เอกชนสุดทน!! กับปัญหา “ทุจริต-คอร์รัปชัน” ที่เกาะกินประเทศมายาวนาน และสถานการณ์รุนแรงขึ้นแบบไม่แผ่ว ต้องรวมพลังแสดงจุดยืน “ต่อต้าน” คอร์รัปชันทุกรูปแบบ เพราะสร้างความเสียหายให้กับทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ต่อเนื่องไปจนถึงภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น ความสามารถการแข่งขัน และระบบเศรษฐกิจของประเทศผลสำรวจ “ดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย” เดือน มิ.ย.68 ที่สอบถามประชาชน เอกชน และข้าราชการ 2,400 ราย โดย “ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ” มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่า“คอร์รัปชันในไทยรุนแรงขึ้นต่อเนื่องแบบไม่ลดลง ประชาชนบางส่วนเริ่มคุ้นเคยกับการทุจริต การให้สินน้ำใจเจ้าหน้าที่รัฐไม่เสียหาย รัฐบาลคอร์รัปชันแต่มีผลงาน เป็นเรื่องปกติ ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจกับภาครัฐ ส่วนใหญ่จ่ายเงินเพิ่มพิเศษให้นักการเมืองเพื่อให้ได้สัญญาถึง 21-30% ของรายรับ จากการสำรวจเดือน มิ.ย.62 ที่ส่วนใหญ่จ่าย 1-15%”ขณะเดียวกันผู้นำองค์กรธุรกิจสำคัญ ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ในนาม “คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน” (กกร.) และ “องค์การต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” ได้ตอกย้ำให้เห็นถึงความรุนแรงของสถานการณ์ในไทยโดยย้ำว่าต้นทุนจากคอร์รัปชันฝังลึกในทุกกลไก โดยเฉพาะการประมูลงานรัฐ เกิดความเสียหายไม่ต่ำกว่าปีละ 5 แสนล้านบาท ต้นทุนเหล่านี้จะส่งผ่านไปยังราคาสินค้าและบริการ ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และยังกระทบการลงทุนของต่างชาติ ฉุดความเชื่อมั่น และความสามารถแข่งขันของประเทศ ปีนี้เศรษฐกิจไทยโตได้แค่ 1-2% ถ้าไม่มีคอร์รัปชันอาจโตได้ 3% กว่า หรือถึง 4%นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีสัดส่วนของ “ธุรกิจใต้ดิน–ธุรกิจผิดกฎหมาย” มากถึง 48% ของ GDP กลายเป็น “หนึ่งในฐานฟอกเงินใหญ่สุดในอาเซียน” และอาจติดระดับโลก อีกทั้งยังเป็นแหล่งรองรับนักลงทุน “สีเทา–สีดำ” หรือนักลงทุนที่ประเทศอื่นไล่ออกกกร.จึงแต่งตั้ง “คณะทำงาน Zero Corruption : กกร. และเพื่อนไม่ทน” ซึ่งเป็นภาคธุรกิจกว่า 2 แสนราย เพื่อรวบรวมข้อเสนอจากภาคธุรกิจและภาคประชาสังคม มาจัดทำเป็น “ข้อเสนอเชิงนโยบาย”และจะเสนอ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี พิจารณานำไปปฏิบัติ และฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน รวมถึงสร้างระบบเศรษฐกิจและการเมืองที่โปร่งใส เป็นธรรม!!พร้อมกันนั้น ได้พัฒนาระบบ AI เพื่อให้ผู้ถูกรีดไถ เรียกรับสินบน หรือถูกข่มขู่ กลั่นแกล้ง ได้ร้องเรียนผ่านสมาร์ทโฟน โดยไม่เปิดเผยตัวตน และจะส่งข้อมูลไปให้หน่วยงานปราบทุจริต เช่น สำนักงาน ป.ป.ช., สำนักงาน ป.ป.ท. ตรวจสอบต่อไปรวมทั้งเสนอให้รัฐเร่งตรวจสอบการทุจริตของนักการเมือง สร้างกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใส บังคับใช้กฎหมายอย่างจริง เพื่อกอบกู้ความเชื่อมั่นโดยด่วนแต่ข้อเสนอเหล่านี้ ไม่รู้จะสำเร็จชาตินี้ หรือชาติไหน!!ฟันนี่เอสคลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม