“อนุทิน” เทหน้าตัก เปิดตัว “เอกนิติ-ศุภจี” ร่วมเป็นแคนดิเดตนายกฯ ภท. อวยฉ่ำทำงานดี ขยันขันแข็ง เข้าใจงาน เก๋าเกม ตอบสนองฉับไว รองรับขนาดพรรคที่จะใหญ่ขึ้น แย้มให้สื่อรอดู “วราวุธ” ขนทีมสุพรรณฯผสมโรงค่ายน้ำเงิน ท้าฝ่ายค้านแน่จริงให้ยื่นอภิปราย ม.152 “บวรศักดิ์-โฆษก รบ.” รุมจวก “วันนอร์” ตัดอำนาจนายกฯยุบสภา ต้องบรรจุญัตติอภิปรายเข้าวาระแล้วเท่านั้น อย่าพูดกลับไปกลับมา “จรัญ” ชื่นชมสูตร 20 หยิบ 1 แก้ รธน. แต่นักวิชาการกังวล สส.-สว.ฮั้วเสียง ป.ป.ช.ฟิตจัดฟันอดีตอธิบดีอุทยานฯทุจริต นายกฯตกเขียว นศ.เลือก ภท. คนละครึ่งเฟส 3-4-5 มาแน่ ลั่นเก็บภาษี “ทักษิณ” ไม่คิดกลั่นแกล้ง “เอกนิติ” สั่งสรรพากรยึดตามกฎหมายนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เทหมดหน้าตัก เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทยครบทั้ง 3 รายชื่อ ดึงนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ร่วมวงคลุกฝุ่นการเมือง พร้อมรับศึกเลือกตั้งสมัยหน้า“อนุทิน” ลั่นไม่คิดกลั่นแกล้งใครเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงยุติธรรมออกระเบียบให้ทบทวนส่งตัวผู้ต้องขังนอกเรือนจำ และการพิจารณาพักการลงโทษ ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการสกัดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ให้ออกมาช่วยหาเสียงเลือกตั้งว่า ไม่เชื่อว่าใครจะคิดแบบนั้น รัฐบาลนี้ไม่ต้องการให้ใครใช้อำนาจหน้าที่ไป กลั่นแกล้งใครที่เป็นคู่แข่งฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง เราเข้ามาตรงนี้จะไม่ไปแก้แค้น โดนอะไรมากระทำกลับไปไม่มี มีแต่เข้ามาแล้วทำให้เกิดความถูกต้องที่สุด กลไกการใช้กฎหมายต้องเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่เป็นไปตามคำสั่งผู้มีอำนาจ หรือผู้มีบารมี สิ่งเหล่านี้ไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ เรื่องนี้ต้องแก้ไขสวน พท.ปม “ทักษิณ” ตามขั้นตอนผู้สื่อข่าวถามถึงการขออภัยโทษของนายทักษิณ รัฐบาลได้นำขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือยัง นายอนุทินตอบว่า ตรวจสอบแล้วเป็นเรื่องที่ค้างมาตั้งแต่สมัย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีต รมว.ยุติธรรม (ลงนามเห็นควรยกฎีกาคำขอพระราชทานอภัยโทษ นายทักษิณ) เราก็ยืนตามนั้นลงนามและส่งไป จากนี้เป็นไปตามขั้นตอน ไปก้าวล่วงไม่ได้ เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยมองว่าเป็นนัยทางการเมือง นายอนุทินตอบสวนว่า “ไม่มีครับ ผมไม่เหมือนเขาผมทำตามเนื้อผ้า ทำตามกฎหมายทุกอย่าง ต้องไม่เอาสิ่งที่ตัวเองชอบทำแล้วไปเที่ยวป้ายว่าคนอื่นจะทำเหมือนตัวเอง” เมื่อถามย้ำว่ามองว่าหากนายทักษิณออกมาช่วยหาเสียง กับการไม่ได้ออกมาช่วยหาเสียง จะมีผลอะไรกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เวลาหาเสียงเราเอาสิ่งที่เรามีอยู่ และศักยภาพไปทำให้ประชาชนมั่นใจ เราไม่เคยไปหาเสียงด่าคู่แข่ง หรือด้อยค่าคู่แข่ง ไม่ต้องกังวลพรรคภูมิใจไทยไม่ทำเรื่องพวกนี้อยู่แล้วส่งซิก “เอกนิติ” แคนดิเดตนายกฯเมื่อถามถึงอำนาจการยุบสภาหากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 นายอนุทินตอบเลี่ยงว่า เที่ยวหน้ามีแคนดิเดตนายกฯเพิ่มอีกคน พร้อมพยักหน้าหันไปทางนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลัง ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เมื่อถามย้ำว่าใช่นายเอกนิติหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “อ้าวพูดมาขนาดนี้แล้ว” ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างนี้นายเอกนิติถึงกับยืนอมยิ้มแบบเขินๆ เมื่อถามอีกว่านายเอกนิติสมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วหรือยัง นายอนุทินตอบว่า ยังส่วนการเพิ่ม แคนดิเดตนายกฯเป็นไปตามความเหมาะสม และเป็นไปตามสถานการณ์การเมือง พรรคน่าจะใหญ่ขึ้น ไม่ควรไปอยู่กับใครคนใดคนหนึ่งเปิดครบ 3 ชื่อ “อนุทิน-เอกนิติ-ศุภจี”ต่อมานายอนุทินให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงคุณสมบัติของนายเอกนิติ ผ่านแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ท่านทำงานดี ขยันขันแข็ง เข้าใจงาน ส่วนในทางการเมืองจะขายได้หรือไม่ เราไม่ได้เอามาขายเอาเขามาทำงาน เมื่อถามว่านายเอกนิติตอบรับแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “แหม ทำงานเพื่อบ้านเมืองถ้ามีโอกาสมีความจำเป็น” เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีแคนดิเดตนายกฯคนที่ 3 เป็นผู้หญิงหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า มีทุกเพศทุกวัย ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่านางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เหมาะสมหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า “เหมาะสิ” พร้อมพูดกระเซ้าว่า “ไม่ได้ทาบทาม บังคับ” ก่อนหัวเราะและกล่าวว่า สมัยก่อนภูมิใจไทยเป็นพรรคเล็ก มีตนคนเดียว แต่ตอนนี้พรรคน่าจะดีขึ้นและใหญ่ขึ้น ต้องมีคนมาช่วยทำงาน พูดได้เต็มปากว่าแคนดิเดตนายกฯพรรคภูมิใจไทย มี 3 คน คือ นายอนุทิน นายเอกนิติ และนางศุภจี เห็นจากความมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน และผลงานที่ทำ ความคิดความอ่านและความรวดเร็วในการทำงาน เราไม่แทรกแซง ให้อิสระการทำงานเต็มที่อวยฉ่ำเก๋าเกมตอบสนองทำงานได้ผู้สื่อข่าวถามว่ามองไปที่มุมเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เรามองในมุมของคนที่มีประสบการณ์แล้วเข้าใจเนื้องาน และไม่ใช่แค่สองท่าน รวมถึงทุกท่านในทีมทั้งคนนอกและคนใน เข้ามาทำงานแล้วเก๋าเกมทำงานได้เลย เป็นนักบริหารมืออาชีพ ถ้าเราได้คนเก่งๆคนที่ดีมาทำงานให้บ้านเมืองเราก็สบายประเทศก็จะดีขึ้น ประชาชนก็จะดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจดีขึ้น ได้คนที่เข้าใจและมีประสบการณ์เข้ามาทำงาน จะไปมัวหวงอำนาจอะไรมากมายไม่ได้ พูดตั้งนานแล้วว่าพร้อมเลือกตั้ง เมื่อถามว่าต้องนำรายชื่อแคนดิเดตนายกฯต้องเข้าที่ประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีพรรคภูมิใจไทย วันที่ 23 พ.ย.หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ต้องนำเสนอ ถ้าเรียบร้อยก็เอาเข้า แต่ยังไม่ได้คุยในรายละเอียด ส่วนจะนำสองคนนี้เป็น สส.บัญชีรายชื่อหรือไม่นั้น เป็นไปได้ เมื่อถามว่าหากกลับมาเป็นรัฐบาลเก้าอี้คณะรัฐมนตรีต้องแบ่งให้พรรคอื่น อาจทำให้หน้าตา ครม.ไม่ดีเหมือนชุดปัจจุบัน นายอนุทินตอบว่า ขึ้นอยู่กับประชาชนจะให้ความไว้วางใจให้สื่อรอดู “วราวุธ” ผสมโรง ภท.เมื่อถามถึงกระแสข่าว นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เตรียมย้ายมารวมกับพรรคภูมิใจไทย ในวันที่ 23 พ.ย. นายอนุทินตอบว่า “ก็ไปดูสิ วันที่ 23 พ.ย.” เมื่อถามว่านายสนธยา คุณปลื้ม อดีต รมว.วัฒนธรรม จะมาสมัครเป็นสมาชิกด้วยใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ให้ดูวันที่ 23 พ.ย. พูดไปเขาไม่มาจะทำอย่างไร เป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งนั้น ทำงานกันได้ เราก็เลือกนะไม่ใช่ไม่เลือก คนที่ทำงาน คนที่มีประสบการณ์และมีบารมี ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ เราพิจารณาทุกคนท้าฝ่ายค้านแน่จริงยื่นอภิปราย 152นายอนุทินยังกล่าวถึงการเตรียมรับมือญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เราดูอยู่ แต่หากมีเหตุอะไรที่ดูแล้วไม่ก่อประโยชน์ส่วนรวม การเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอยู่จะมาบอกว่าให้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าลงคะแนนเมื่อไหร่ก็แพ้เมื่อนั้น เราก็ต้องคืนอำนาจให้ประชาชน ยินดีให้อภิปราย ถ้ากลัวว่าจะหนีก็ยื่นมาตามมาตรา 152 (อภิปราย ทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ) สิ เราพร้อม หลายคนพยายามพูดว่าหนีอภิปราย จริงๆแล้วไม่ได้หนี ถ้าเป็นมาตรา 151 เป็นสิทธิของตน เราเข้ามาแก้ไขได้หลายเรื่อง ถ้าถามว่าการยุบเดือน ม.ค.69 กับเดือน ธ.ค.2568 สำหรับตนไม่มีความแตกต่างกัน ฉะนั้นต้องทำทุกอย่างไม่ไปอยู่ภายใต้เกมการเมืองของใคร เมื่อถามว่าเตรียมร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรแล้วหรือยัง นายกฯหัวเราะพร้อมชี้มือมาทางสื่อมวลชน ก่อนกล่าวว่า “รู้ใจ”“บวรศักดิ์” โต้ “วันนอร์” อำนาจยุบสภาขณะที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ทำให้นายกรัฐมนตรีไม่สามารถใช้อำนาจยุบสภาได้ว่า ประธานสภาฯเป็นคนเจนสภา เป็นประธานมาหลายครั้ง ครั้งหลังสุดที่ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ใช้เวลาหลายวันที่ฝ่ายค้านต้องไปแก้ไข เป็นแนวทางที่ทำกันมา เมื่อญัตติถูกต้องแล้วให้บรรจุเข้าระเบียบวาระประชุมเป็นเรื่องเร่งด่วน และแจ้งให้นายกฯทราบ เพื่อบอกนายกฯว่าบัดนี้อำนาจยุบสภาหมดแล้ว สรุปคือต้องตรวจสอบญัตตินั้นครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์ ทำกันมาอย่างนี้จนถึงรัฐบาลที่แล้ว พอมาถึงรัฐบาลนี้กลับบอกว่าไม่ได้ พอฝ่ายค้านยื่นญัตติปั๊บยุบสภาไม่ได้ คิดว่าไม่ถูกต้อง “หากไม่ทำตามนี้ ต่อไปก็จะอาศัยการยื่นญัตติไม่ สมบูรณ์ ทำให้อำนาจยุบสภาของรัฐบาลเสื่อมสูญไปทันที รับรองระบบรัฐสภาปั่นป่วนแน่”โฆษก รบ.ฉะประธานกลับไปกลับมานายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มองว่านายวันมูหะมัดนอร์ ตีความในทางแคบเกินไป แค่ฝ่ายค้านมายื่นไม่เพียงพอเป็นเหตุที่จะบอกว่าฝ่ายบริหารจะยุบสภาฯไม่ได้ เพราะถึงเวลานั้นประธานสภาฯต้องมีหน้าที่ตรวจญัตติให้ครบถ้วนก่อน และต้องแจ้งให้นายกฯทราบ การจะยุบสภาฯไม่ได้ก็ต่อเมื่อประธานสภาฯตรวจยุติแล้วบรรจุลงในระเบียบวาระ แจ้งให้นายกฯทราบ ไม่อยากให้พูดกลับไปกลับมา“วันนอร์” สวน ยืนตามฝ่ายกฎหมายด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า นายบวรศักดิ์เป็นนักกฎหมายตีความไปตามความเข้าใจ แต่สภาฯตีความตามรัฐธรรมนูญ มอบให้สำนักกฎหมายพิจารณาหาข้อมติประเด็นดังกล่าว ฝ่ายกฎหมายประชุมลงมติร่วมกันว่าการยุบสภาทำได้ตลอดในฐานะรัฐบาล แต่จะทำไม่ได้เมื่อ สส.ฝ่ายค้านจำนวน 1 ใน 5 ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ข้อโต้แย้งที่ต้องรอประธานบรรจุญัตติก่อนนั้น ถือเป็นกระบวนการธุรการ รัฐธรรมนูญไม่เปิดให้มีการตรวจสอบในกระบวนการก่อน แต่เขียนว่า เมื่อยื่นญัตติแล้วรัฐบาลไม่สามารถยุบสภาได้ แต่จะไม่สามารถดำเนินการได้ หากผู้ยื่นขอถอนญัตติ หรือกรณีที่ชื่อไม่ครบ 1 ใน 5 จะให้ สมาชิกเติมชื่อเข้ามาภายใน 7 วัน ใครจะตีความอย่างไรขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล ส่วนที่โฆษกรัฐบาลชี้ว่าการตีความของประธาน ไม่ตรงกับสมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นั้น ยอมรับว่าการตีความอาจไม่ตรงกันได้ เช่นเดียวกับคำพิพากษาศาลต่างๆ อาจไม่ตรงกัน แต่ยืนยันว่าถือตามรัฐธรรมนูญและผลของฝ่ายกฎหมาย“ชนนพัฒฐ์” พร้อมวางมือถ้าผิดจริงด้านนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม (กธ.) โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กระบุว่า ถือว่าความโปร่งใสและการยืนอยู่บนหลักนิติธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ขอชี้แจงให้ชัดเจนอีกครั้งว่า “ผมพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนอย่างเต็มใจ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบจาก ปปง. หรือจากหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ยินดีให้ตรวจสอบจนถึงที่สุด เพื่อให้ข้อเท็จจริงทั้งหมดปรากฏอย่างตรงไปตรงมา สำหรับกรณีที่ไม่เดินทางไปชี้แจงต่อ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯนั้น ไม่ได้มีเจตนาเลี่ยงการตรวจสอบ ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานมาตลอด และพร้อมให้ตรวจสอบในทุกมิติ ยืนยันว่าหากผลการตรวจสอบสรุปว่ามีความผิดจริง พร้อมยุติบทบาททางการเมืองทันที เพราะเชื่อว่าคนทำงานให้ประชาชนต้องยอมรับทุกผลลัพธ์จากการตรวจสอบ จะยืนหยัดต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมตามหลักฐานและข้อเท็จจริง ไม่โต้เถียงใคร ไม่กล่าวโทษใคร“จรัญ” ชื่นชมสูตร 20 หยิบ 1 แก้ รธน.ที่รัฐสภา นายจรัญ ภักดีธนากุล กรรมการกฤษฎีกา อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “แก้ไขรัฐธรรมนูญ ใครได้ประโยชน์” ว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องหาสมดุล ดุลยภาพ หาจุด ร่วมที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ ไม่ใช่แค่วิน-วินสองด้านเท่านั้น ฝ่ายข้างมากต้องไม่ทอดทิ้งความเห็นต่าง หาที่ยืนให้ฝ่ายเสียงข้างน้อยเดินไปพร้อมกัน แม้ไม่พอใจ 100% ของ 2 ฝ่าย แต่พอทนรับได้ในช่วงเวลาเฉพาะหน้า ถ้าหาจุดสมดุลไม่ได้ จะแตกสามัคคี สิ่งที่ กมธ.รัฐสภาลงมติไม่ให้ประชาชนเลือกผู้เขียนรัฐธรรมนูญ 70 คน แล้วให้รัฐสภาเลือกเหลือ 35 คน รู้สึกโล่งใจ เพราะไม่ขัดแย้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เสี่ยงเป็นเงื่อนไขปลุกระดม ไม่ทำให้ประเทศไปสู่จุดเสี่ยง สูตร 20 หยิบ 1 เลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ขอชื่นชมคนทำเก่งมาก สังเคราะห์อย่างถูกใจ มั่นใจฝ่ายข้างมากเอาแบบนี้ ฝ่ายข้างน้อยที่ไม่มั่นใจก็พอรับได้ และความเสี่ยงที่อย่าเผลอไปเซาะกร่อนบ่อนทำลาย คือ หมวด 1 และ 2นักวิชาการกังวล สส.-สว.ฮั้วเสียงน.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี นักวิชาการคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวในเวทีเสวนาว่า สูตร 20 หยิบ 1 ช่วยแก้การผูกขาดระดับหนึ่ง ไม่มีเสียงข้างมากโหวตโดยตรง แต่สูตรดังกล่าวจะมีผลจริงจังลดการผูกขาดได้หรือไม่ ต้องรอผลเลือกตั้งรอบหน้า เพราะ สว. มี 200 คน สามารถเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ 10 คน จาก 35 คน อีกฝั่งคือพรรคการเมือง ที่อาจรวมกันได้ 200 คน หยิบได้ 10 คน ส่วนตัวเชื่อว่าการเลือกตั้งรอบหน้าจะไม่มีพรรคใดได้ สส.เกิน 200 เสียง ดังนั้น หาก สว.และพรรคการเมืองรวมกันได้ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญ 20 คน จาก 35 คน เป็นความน่ากังวลใจ เห็นภาพว่าจะเกิดการผูกขาด เป็นโจทย์ต้องคิดต่อ หากจะลดการผูกขาดต้องหาวิธีอื่นอย่างไร ต้องทบทวนดีๆ ไม่ใช้วิธีเขียนเช็คเปล่าให้ สิ่งที่ต้องคุยกันคือก่อนให้ประชาชนลงประชามติ ต้องทำให้ประชาชนเห็นภาพว่าหน้าตาของรัฐธรรมนูญใหม่เป็นอย่างไร ไม่ใช่ตีเช็คเปล่าฟันอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯรีดส่วยที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ป.ป.ช. แถลงว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับพวก เรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับ บัญชา เพื่อไม่ให้มีคำสั่งย้ายออกจากตำแหน่งหน้าที่ สืบเนื่องจากวันที่ 27 ธ.ค.2565 กองบังคับการป้องกัน ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ จับกุมนาย รัชฎาพร้อมของกลางเงินสด 98,000 บาท จากการ ตรวจค้นห้องทำงานพบเงินสดอีก 4,843,300 บาท จึงตรวจยึดทรัพย์สิน รวม 21 รายการ ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. จากการไต่สวน ป.ป.ช.จึงมีมติให้นายรัชฎากับพวก มีมูลความผิดทางอาญา และความผิดทาง วินัยอย่างร้ายแรง ให้ส่งเรื่องอัยการสูงสุดและผู้บังคับ บัญชาเพื่อดำเนินคดีอาญาและทางวินัยต่อไปเชือด พ.ท.หญิงโกงเบี้ยหวัด 230 ล.นายสุรพงษ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ป.ป.ช.ยังมี มติชี้มูลความผิด พ.ท.หญิง ดวงรัตน์ แร่ทองขาว เมื่อ ครั้งดำรงตำแหน่งแผนกควบคุมเบี้ยหวัด บําเหน็จ บํานาญ กองเบี้ยหวัด บําเหน็จ บำนาญ กรมการเงิน ทหารบก เปลี่ยนแปลงหมายเลขบัญชีผู้รับเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ในระบบ e-pension ให้เป็นเลขที่ บัญชีของตนเองและผู้อื่น ระหว่างปี 2555-2563 จำนวน 572 ครั้ง รวมเป็นเงิน 230,841,834 บาท นำไปหมุนเวียนใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง พ.ท.หญิง ดวงรัตน์ และนายธนู วิเชียรเชื้อ ส่งเรื่องไปยังอัยการสูงสุด และผู้บังคับบัญชา ดำเนินคดีอาญาและวินัยร้ายแรงต่อไป ส่วนการกระทำ พ.ท.หญิง วิมลฉวี ม้าถาวร ไม่พบความผิดทางอาญา แต่ไม่ระมัดระวังเก็บรักษารหัสผ่าน เกิดความเสียหายต่อราชการ มีมูลความผิดวินัยร้ายแรงนายกฯฟุ้งรัฐบาลนี้คอร์รัปชันลดนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า มีการคอร์รัปชันจากการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐปีละ 2-3 แสนล้านบาท ว่า คิดว่าน้อยลง โดยเฉพาะตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามาตั้งใจ เข้ามาปราบปรามให้เต็มที่ เป็นเรื่องเดียวที่เป็นอุปสรรค ต่อการพัฒนาประเทศ เป็นภาพลักษณ์และความมั่นใจ ของต่างประเทศ รวมถึงการจัดอันดับต่างๆ รัฐบาลชุดนี้ตั้งใจเป็นศัตรูต่อการทุจริตอยู่แล้ว เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวmตำแหน่งตำรวจชั้นนายพล นายอนุทินตอบว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. บอกว่ายินดีให้มีการตรวจสอบ สังคมปัจจุบันเป็นสังคม ของการกล่าวหาเยอะมาก เราต้องปรับตัว ถ้าเราเต้น กับทุกเรื่องก็ไม่ต้องทำอะไรกันพอดี มัวแต่ไปสอบคนโน้นคนนี้เขาก็ไม่สามารถทำงานแบบปกติได้ ต้องดูเป็นเรื่องๆไป เรื่องตรงนี้ต้องขอความร่วมมือไปยังหน่วยงานองค์กรอิสระต่างๆ ที่เป็นเครือข่ายร่วมมือปราบปรามเรื่องนี้อยู่อ่อยเหยื่อ นศ.คนละครึ่งเฟส 3–4–5ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นวันเดียวกัน ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ร่วมถ่ายภาพกับคณะอาจารย์ และนิสิตคณะสังคม ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ที่มาเยี่ยมชมและศึกษาดูงานทำเนียบรัฐบาล ที่ตึกไทยคู่ฟ้า มีนักศึกษาซักถามนายอนุทินว่าจะเลือกพรรคภูมิใจไทยถ้ามีโครงการคนละครึ่งพลัสต่อ ทำให้นายกฯหัวเราะ นักศึกษาจึงถามย้ำว่าจะมีโครงการคนละครึ่งพลัสเฟสสามหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ถ้าเลือกกลับมา จะมีเฟส 3-4-5”“เอกนิติ” สั่งสรรพากรยึดกฎหมายอีกเรื่อง นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวถึงการเรียกเก็บภาษีจากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลฎีกาว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากกรมสรรพากร แต่ให้นโยบายว่าเรื่องดังกล่าวต้องดำเนินการตามกระบวนการขั้นตอนกฎหมายอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่