สถานการณ์ความมั่นคง “เวเนซุเอลา” ในภูมิภาคอเมริกาใต้ ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ มีท่าทีพร้อม ยกระดับความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆเสียงที่ออกมาจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ณ เพลานี้มีแต่คำว่าปฏิบัติการโจมตีทางทหาร โดยเฉพาะการที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาเรื่องการโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินในประเทศเวเนซุเอลาโดยตรงสอดคล้องกับความเคลื่อนไหวของกองทัพสหรัฐฯในทะเลแคริบเบียน ข้อมูลดาวเทียมของฝ่ายรัสเซียยืนยันว่า กองเรือ พิฆาตจำนวนมาก กำลังป้วนเปี้ยนประชิดน่านน้ำของเวเนซุเอลาในลักษณะตาข่ายปิดล้อม ขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือดำน้ำได้ปักหลักอยู่ในน่านน้ำสากลขึงเป็นตาข่ายอีกชั้นเช่นเดียวกับเรือบัญชาการหน่วยรบพิเศษ และเรือสำหรับ “ยกพลขึ้นบก” คอยท่าอยู่ที่ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ทางภาคตะวันออกของเวเนซุเอลา ซักซ้อมขนทหารขึ้นฝั่งไป พลางๆระหว่างรอสัญญาณไฟเขียวก่อนหน้านี้ มีนักวิเคราะห์ความมั่นคงประเมินว่า หากกองทัพสหรัฐฯ จะตัดสินใจรุกรานเลยก็สามารถทำได้ เนื่องจากในตอนนี้ กองทัพอากาศสหรัฐฯได้ล็อกเป้าระบบต่อต้าน อากาศยานของเวเนซุเอลาไว้หมดแล้วเปิดฉากขั้นแรกด้วยการทำลายระบบป้องกันภัย เพื่อให้เครื่องบินรบเข้าครองน่านฟ้า จากนั้นจึงส่งเหล่า “มารีน” นาวิกโยธิน เข้า ควบคุมท่าเรือและสนามบินที่สำคัญ ใช้เป็นจุดขนถ่ายกำลังทางบกเติมกำลังชุดที่จะตามมา เหมือนกับสงครามครั้งอื่นๆ ที่สหรัฐฯ ตัดสินใจใช้กำลังทางทหารเข้ารุกรานสถานการณ์ตอนนั้นจึงเรียกได้ว่าเป็น ช่วงเวลาของการดูใจนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าจะตัดสินชี้ขาดอย่างไร เพราะถึงเจ้าตัวจะสั่งการให้ฝ่ายการทูตหยุดคุยกับเวเนซุเอลาไปแล้ว แต่ส่วนตัวยังมีการโทรศัพท์หารือกับนายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงแต่ยังตกลงกันไม่ได้ ข้อมูลแหล่งข่าวอ้างว่า ผู้นำเวเนซุเอลาขอเงิน ขอความคุ้มครองสำหรับตัวเองและลูกน้องคนสนิท และขอเนรเทศตัวเองไปอยู่ในชาติละตินอเมริกา แต่ผู้นำสหรัฐฯต้องการให้ไปอยู่ไกลๆอีกซีกโลก เช่น รัสเซีย หรือจีน ด้วยเหตุนี้จึงมองได้หรือไม่ว่า “หากยังมีความเป็นไปได้” ที่ผู้นำเวเนซุเอลาจะยอมสละอำนาจ นายทรัมป์ก็จะยังไม่ใช้กำลังทางทหารแต่อย่างใด?ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม