ให้ออกอีก 4 ราชทัณฑ์เซ่นเรื่องฉาวคุกวีไอพีจีนเทา 1 ในนั้นเป็น ผอ.ส่วนควบคุมผู้ต้องขัง อีก 3 นายเป็นผู้คุมที่รับรู้และร่วมกระทำผิด “บิ๊กรุทธ์” เผยการตรวจสอบคืบหน้ามาก โดยเฉพาะเส้นเงินลึกไปถึงกลุ่มเครือญาติแล้ว ขณะที่ผู้ช่วยเลขาฯ ป.ป.ช. ยกคณะเข้าเรือนจำพิเศษ ระบุเป็นการทำงานเชิงรุกไม่รอรายงานจาก พงส. แฉห้องลับตามข่าวเป็นห้องรับรองผู้บริหารเห็นทางเข้าออกชัดเจน ด้านอดีต ผบ.คุกพิเศษชี้แจงสื่อ ส่งทนายจี้คนใหญ่ ยธ.ยุติเรื่อง พร้อมส่งให้ ป.ป.ช.สอบแทน ชี้เหตุที่เกิดขึ้นเพราะถูกกลั่นแกล้งจากการไปเบิกความคดีสำคัญกระทบบิ๊กใน ยธ. อีกทั้งหลังรับตำแหน่งได้ย้ายผู้คุมที่มีพฤติกรรมส่งส่วยผู้บริหารกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมด้วยให้ออกอีก 4 ราชทัณฑ์เซ่นจีนเทาผยองคุก เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 28 พ.ย. ที่กรมบังคับคดี พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม เผยว่า ได้ประชุมร่วมกับนายไพฑูรย์ มงคลหัตถี ผู้ตรวจราชการกรมราชทัณฑ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อรับรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบ รวมถึงหารือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อดำเนินการในส่วนคดีอาญา ในคดีลอบนำนางแบบสาวจีนบำเรอผู้ต้องขังจีนเทาในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครรมว.ยุติธรรมกล่าวว่า เบื้องต้นพบการกระทำผิดชัดเจนเรื่องวินัยร้ายแรงและมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนอีก 4 นาย เป็นผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขัง 1 นาย อีก 3 นาย เป็นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในเรือนจำฯ รับรู้การกระทำความผิดและไม่ดำเนินการตามระเบียบ เจ้าหน้าที่ 4 นายนี้อยู่ใน 20 รายชื่อที่ถูกคำสั่งย้ายไปเรือนจำต่างจังหวัดก่อนหน้า มีพยานหลักฐานอีกหลายๆส่วนยืนยันการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง จากนี้จะรวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุดก่อนส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตาม ม.157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบต่อไป ส่วนเจ้าหน้าที่ที่เหลืออีก 14 นาย ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ บางคนอาจอยู่ในสภาวะจำยอมจากผู้บังคับบัญชาการสั่งการ อีกทั้งตอนที่ตนเข้าไปตรวจเรือนจำวันแรก มีเจ้าหน้าที่บางส่วนเขียนจดหมายน้อยแจ้งเบาะแสยัดใส่มือด้วย ดังนั้น ใครผิดต้องว่าไปตามผิด บางคนอาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่ไปอยู่ช่วงเวลาที่เกิดเหตุเท่านั้น บางคนอาจมีความผิดเล็กน้อยตามลำดับชั้น ดังนั้นต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายพล.ต.ท.รุทธพลกล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นที่ดีเอสไอตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายมานพ ชมชื่น อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และพวก ทราบว่าดำเนินการไปได้ค่อนข้างมากและตรวจสอบไปหลายชั้นจนถึงกลุ่มเครือญาติ จะมีการสรุปรายงานอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ในรายละเอียดสำนวนการสืบสวนไม่สามารถเปิดเผยได้ รวมไปถึงกระแสข่าวว่าหญิงนางแบบชาวจีนทั้ง 2 คน ได้เงินค่าจ้าง 5 แสนบาท ต้องขยายผลตรวจสอบข้อเท็จจริงมีรายงานเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ฉาว ล่าสุดมีข้าราชการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมทั้งสิ้น 6 ราย ประกอบด้วย ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร, เลขานุการ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร,ผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขัง และเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครอีก 3 นายต่อมาเวลา 14.30 น. นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นำคณะเข้าตรวจสอบเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนเปิดเผยว่า มาตรวจสอบภายในเรือนจำที่มีปัญหา เนื่องจากต้องตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ว่ามีผู้ใดใช้อำนาจหน้าที่ชอบหรือไม่ชอบอย่างไร จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ โดยมาดูกล้องวงจรปิดวันเกิดเหตุที่ชุดจู่โจมเข้ามาในวันที่ 16 พ.ย. รวมถึงมารับฟังคำชี้แจงจากกรมราชทัณฑ์ ได้ดูสถานที่ตั้งแต่เริ่มต้นปฏิบัติการ การนำพาบุคคลภายนอกเข้ามาในเรือนจำว่าปรากฏตัวอยู่ที่จุดใด และกล้องวงจรปิดมีภาพอะไรบ้าง รวมไปถึงห้องที่มีการกล่าวอ้างว่า ห้องผู้ต้องขังจีนเทาและผู้ต้องขังที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบนำไปใช้ เบื้องต้น ป.ป.ช.มีข้อมูลน้อยมาก แต่จะทำงานในเชิงรุกมากขึ้น จึงลงพื้นที่ตรวจสอบดูสถานที่จริงและให้เห็นข้อมูลว่า เหตุเกิดขึ้นได้อย่างไร จากนั้นจะนำข้อมูลไปรายงานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อประกอบการพิจารณาหรือทำคู่ขนานกับสำนวนจากตำรวจและกรมสอบสวนคดีพิเศษนายพัฒนพงศ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีห้องลับ มองว่าไม่ได้ลับ เป็นเพียงห้องรับรองของผู้บริหารมองเห็นทางเข้าออกได้อย่างชัดเจน ส่วนกรณีที่ผู้ใต้บังคับบัญชาเดินผ่านห้องลับแล้วเห็นการกระทำผิด จะมีส่วนผิดด้วยหรือไม่ ตรงนี้ต้องตรวจสอบกัน ป.ป.ช.จะใช้ระบบไต่สวน สามารถตรวจสอบดูเส้นทางการเงินและทรัพย์สินเกี่ยวกับความร่ำรวยผิดปกติ แม้ว่าขณะนี้จะยังไม่เป็นคดีพิเศษก็ตาม แต่ดีเอสไอจะต้องส่งสำนวนการสืบสวนให้ ป.ป.ช.ใน 30 วัน เพื่อพิจารณาว่าจะให้ ป.ป.ช.รับคดีเองหรือไม่ ส่วนจะเรียกอดีต ผบ.เรือนจำฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำหรือไม่นั้น ขณะนี้เป็นอำนาจของดีเอสไอในการสอบสวน เพื่อหาหลักฐานรวมถึงพยานนายพัฒนพงศ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่อดีต ผบ.เรือนจำฯ ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เนื่องจากพบว่ามีความร่ำรวยผิดปกตินั้น ในกรณีดังกล่าวต้องไปดูรายละเอียดที่มีการส่งมาในหนังสือก่อน เนื่องจากตอนนี้ยังไม่เห็น แต่ถ้าหากมีรายละเอียดใดที่ต้องการเพิ่มเติมจะได้ตรวจสอบต่อไปมีรายงานว่า ในวันเดียวกัน นายมานพ ชมชื่น อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ส่งข้อความไปยังสื่อออนไลน์สำนักหนึ่ง ชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นข่าวเอื้อประโยชน์ให้นักโทษจีนเทา โดยเฉพาะการปล่อยให้มีการค้าประเวณีในห้องลับในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยนายมานพยืนยันไม่ได้กระทำผิด แต่เรื่องทั้งหมดเกิดจากการกลั่นแกล้งให้พ้นจากตำแหน่ง สาเหตุจากการที่นายมานพเบิกความในคดีสำคัญอาจกระทบต่อผู้บริหารในกระทรวงยุติธรรม และหลังเข้ารับตำแหน่ง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่มีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์หลายคน ซึ่งได้ส่งส่วยไปยังผู้บริหารในกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม ทำให้มีผู้ไม่พอใจนำมาสู่การกลั่นแกล้ง แก้แค้นและตัดตอนไม่ให้ตรวจสอบการกระทำหลายเรื่องในกรมราชทัณฑ์ ทั้งนี้ ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ต่อไปนอกจากนี้ นายมานพได้มอบทนายความยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม และ รมว.ยุติธรรม ให้ยุติการสืบสวนสอบสวนทั้งหมดและส่งเรื่องการสืบสวนสอบสวนไปยัง ป.ป.ช. เนื่องจากคดีนี้เป็นการกล่าวหาผู้กระทำผิดที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ อันเป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.เท่านั้นอีกทั้ง ป.ป.ช. ยังเป็นหน่วยงานกลางและเป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ย่อมดำเนินการไปโดยไม่มีอคติใดๆ ต่างจากกรมสอบสวนคดีพิเศษและกรมราชทัณฑ์อันเป็นหน่วยงานในกำกับของกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่