ผลสำรวจกระแสความนิยมทางการเมืองที่ภาคใต้ มันส่งผลกระทบภูมิภาคอื่นด้วย โดยเฉพาะใน กทม. ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพล) สะท้อนมุมคิดให้เห็นถึงทิศทางการเมืองหลังจากนิด้าโพลสำรวจเป็นรายไตรมาส ไล่เรียงตามภูมิภาคต่างๆมาแล้ว จนถึงคิวของภาคใต้ โดยผลโพลที่ทำตั้งแต่ภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เป็นเข็มทิศชี้ว่า “หาคนที่เหมาะสมเป็นนายกฯไม่ได้-หาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้”บ่งบอกชัดประเทศกำลังขาดแคลนผู้นำทางการเมืองพร้อมเผชิญวิกฤติหาพรรคการเมืองที่เป็นที่พึงพอใจความนิยมอันดับรองลงไปมีพรรคประชาชนหรือค่ายสีส้มขึ้นแท่นนำ พรรคภูมิใจไทยหรือสีน้ำเงินดีดขึ้นมาเป็นคู่แข่ง เท่ากับเป็นการแข่งขันระหว่างส้มกับน้ำเงินโดยสีส้มได้เปรียบเยอะเชิงกระแสแปลงเป็น สส.บัญชีรายชื่อ แต่สีน้ำเงินเดิมเลือกตั้งปี 66 มีกระแสนิยม 3% ยังหอบ สส.เข้ามาได้ 70 คน ครั้งนี้กระแสนิยมขยับ 13% ทำให้ชีวิตสีน้ำเงินสบายขึ้นกว่าเดิมเยอะ“เหมือนเรือ ถ้าไม่มีลมคนบนเรือก็เหนื่อย ใช้ทรัพยากรเยอะลากเรือเข้าฝั่งให้ได้ ถ้ามีลมมันช่วยเรือให้เร็วขึ้น ไม่ต้องใช้ทรัพยากรเยอะในการเข้าสู่เป้าหมายแม้มีทรัพยากรจำนวนมากกว่าเดิมบนหน้าตัก ยิ่งได้บ้านใหญ่ คนผู้มากบารมีหลั่งไหลเข้ามาอยู่ โอกาสช่วงชิงขึ้นเป็นพรรคเบอร์หนึ่งหลังเลือกตั้งก็ง่ายมากขึ้น”ขณะที่พรรคเพื่อไทยที่เป็นเรือสีแดงหล่นไปลำดับ 3 ดูตามโพลยังมีลมอยู่บ้าง เป็นลมที่ผูกพันกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นับว่าเป็นด้อมแดงพันธุ์แท้ไม่ถอนสมอไปไหนอยู่ประมาณ 11-13% โดยจำนวน สส.มีโอกาสลดลงประมาณครึ่งหนึ่งในกรณีที่เลือดไม่ไหลออกเพิ่มหากเลือดยังไหลออกเพิ่มอาจเผชิญคลื่นลำบากบ้าง ไม่มั่นใจว่าเรือแล่นถึงฝั่ง สีส้มกับสีน้ำเงินอาจไปนั่งจิบกาแฟกันแล้วก็ได้ส่วนเรือที่แล่นถึงฝั่งอันดับที่ 4 ดูตามสถานการณ์ของกระแสความนิยมทางการเมือง ชิงกันระหว่างเรือที่กระแสลมกำลังพัดแรง กำลังขึ้น คือ เรือสีฟ้า พรรคประชาธิปัตย์ หลังเปลี่ยนกัปตันเรือ ดั่งเป็น “ขงเบ้ง” เรียกลมเรียกฝนได้ เริ่มวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆแต่ติดปัญหาทรัพยากรน้อยและบุคลากรจำกัด วางผู้ที่เหมาะสมลงแต่ละเขตก็ยังหาลำบาก เรือฟ้าดีหรือไม่ ไม่ต้องห่วงกระแสลมที่น่าทำให้ได้ สส.บัญชีรายชื่อสัก 10 ที่นั่ง รวมกับ สส.เขตน่าจะได้มากกว่า 25 ที่นั่งแน่นอน หากภาคใต้ที่เป็นฐานที่มั่นเดิมทำได้ดี ฟื้นวัฒนธรรมการเมืองภาคใต้ได้ มีโอกาสแตะเลข 3 กว่าจนใกล้ถึงเลข 4ยามที่เรือสีฟ้าฟื้นที่ภาคใต้ พรรคการเมืองที่เหนื่อยย่อมเป็นเรือสีน้ำเงิน ที่ตั้งใจเร่งปั่นเครื่อง คนที่ไหลไปอยู่ด้วยยังไม่รู้หัวรู้ก้อย เพราะกระแสลมการเมืองภาคใต้เปลี่ยนทิศคนที่นอนก่ายหน้าผากเป็นกัปตันเรือฝั่งใต้ของสีน้ำเงิน โดยเฉพาะยิ่งเผชิญกับเหตุการณ์มหาอุทักภัยที่ภาคใต้ รวมถึง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาอีกผลสำรวจที่มาอันดับหนึ่งทุกครั้ง ทั้งยังไม่เลือกใครเป็นนายกฯ ไม่เลือกพรรคการเมืองไหน สะท้อนโหวตเตอร์สิ้นศรัทธานักการเมืองอย่างไร ผศ.ดร.สุวิชา บอกว่า ตอบไม่ได้จริงๆ แต่เชื่อว่าไม่เทไปสีใดสีหนึ่ง มันกระจาย รอจังหวะใกล้เลือกตั้ง สีไหนมีทีเด็ดมากกว่าที่จะดึงโหวตเตอร์กลุ่มนี้มาให้ได้ เป็นการชิงกระแส แต่ในเขตเลือกตั้งเป็นอีกแบบหนึ่งน้ำท่วมหาดใหญ่ราพณาสูรพัดกระแสการเมืองเปลี่ยนทิศด้วย ผศ.ดร.สุวิชา บอกว่าใช่ แต่ก่อนหน้านี้กระแสการเมืองเริ่มเปลี่ยนทิศแล้ว ไม่ใช่มาเปลี่ยนตอนเผชิญเหตุน้ำท่วมที่หาดใหญ่พอน้ำท่วมหาดใหญ่ลมเปลี่ยนทิศยิ่งรุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อหันไปดูคู่แข่งเรือสีฟ้าชิงอันดับ 4 ต้องยกให้พรรคกล้าธรรม เรือสีเขียว กระแสไม่มี ไม่มีลมหนุน แต่บนเรือเต็มไปด้วยทรัพยากรที่พร้อมเคลื่อนเรือแล่นไปอย่างรวดเร็ว แถมมีเครื่องเทอร์โบติดด้วย กัปตันเรือตั้งเป้า 70-80 ที่นั่งดูทรงแล้วน่าจะถึง 50 ที่นั่ง ดีไม่ดียังสูสีกับเรือสีฟ้า แต่รอดูเรือสีฟ้ามีลมแรงจากกราบเรือฝั่งกรุงเทพฯหรือไม่ ถ้าแรงขึ้นรับรองน่าสนใจทีเดียว ดีไม่ดีเรือสีเขียวจะแล่นแซงไม่ได้วิปโยคน้ำท่วมใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จ.สงขลา มีผลกระทบ ต่อเรือน้ำเงินทั่วประเทศอย่างไร ผศ.ดร.สุวิชา บอกว่า ที่ภาคใต้มีผลกระทบพอสมควรทีเดียว ทั้งประเทศก็มีคะแนนความนิยมลดลงบ้าง แต่ไม่รุนแรง เพราะมีคนภาคใต้ย้ายไปอยู่ตามที่ต่างๆ รวมถึงในกรุงเทพฯ อาจไม่พอใจคนที่ไม่ใช่คนใต้อาจแค่ก่นด่าบ้าง โดยมองภาพรวมเห็นว่ามวลน้ำมหาศาลขนาดนี้มา ใครเป็นรัฐบาลก็โดนด่า ยิ่งบางคนอาจรู้สึกดีกับรัฐบาล ที่ได้เห็นภาพนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่สถานการณ์การเมืองแบบนี้พรรคภูมิใจไทยรู้ตัวเร็วมาก พอน้ำลดต้องเร่งหาทางแก้จุดบอด “ฟื้นฟูต้องทำให้เร็ว แรง มีประสิทธิภาพ เพียงพอ เป็นธรรม โปร่งใส” หวังว่าไม่มีมือดีแอบยักยอกช่วงน้ำท่วมปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา รัฐบาลยังไม่สามารถสะสางได้ ยังเผชิญวิกฤติวิปโยคน้ำท่วมหนักภาคใต้ มีผลต่อการเลือกตั้งอย่างไร ผศ.ดร.