กองทัพภาคที่ 2 โต้ข่าวกัมพูชายึด “ผาอินทรี” บุรีรัมย์ หลัง ตชด.216 พร้อมเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าตรวจสอบแล้ว ไม่พบมีกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐาน รวมถึงภาพถ่ายดาวเทียมไม่ปรากฏการเคลื่อนกำลัง เล็งดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ผู้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ สร้างความสับสน/ตื่นตระหนก กระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ด้านกองกำลังบูรพาสกัดจับคนลักลอบข้ามแดนจากกัมพูชาเข้าไทยทางช่องทางธรรมชาติพื้นที่ จ.สระแก้ว ทั้งที่ อ.อรัญ ประเทศ-โคกสูง หลังพบทะลักเข้ามาต่อเนื่อง ล่าสุดรวบ 7 คนไทย 1 คนอินเดีย อ้างถูกหลอกไปเป็นสแกมเมอร์-เหยื่อบัญชีม้า/แอดมิน มีคนไทย 1 ราย เจอมี Case ID ถึง 16 เคสสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. กองทัพภาคที่ 2 ออกเอกสารชี้แจงกระแสข่าวในสื่อสังคมออนไลน์กรณีมีกำลังทหารกัมพูชาเข้ามายึดพื้นที่บริเวณ “ผาอินทรี” อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ยืนยันว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงที่รับผิดชอบพื้นที่ ได้แก่ ตชด.216 และฝ่ายปกครองอำเภอบ้านกรวด ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในวันที่ 1 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ใช้รถจักรยานยนต์ในการเข้าถึงพื้นที่เนื่องจากสภาพเส้นทางไม่สามารถใช้ยานยนต์ขนาดใหญ่ได้จากการตรวจสอบพื้นที่รอบแรกโดยเจ้าหน้าที่ ตชด.216 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ไม่พบหลักฐานหรือข้อบ่งชี้ว่ามีกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาตั้งฐาน ปรับสภาพพื้นที่หรือก่อสร้างเส้นทางภายในเขตแดนไทยตามที่มีการกล่าวอ้าง ภาพถ่ายดาวเทียมและการสำรวจสภาพภูมิประเทศภาคสนามไม่ปรากฏการเคลื่อนกำลังหรือกิจกรรมเชิงยุทธวิธีของฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าว ทั้งนี้ บริเวณโดยรอบยังคงเป็นป่ารกทึบและมีเพียงร่องรอยถนนเก่าที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานาน จึงสรุปเบื้องต้นได้ว่ายังไม่พบสิ่งบ่งชี้ที่เข้าข่ายการล่วงละเมิดอธิปไตยของไทย หรือเป็นภัยต่อความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยใกล้แนวชายแดนแต่อย่างใด หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ยังคงปฏิบัติการลาดตระเวนและตรวจสอบต่อเนื่องเพื่อยืนยันสถานการณ์ให้มีความชัดเจนสูงสุดสำหรับ “ผาอินทรี” ตั้งอยู่บริเวณสายตรี 6 ใต้ ต.บึงเจริญ อ.บ้านกรวด ห่างจากถนนสาย 224 ประมาณ 12 กิโลเมตร และเป็นพื้นที่เคยเป็นที่ตั้งของฐาน ตชด.216ที่ยุบเลิกไปเมื่อปี พ.ศ.2533 ที่ทางราชการมีข้อมูลและประวัติการใช้ประโยชน์มาโดยชัดเจนในส่วนของข้อมูลที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์อาจก่อให้เกิดความสับสนหรือความตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลแล้ว และอยู่ระหว่างการดำเนินการแจ้งความตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับผู้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและต่อภารกิจการดูแลความมั่นคงชายแดนของหน่วยงานรัฐส่วนความคืบหน้ากรณีชายชาวจีนเหยียบทุ่นระเบิดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บริเวณบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าซ้ายขาด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อวันที่ 30 พ.ย. กองกำลังบูรพาได้อำนวยความสะดวกให้กับคณะสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เดินทางมาเยี่ยมนายฉี จินกุย อายุ 26 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บเท้าด้านซ้ายขาดทั้งเท้า และมีแผลฉกรรจ์ เนื่องจากการเหยียบทุ่นระเบิดในแปลงพื้นที่สนามทุ่นระเบิด SHA 27-01/AD ซึ่งอยู่ระหว่าง จต.ส.41-จต.ส.42 ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ณ รพ.อรัญประเทศ และได้พูดคุยกับผู้บาดเจ็บ ทั้งสอบถามประวัติส่วนตัว อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น ความต้องการในการช่วยเหลือด้านต่างๆ และสถานทูตได้ประสานให้ผู้บาดเจ็บได้พูดคุยกับครอบครัว สอบถามแพทย์ถึงแนวทางการรักษา แพทย์ผู้รักษาคาดว่าใช้เวลาพักในโรงพยาบาล 3-5 วัน หากอาการไม่รุนแรงขึ้นรวมถึงสอบถามเหตุการณ์ในห้วงเกิดเหตุว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ การดำเนินการอยู่ในระหว่างสอบสวนและตรวจสอบ ซึ่งจะดำเนินการต่อไปในภายหลัง ส่วนการดำเนินการต่อไปของเจ้าหน้าที่หน่วยงานด้านความมั่นคงอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนของ สภ.โคกสูง ทั้งนี้ คณะฯยังได้ขอขอบคุณหน่วยงานทหารและตำรวจ ที่ได้ช่วยเหลือส่งผู้บาดเจ็บนอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ย. กองกำลังบูรพา (กกล.บูรพา) ภายใต้การดูแลของ พล.ร.2 รอ.ได้ระดมกำลังพลจาก ฉก.อรัญประเทศ และ ฉก.คลองหาด ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนและภัยคุกคามในพื้นที่ อ.อรัญประเทศ และ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว สรุปผลการปฏิบัติการสำคัญ ณ แนวชายแดน รวม 4 เหตุการณ์ ได้แก่ ปฏิบัติการช่วยเหลือคนไทยเหยื่อบัญชีม้า/แอดมิน รวม 5 ราย โดยร้อย.ทพ.1204 จับกุม/ช่วยเหลือ ชาวไทย 5 คน เป็นชาย 4 คน และหญิง 1 คน ในพื้นที่ บ.โนนพัฒนา และ บ.โนนสาวเอ้ ทั้งหมดถูกหลอกให้ไปทำงานที่ปอยเปต ถูกกักขัง และถูกบังคับให้เปิดบัญชีธนาคาร สแกนหน้าเพื่อยืนยันตัวตน และทำหน้าที่เป็นแอดมินตอบแชตหลอกลวงเหยื่อ เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ หรือบัญชีมีปัญหา ถูกนำมาส่งไว้ที่ชายแดนเพื่อลักลอบกลับมายังประเทศไทยขณะที่ร้อย.ทพ.1206 จับกุมคนไทย 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน ที่ บ.กุดหิน ต.คลองน้ำใส ทั้งคู่ถูกหลอกไปทำงานที่กัมพูชา แต่กลับถูกให้ทำงานเป็นพ่อครัว/แม่บ้าน จึงตัดสินใจติดต่อหาผู้นำพาชาวกัมพูชาเพื่อลักลอบข้ามกลับมาประเทศไทย โดยหนึ่งในผู้ถูกจับกุมพบหมายจับ 1 หมาย และอีกรายมี Case ID หรือเลขรับแจ้งความออนไลน์ในระบบถึง 16 เคส และร้อย.ทพ.1203 จับกุมนาย CHARANJEET oSINGN อายุ 29 ปี สัญชาติอินเดีย ขณะลักลอบเข้าประเทศไทยที่ จุดผ่อนปรนบ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ ผู้ถูกจับกุมให้การว่า ถูกเพื่อนชาวอินเดียชวนมาทำงาน แต่ถูกบังคับให้ทำหน้าที่สแกมเมอร์ ก่อนถูกขายต่อให้นายทุนชาวจีน และถูกทำร้ายร่างกาย เนื่องจากทำยอดไม่ได้ จึงตัดสินใจเดินหลบหนีเข้ามายังประเทศไทยรวมผลการปฏิบัติสามารถจับกุม/ช่วยเหลือผู้ลักลอบเข้าเมืองรวม 8 ราย เป็นคนไทย 7 คน และชาวอินเดีย 1 คน หน่วยได้ส่งตัวทั้งหมดให้กับ สภ.คลองน้ำใส เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่