูรียา ดือเระ ผู้มีสิทธิเลือก สว. กลุ่ม 7 หมายเลข 26 เลือกลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.มาตรา 77 (1) เป็นการกระทำทุจริต และให้กันนายซูรียา ดือเระ ไว้เป็นพยานโดยไม่ดำเนินคดีอาญา ส่วนผู้ถูกร้องที่เป็นผู้มีสิทธิเลือก สว.อีก 22 ราย กกต.สั่งแยกให้ไปไต่สวนเป็นอีกสำนวนสั่ง กกต.–“แสวง” แจงจัดเลือก สว.มิชอบที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นตรวจฟ้องคดีที่นายอัครวัฒน์ พงศ์ธนาชลิตกุล สว.สำรอง ยื่นฟ้องนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กับพวก กกต. และนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. รวมทั้งหมด 8 คน เป็นจำเลย ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากคดีฮั้ว สว. มีนายอัครวัฒน์ สว.สำรอง ผู้ฟ้อง พร้อมกลุ่ม สว.สำรองและทีมทนายความ เดินทางมาศาล ศาลมีคำสั่งว่าเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาในการมีคำสั่งในคดีนี้ เห็นควรให้มีหนังสือถึงสำนักงาน กกต. ให้ชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งเอกสารที่เกี่ยวข้อง และศาลให้นัดฟังคำสั่งคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 27 ม.ค.2569 เวลา 09.30 น. นายอัครวัฒน์กล่าวว่า วันนี้ศาลเมตตากับพวกเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหาย จะปล่อยผ่านและเงียบหายไปไม่ได้ หลังจากนี้จะมีหนังสือไปถึงจำเลยทั้งหมดที่ถูกกล่าวหา ประกอบด้วย กกต. 7 คน และเลขาธิการกกต. 1 คน โดยจะส่งหนังสือไปถึงกลุ่มบุคคลเหล่านี้ เพื่อให้ส่งเอกสารชี้แจงในสิ่งที่โดนกล่าวหาว่า กระทำความผิดในครั้งเลือกตั้งที่ผ่านมา มีกำหนดระยะเวลาภายใน 30 วัน จำเลยทั้งหมดต้องส่งหนังสือมา และศาลจะพิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไปเปิดกรุสมบัติ “จุลพันธ์–สุริยะ” อู้ฟู่ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี มีที่น่าสนใจ อาทิ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ พ้นตำแหน่ง รมช.คลัง มีทรัพย์สินรวม 86,145,404 บาท ไม่มีหนี้สิน เป็นของนายจุลพันธ์ 74,278,093 บาท อาทิ ที่ดิน และของ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ คู่สมรส 11,668,606 บาท นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ พ้นตำแหน่งรองนายกฯและรมว.คมนาคม มีทรัพย์สินรวม 1,644,747,156 บาท ไม่มีหนี้สิน เป็นของนายสุริยะ 1,359,610,510 บาท อาทิ เงินสด 6 แสนบาท เงินฝาก 15 บัญชี รวม 852,161,663 บาท เครื่องบิน Gulfstream G550 1 ลำ มูลค่า 30 ล้านบาท ส่วนของนางสุริสา จึงรุ่งเรืองกิจ คู่สมรส มีทรัพย์สิน 285,136,645 บาท“เสี่ยท็อป” มีทรัพย์สินกว่า 7 ร้อย ล.ส่วนนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นตำแหน่งรองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย มีทรัพย์สินรวม 49,648,246 บาท เป็นของนายภูมิธรรม 9,583,323 บาท ส่วนนางอภิญญา เวชยชัย คู่สมรส มีทรัพย์สิน 40,064,923 บาท พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง พ้นตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม มีทรัพย์สินรวม 60,888,594 บาท ไม่มีหนี้สิน เป็นของ พ.ต.อ.ทวี เงินสด 5 แสนบาท เงินฝาก 4,740,026 บาท นางสุนีย์ สอดส่อง คู่สมรส มีทรัพย์สิน 24,028,144 บาท นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ พ้นตำแหน่ง รมว.แรงงาน มีทรัพย์สินรวม 270,343,526 บาท ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา พ้นตำแหน่ง รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีทรัพย์สินรวม 701,426,660 บาท นายชัยชนะ เดชเดโช พ้นตำแหน่ง รมช.สาธารณสุข มีทรัพย์สิน 66,084,215 บาท“ประเสริฐ” พบดีเอสไอแจง MOUอีกเรื่อง ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย อดีต รมว. ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) และนายวัลลภ รุจิรากร อดีตเลขานุการ รมว.ดีอี เข้าให้ปากคำในฐานะ พยานกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรณีธุรกิจสแกนม่านตาแลกเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี ภายใต้โครงการ World coin ผ่านการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) หลังนายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดีอี มีคำสั่งยกเลิกบันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอี และบริษัทไพรม์ ออพ พอร์ทูนิตี้ ฟันด์ วิซีซี จากประเทศสิงคโปร์ หลังพบเส้นทางเชื่อมโยงขบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลกและพบข้อพิรุธในหลายเรื่อง นายประเสริฐเผยว่า ข้อมูลที่ให้ดีเอสไอถือเป็นความลับขอไม่เปิดเผย ส่วนจะเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองหรือไม่ ก็มองได้ ด้าน ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า นายประเสริฐมาให้ปากคำในฐานะพยาน ยังอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลที่มีการสแกนม่านตาคนไทย 1.2 ล้านคน ว่าเอาไปเพื่ออะไร โดยนายประเสริฐให้การว่าไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกันอย่างไรอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่