สุวิชา บอกว่า วิกฤติชายแดนไทย-กัมพูชา มันสะเทือนทั้งประเทศ กระแสชาตินิยมมันเชี่ยวกรากทันทีทั้งประเทศรัฐบาลมาใหม่ๆดูสตรองลีดเดอร์ พอเจอเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดครั้งล่าสุด ทำท่าสตรองลีดเดอร์อีกรอบ พอเจอปรากฏการณ์นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทีเดียวหายไปเลย หลังไทยโดนสหรัฐฯบีบปมภาษี แต่กัมพูชาก็โดนด้วย เกมนี้ทรัมป์ได้ทุกอย่างในฐานะผู้นำรัฐบาลก็ต้องสร้างความมั่นใจให้คนไทยว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่ถูกต้อง ไทยไม่เสียดินแดน และไม่ยอมให้เหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้นอีก สังเกตหรือไม่ช่วงนี้กัมพูชาไม่ได้ยึกยักก่อกวนไทยในช่วงที่ไทยขึ้นไปปักหมุดเขตแดน สถานการณ์คงเป็นแบบนี้ไปจนถึงเลือกตั้ง นอกจากกัมพูชางี่เง่ามากนัก อาจมีเสียงปืนดังขึ้นได้เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา 2 ขั้วสู้กันรุนแรง ปะทะกันระหว่างอำนาจรัฐ บ้านใหญ่ กระสุน กระแส ปะทะกระแสอีกขั้ว แต่ครั้งนี้ขั้วการเมืองไม่แรง ทำให้อำนาจรัฐ บ้านใหญ่ กระสุน ปะทะกระแส ผศ.ดร.สุวิชาบอกว่า ใช่ เมื่อกระแสที่ไม่เท่ากัน ทำให้เรือที่มีกระแสเพียวๆมีทรัพยากรน้อย กับเรือที่มีกระแสและทรัพยากร กำลังแข่งกันขึ้นอยู่กับกระแสสามารถดันให้เรือแล่นเข้าถึงฝั่งเป็นอันดับหนึ่งได้หรือไม่ ถ้ากระแสที่แรงๆแล้วแผ่วตอนหลัง อีกฝั่งที่มีทรัพยากรใช้อย่างเต็มที่ รีบช่วยกันพายเรืออาจแล่นถึงฝั่งก่อนก็ได้เรือสีส้ม-เรือสีน้ำเงินยังดูไม่ออกใครเข้าถึงฝั่งก่อนขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของ 2 พรรค เช่น เรือน้ำเงินดูดีๆ สู้กระแสเรือส้มไม่ได้ ต้องทำอย่างไรต่อถึงชนะ ลองย้อนไปดูเรือสีแดงครั้งก่อน สู้กระแสไม่ได้ ซ้ำพลาดท่าในเขตเมือง เขตใหญ่ๆ จนพ่ายแพ้เรือส้มครั้งนี้เรือน้ำเงินถึงวางกลยุทธ์เจาะฐานส้มตามเขตเลือกตั้ง ถ้าส้มพลาดเป้าเยอะ น้ำเงินก็มีโอกาสเป็นที่หนึ่งทันที จึงเห็นภาพการรวบรวมพลพรรคขึ้นเรือสีน้ำเงิน รวมถึงเอาคนที่เคยเป็นคู่แข่งในอดีตที่แย่งคะแนนกันเองจนสีส้มกลายเป็นตาอยู่ ก็ดึงขึ้นเรือน้ำเงินทั้งหมด“ถอดแบบพิษณุโลกโมเดล ที่สีส้มชนะได้คะแนนไม่ถึง 50% เมื่อเอาผู้สมัครที่แพ้ 2 พรรครวมกันได้คะแนนเกิน 50% พอถึงเลือกตั้งซ่อม สมัยรัฐบาลเพื่อไทย ส่งผู้สมัคร สส.เพื่อไทยคนเดียวก็ชนะกลยุทธ์ไม่ส่งผู้สมัครในจังหวัดที่สีส้มกวาดมาเยอะ แต่ได้คะแนนไม่ถึง 50% เช่น สมุทรปราการ ก็อาจถูกนำมาใช้ ดีไม่ดีน้ำเงินไม่ส่ง ยอมให้เรือสีแดงกวาดยกจังหวัดสมุทรปราการไปเลย”ทั้งหมดป้องกันไม่ให้เกิดการแย่งชิงระหว่างตาอินกับตานา สุดท้ายตาอยู่คว้าพุงปลาไปกินและตาอยู่เป็นเรือสีไหนก็ได้ ยกเว้นสีส้มเพราะรู้ดีว่าสีส้มได้ สส.ไม่ถึงครึ่งของจำนวน สส.ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎร มีแนวโน้มเป็นฝ่ายค้านอีกรอบหนึ่ง สีน้ำเงินถึงต้องการได้ที่หนึ่ง สร้างความชอบธรรมจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ต้องรอให้สีส้มจัดก่อนฉะนั้นจำเป็นต้องเดินตามยุทธศาสตร์เป็นพรรคอันดับหนึ่งให้ได้.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม