ไทยมีโอกาสเป็นผู้นำด้านความมั่นคงทางไซเบอร์ระดับโลก หลังจากกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC จัดประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยหุ้นส่วนระดับโลก เพื่อต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต มีผู้เข้าร่วม 338 คน จาก 58 ประเทศสะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีที่นำไปใช้ในทางที่ผิด ก่ออาชญากรรมข้ามชาติหลากหลายรูปแบบ รวมถึงอาชญากรรมทางไซเบอร์ ทั้งในรูปแบบการหลอกลวงทางการเงิน การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ การทุจริตคอร์รัปชัน เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม ส่งผลกระทบวงกว้างต่อบุคคล ภาคธุรกิจ ของรัฐต่างๆทั่วโลกทุกประเทศกังวลต่อปัญหาดังกล่าว ที่กลายเป็นวิกฤตการณ์ลุกลามอย่างรวดเร็วจากศักยภาพศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ในอาเซียน และภูมิภาคอื่น ที่ปฏิบัติการใช้ทุนเทาเขย่าทุนนิยม โดยเฉพาะเมื่อเอไอเป็นเครื่องมือช่วยให้อาชญากรหลอกเหยื่อได้ในระดับอุตสาหกรรม ทำลายหลักนิติธรรม เติมเชื้อไฟให้อาชญากรรมร้ายแรงอื่นๆเฉพาะมูลค่าความเสียหายที่คำนวณเป็นตัวเงินตกปีละหลายหมื่นล้านดอลลาร์ นายอันโตนิโอ กุเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ จึงพยายามโน้มน้าวให้นานาประเทศร่วมยุติปัญหานี้ พร้อมสร้างโลกดิจิทัลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน โดยลงนามในสัตยาบันนำไปสู่การปฏิบัติโดยเร็ว เพื่อยกระดับความร่วมมือข้ามพรมแดนเป็นที่มาแถลงการณ์ร่วมกรุงเทพฯ สู่ปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการสีเทาข้ามพรมแดน ไทยในฐานะเป็นผู้ริเริ่มควรใช้จังหวะที่กัมพูชาไม่เข้าร่วมสังฆกรรมงานนี้ ใช้กลไกอาเซียนและทวิภาคี โน้มน้าวให้ทุกประเทศเห็นว่าพื้นที่ที่ปลอดภัยของสแกมเมอร์ คือความไม่มั่นคงของภูมิภาค หากปล่อยให้มีอยู่ในกัมพูชาขบวนการนี้ก็ยังคงลอยนวลและเป็นภารกิจรัฐบาลชุดใหม่ควรเร่งจัดตั้งศูนย์ประสานงานปฏิบัติการร่วมดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนกระบวนการยุติธรรมข้ามพรมแดน ตั้งแต่การสืบสวนไปจนถึงการดำเนินคดีที่รวดเร็วขึ้น ปิดช่องโหว่กฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวกรองทางการเงินและหลักฐานดิจิทัลแบบเรียลไทม์ เพื่อทำลายวงจรอุบาทว์โดยเฉพาะในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทุกพรรคการเมืองต้องเน้นนโยบายให้ประชาชนได้เห็นว่า เมื่อพรรคการเมืองนั้นๆได้รับเลือกมาเป็นรัฐบาลแล้วมียุทธศาสตร์ในการแก้ปัญหาระดับโลกได้อย่างไรให้สะเด็ดน้ำ เพื่อให้สามารถจับกุมปลาตัวใหญ่ หรือหัวหน้าเครือข่าย ไม่ใช่จับแค่ปลาซิวปลาสร้อย เหมือนที่ผ่านๆมา.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม