การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร สถานการณ์ที่คิดว่าแบเบอร์แน่ๆ วันข้างหน้าอาจกลับตาลปัตร ดีลใหญ่ดีลลับทั้งหลาย พอไม่เป็นไปตามแผน สุดท้ายก็ตัวใครตัวมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะการเมืองนับจากนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ดูอย่างคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ข่าวดูเงียบไปตั้งแต่เข้ารับโทษในเรือนจำ แต่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากลับมีข่าวใหญ่โดนไปเต็มๆ 2 คดีพร้อมกันคดีแรกศาลฎีกามีคำพิพากษากลับในคดีที่คุณทักษิณยื่นฟ้องกรมสรรพากรประเมิน ภาษีการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มเทมาเสก โฮลดิงส์ โดยไม่ชอบ ซึ่งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินให้คุณทักษิณชนะคดี แต่ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับ พิเคราะห์ว่ากระบวนการขายหุ้นครั้งประวัติศาสตร์ดังกล่าวเป็นธุรกรรมที่ทำขึ้นเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายอย่างร้ายแรง และขาดคุณธรรมทางภาษี ให้กรมสรรพากรเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้านบาทคดีที่สองเป็นกรณีคุณทักษิณถูกฟ้องใน ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีสัมภาษณ์สื่อเกาหลี Chosun Media มีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน คดีนี้ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานทั้งหมดที่โจทก์นำสืบมายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับคนที่รับฟังคลิปล้วนเข้าใจตรงกันว่าคุณทักษิณให้สัมภาษณ์โจมตีการยึดอำนาจ ไม่ได้เข้าใจการให้สัมภาษณ์นั้นพาดพิงไปถึงสถาบันต่อมาคณะกรรมการพิจารณาคดี 112 ของอัยการได้มีมติ 8 ต่อ 2 ไม่อุทธรณ์คดี แต่ปรากฏว่า คุณอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุดมีความเห็นว่าการกระทำของคุณทักษิณเป็นความผิดตามฟ้อง ให้อัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เจ้าของสำนวน ยื่นอุทธรณ์ต่อศาล ถือเป็นวิบากกรรมของคุณทักษิณที่ยังต้องลุ้นคดีอาญาต่อไปหวนนึกภาพย้อนอดีตคุณทักษิณหนีภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศนานถึง 17 ปี ได้แต่คอยบัญชาการอยู่เบื้องหลัง กดรีโมตสั่งการทางไกลย่อมไม่ได้ดั่งใจ 100% จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครรู้เบื้องหลังทั้งหมดว่าคุณทักษิณไปทำดีลลับกับใครไว้อย่างไรบ้าง ถึงได้มั่นอกมั่นใจบินกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 มาในวันที่รัฐสภาลงมติเลือกคุณเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯการกลับมาของคุณทักษิณครั้งนั้น กลับมาอย่างยิ่งใหญ่ แม้มีโทษจำคุก 1 ปีแต่เป็นนักโทษเทวดาที่ไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียว ในทางการเมืองมองว่าคุณทักษิณได้ ตั๋ว VVIP จากฝ่ายอนุรักษนิยม ให้กลับมา ดับอหังการค่ายส้มพรรคก้าวไกลที่กระแสแรงชนะเลือกตั้งได้ สส.มากที่สุดปรากฏว่าโอกาสทอง 2 ปีภายใต้รัฐบาลเศรษฐา ต่อเนื่องถึงรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร กลับสูญเปล่า เศรษฐกิจไม่ฟื้น ชาวบ้านไม่ได้อยู่ดีกินดีมีศักดิ์ศรี ปัญหาสังคมรุนแรง คะแนนนิยมลดฮวบ กระทั่งมีคลิปอังเคิลเป็นฟางเส้นสุดท้าย ปิดฉากรัฐบาลแพทองธาร และทำให้เรตติ้งพรรคเพื่อไทยดำดิ่งกู่ไม่กลับคุณทักษิณเคยบินไปตั้งหลักที่ดูไบ ก่อนยอมบินกลับมาฟังคำตัดสินคดีป่วยทิพย์ชั้น 14 แม้ต้องถูกคุมตัวเข้าไปรับโทษในเรือนจำ แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณยังสู้ต่อในสนามการเมือง ยังเป็นหลักยึดเหนี่ยวช่วยให้พรรคเพื่อไทยเลือดหยุดไหล ตรึง สส.หลายคนไม่ให้ย้ายพรรคชั่วคราวถึงวันนี้ไม่รู้ว่าคุณทักษิณไว้ใจถูกคนไหม เมื่อต้องมาเผชิญวิบากกรรมถูกเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้านบาท แถมโดนอุทธรณ์คดี ม.112 ในขณะที่ศึกใหญ่เลือกตั้ง สส.มีกรอบไทม์ไลน์ชัดเจน ทุกพรรคเตรียมตัวพร้อมสรรพ แต่พรรคเพื่อไทยยังตั้งหลักไม่ได้ หัวหน้าพรรคคนใหม่ก็แค่ขัดตาทัพ หาจุดขายไม่เจอ กระแสตก กระสุนหมด ระส่ำระสายทั้งพรรคเมื่อบารมีเริ่มเสื่อม พรรคเพื่อไทยจะแก้เกมอย่างไร ถือเป็นอีกฉากการเมืองที่น่าติดตามอย่างยิ่ง.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม