วันก่อน คุณปิยะชาติ อิศรภักดี ซีอีโอ BRANDi ผู้เชี่ยวชาญการสร้างแบรนด์ ได้ส่งบทความที่ลงใน เว็บไซต์การเงินธนาคาร เรื่อง “เศรษฐกิจโลกแบบโตตํ่าปกติ (Low Growth Normal)” มาให้อ่าน อ่านแล้วก็ต้องรีบเผยแพร่ต่อ นี่คือ “สัญญาณอันตราย” ที่คนไทยต้องรู้ ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจโลก 2567-2569 ของ IMF ส่งสัญญาณว่า “โลกกำลังก้าวเข้าสู่ภาวะแบบ Low-Growth Normal” แม้เศรษฐกิจโลกยังเติบโตได้ แต่เติบโตช้าลงและน้อยลงไปทุกปี แทบจะทุกภูมิภาคที่การเติบโตของเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวพร้อมกัน สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติในเชิงวัฏจักร แต่มันคือการส่งสัญญาณว่า โมเดลเศรษฐกิจแบบเดิมกำลังชนถึงเพดานแล้วไอเอ็มเอฟ คาดการณ์จีดีพีโลกปี 2567-2569 อยู่ที่ ร้อยละ 3.3 ในปี 2567 ร้อยละ 3.2 ในปี 2568 และ ร้อยละ 3.1 ในปี 2569 เติบโตลดลงทุกปีตัวเลขจีดีพีโลกที่ค่อยๆลดลง เป็นสัญญาณเตือนระดับโลกว่า การใช้วิธีบริหารเงินทุน แรงงาน และทรัพยากรธรรมชาติแบบเดิม อาจไม่สามารถขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจได้อีกต่อไป ซํ้ายังจะสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา ความสามารถในการผลิต (productivity) ที่แท้จริงเริ่มไม่เติบโต แม้เทคโนโลยี AI จะมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจก้าวหน้าอย่างสหรัฐฯ จีดีพีก็โตตํ่าลงมาเรื่อยๆ จาก 2.8 ในปี 2567 เป็นร้อยละ 2.0 ในปี 2568 และร้อยละ 2.1 ในปี 2569 เศรษฐกิจสหรัฐฯติดเพดานโครงสร้างใน 3 มิติ 1.โครงสร้างประชากรสูงวัย 2.ความสามารถในการผลิตโตช้า 3.ค่าครองชีพ (Cost of living) สูงจนทำให้กำลังซื้อ (purchasing power) ถดถอยลงนี่คือสัญญาณว่า โมเดลเศรษฐกิจฐานทุนเริ่มหมดแรง ระบบที่เน้นแต่ Financial capital จะเติบโตถึงจุดหนึ่งแล้วจะชะลออย่างถาวร ถ้าไม่มีการเสริม Human capital (ทุนมนุษย์) + Innovation (นวัตกรรม) ที่เหมาะสมตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย แม้จะยังเติบโตเร็วที่สุด แต่ก็เริ่มชะลอลง จีดีพี 2567 โตร้อยละ 5.3 ปี 2568 ร้อยละ 5.2 และปี 2569 เหลือร้อยละ 4.7 แม้ตลาดเกิดใหม่จะยังเป็น เครื่องยนต์เติบโต (growth engine) ที่สำคัญของโลก แต่ทิศทางของการเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาทักษะตามไม่ทันเทคโนโลยี หนี้ครัวเรือนเริ่มสูงขึ้นในหลายประเทศ ลดทอนความสามารถในการลงทุน โครงสร้างเศรษฐกิจยังพึ่งแรงงานมากกว่าองค์ความรู้ (Knowledge-intensive) ถ้าไม่มีการพัฒนาทุนมนุษย์ (Human capital) อย่างจริงจัง แต้มต่อการเติบโตจะเริ่มอ่อนแรงลง เมื่อคนไม่โต ปัจจัยความสามารถในการผลิตทั้งหมดก็จะลดลง จีดีพีก็จะชะลอตัวลง แม้จะมีเทคโนโลยีใหม่ก็ตามเรามักคิดว่า เศรษฐกิจเติบโตได้เพราะมีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า แต่ตัวเลข IMF บอกตรงกันข้าม เทคโนโลยีโตเร็ว แต่คนและสังคมโตช้ากว่า GDP จึงชะลอตัวทั่วโลก นี่คือปัญหาเชิงโครงสร้างที่ Sustainomy พยายามแก้ ทั้งการยกระดับทุนมนุษย์ การจัดการความเสี่ยงเชิงระบบ การออกแบบกลไกทางเศรษฐกิจที่ “เพิ่มรายได้ (Earning Power)” ของประชาชนทางรอดของประเทศไทยในยุคเศรษฐกิจโตตํ่าจนเป็นเรื่องปกติ สิ่งที่ต้องทำคือ “เร่งยกระดับศักยภาพคนไทย” อย่างจริงจัง เปลี่ยนการขับเคลื่อนจากทุนแบบเดิมมาเป็น “ทุนมนุษย์” จีดีพีไทยจะขึ้นต่อไปได้ต้อง “เพิ่มรายได้ประชาชน” ด้วยการ เพิ่ม earning power ของคนไทย และ ลดหนี้ครัวเรือนผ่านการเพิ่มรายได้ ไม่ใช่การพักหนี้ เพิ่มทักษะแรงงานทั้งประเทศให้ทันและก้าวนำ AI ไม่ใช่แค่ทักษะพื้นฐาน สร้างและส่งเสริมผู้นำที่ขับเคลื่อน การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ได้จริงแล้วจีดีพีไทยก็จะโตสวนกระแสโลกได้ แต่เมื่อดู “ศักยภาพรัฐบาล เลือกตั้ง” ที่ผ่านมา ผมบอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย มีแต่สีเทาสีดำที่อยากให้คนไทย “โง่/จน/เจ็บ” จะได้ซื้อเสียงง่าย โดยไม่ต้องอาศัยคะแนนนิยมที่แท้จริง.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม