“ทักษิณ อ่วมหนัก” อสส.มีความเห็นยื่นอุทธรณ์คดีมาตรา 112 ขณะที่ศาลฎีกาพิพากษา กลับยกฟ้องคดีอดีตนายกฯฟ้องกรมสรรพากร กับพวกเรียกเก็บภาษี 1.76 หมื่นล้าน จากการขายหุ้นชินคอร์ปฯมิชอบ ต้องจ่ายภาษี 1.76 หมื่นล้านบาท “โอ๊ค-เอม” เข้าเยี่ยมในเรือนจำ เผยพ่อเจ็บช้ำและเสียใจ “พานทองแท้” ยอมรับครอบครัวจิตตก “วิญญัติ” ลั่นต่อสู้คดีต่อจนถึงที่สุด รอหมายถึงมือจ่อยื่นขอคัดสำเนาความเห็นคณะกรรมการกลั่นกรองคดีมาตรา 112 ประกอบยื่นอุทธรณ์ “ภราดร” รอดูฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอก โว 47 วันรัฐบาลไร้ทุจริต พร้อมแจงทุกประเด็น เปิดไทม์ไลน์ ครม.จ่อชง กกต.ทำประชามติช่วง 15 ม.ค.69 “ธรรมนัส” ไม่กังวลเป็นเป้ากระสุนตก ประกาศกร้าวพร้อมตายบนเวทีการเมือง “ไอติม” เชื่อแก้รัฐธรรมนูญผ่านฉลุยวาระ 2-3นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาคดีความสำคัญอีกครั้ง หลังอัยการสูงสุดมีความเห็นยื่นอุทธรณ์คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ขณะที่ศาลฎีกามีคำพิพากษากลับให้เรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จำนวน 1.76 หมื่นล้านบาทอสส.ยื่นอุทธรณ์ ม.112 “ทักษิณ”เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการพิจารณาการยื่นอุทธรณ์คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จากกรณีให้สัมภาษณ์มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันกับสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 2558 คดีนี้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดเนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ที่เดิมมีการยื่นขยายระยะเวลาต่อศาลอาญาครั้งที่ 2 ไปถึงวันที่ 21 พ.ย. มีรายงานว่าเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อัยการสูงสุด มีความเห็นควรที่จะยื่นอุทธรณ์คดีให้ศาลอุทธรณ์เป็นผู้พิจารณา จากนี้คำสั่งของอัยการสูงสุดจะถูกส่งไปยังอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เจ้าของสำนวนเพื่อยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ต่อไป“เอม” บอกพ่อเจ็บช้ำเสียใจเมื่อเวลา 13.00 น. ที่เรือนจำกลางคลองเปรม ถนนงามวงศ์วาน นายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค น.ส.ณัฐฐิญา ปวงคำ หรือติ๊ก ภรรยานายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม เดินทางเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร พร้อมนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของนายทักษิณ หลังเข้าเยี่ยมประมาณ 35 นาที น.ส.พินทองทาเปิดเผยว่า คุณพ่อดูเสียใจ รู้สึกเจ็บช้ำจากเรื่องอัยการสูงสุดยื่นอุทธรณ์ คดีมาตรา 112 หลังจากนี้คงต้องไปคุยและวางแผน ต้องสู้ค่ะ ถ้าเรายังไม่ได้รับความยุติธรรมต้องสู้ต่อ แต่จุดนี้เป็นห่วงความรู้สึกคุณพ่อ เพราะท่านอยู่ในนี้ ไม่มีใครอยู่กับท่าน พวกเราได้เพียงส่งกำลังใจ ยังโชคดีได้มาเยี่ยมคุณพ่อพร้อมครอบครัวน้ำตาคลอรับครอบครัวจิตตกเมื่อถามว่าเรื่องวันนี้กระทบจิตใจครอบครัวมากหรือไม่ เพราะนายทักษิณได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว แต่อัยการสูงสุดให้สั่งฟ้องมาตรา 112 น.ส.พินทองทายิ้มอ่อนๆฟังคำถามผู้สื่อข่าว ก่อนเม้มปากหลายครั้ง กะพริบตาถี่ มีน้ำตาคลอ ไม่ได้ตอบคำถาม จนนายพานทองแท้ พี่ชาย ต้องตอบแทนว่า เป็นเรื่องที่ทำให้จิตตกพอสมควร แต่ว่าเราขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้ครอบครัวเรา ก่อนที่ทั้งหมดรีบยกมือไหว้ขอบคุณสื่อมวลชน ยุติการให้สัมภาษณ์ โดยนางผุสดี กลิ่นทอง หรืออาจารย์เป้า แดงสิงห์บุรี เป็นตัวแทนมวลชนเสื้อแดงมอบป้ายไวนิลรูปนายทักษิณภายในมีไดอารีหัวใจสีแดงหลายแผ่น เขียนข้อความสื่อความรัก ความศรัทธา และกำลังใจของคนเสื้อแดงมอบให้ น.ส.พินทองทา ระบุเราจะสู้ไปด้วยกัน เราจะสู้เพื่อท่าน“วิญญัติ” ลั่นสู้คดีต่อจนถึงที่สุดด้านนายวิญญัติกล่าวว่า นายทักษิณได้กำลังใจดีๆจากลูกๆ แต่เจ็บปวดเสียใจการใช้อำนาจผ่านกระบวนการยุติธรรมหรืออำนาจใดๆที่พยายามจะกลั่นแกล้ง ท่านถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากนี้สู้แน่นอน นายทักษิณเป็นนักสู้ ยิ่งไม่ได้ผิดอะไร ไม่ได้เจตนาจะกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ท่านจะสู้ให้ถึงที่สุด ยืนยันมาตลอดท่านไม่มีเจตนาจะกล่าวถึงเบื้องสูง ถ้อยคำที่ชัดเจนบอกมาตั้งแต่ชั้นอัยการที่มีความเห็นในชุดแรกๆว่าไม่เห็นสมควรอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ยกฟ้อง ชัดเจนแล้วว่าไม่มีถ้อยคำใดที่จะกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อส่งหมายมาเรามีหน้าที่แก้อุทธรณ์ต่อไป จะใช้สิทธิ์ยื่นขอข้อมูลและความเห็นคณะกรรมการกลั่นกรองคดีมาตรา 112 ในส่วนคณะทำงานที่มีความเห็นและวินิจฉัยไม่อุทธรณ์มติ 7 ต่อ 2 นำไปใช้ประกอบยื่นอุทธรณ์ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการพิจารณาพักการลงโทษของนายทักษิณ การอุทธรณ์เป็นเรื่องกระบวนการ แต่การพักโทษเป็นระยะเวลาตามกฎหมายที่ผู้ต้องขังทุกคนได้รับสิทธิ์เท่าเทียมเสมอภาคกัน เมื่อถึง 2 ใน 3 ของโทษที่ได้รับมาจะมีการพิจารณาพักโทษอยู่แล้ว และอายุ 70 ปี ถูกคุมขังมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง ไม่น่ามีผลกระทบศาลฎีกาพิพากษากลับเก็บภาษีหุ้นชินฯวันเดียวกัน ที่ศาลภาษีอากรกลาง ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมสรรพากร จำเลยที่ 1 และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คือนายพงษ์ศักดิ์ เมธาพิพัฒน์ นายประภาส สนั่นศิลป์ และนายพิสิทธิ์ ศรีวรานันท์ เป็นจำเลยที่ 2-4 ตามลำดับ เรื่องขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้เพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ ที่แจ้งให้นายทักษิณจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากการขายหุ้นชิน คอร์ปอเรชั่นฯ เป็นเงิน 1.76 หมื่นล้านบาทให้กรมสรรพากรต่อมาศาลภาษีอากรกลาง มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ภ 220/2563 คดีหมายเลขแดงที่ ภ 109/2565 ลงวันที่ 18 ก.ค.2565 พิพากษาเพิกถอนการประเมินตามหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ (ภ.ง.ด.12) เนื่องจากเห็นว่าเจ้าพนักงานประเมินกรมสรรพากร มิได้ออกหมายเรียกตรวจสอบโจทก์ตามมาตรา 19 แห่งประมวลรัษฎากรในฐานะตัวการ การออกหนังสือแจ้งภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาฯ (ภ.ง.ด.12) จึงเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบสรรพากรฟังขึ้นต้องจ่าย 1.76 หมื่นล้านต่อมากรมสรรพากรกับพวกยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คดีชำนาญพิเศษแผนกคดีภาษีอากร เห็นพ้องกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น พิพากษายืนยกฟ้อง กรมสรรพากรกับพวกยื่นฎีกา ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของกรมสรรพากรกับพวกจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับยกคำฟ้องโจทก์ ดังนั้นมีผลให้นายทักษิณต้องปฏิบัติตามคำสั่งเรียกเก็บภาษีจำนวน 1.76 หมื่นล้านของกรมสรรพากรตามขั้นตอน“ภราดร” แจงแผนชง กกต.ทำประชามติเมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ กรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวถึงการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า หาก กมธ.พิจารณาเสร็จต้นเดือน ธ.ค.จะเปิดได้ก่อนสมัยประชุมสามัญวันที่ 12 ธ.ค. ดูไทม์ไลน์คร่าวๆโหวตวาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หากเปิดสมัยวิสามัญวันที่ 9-11 ธ.ค. ยังลงมติวาระ 3 ก่อนช่วงปีใหม่ได้ นายกฯยืนยันพร้อมเปิดประชุมสมัยวิสามัญให้ กมธ.เดินหน้าไปพอสมควรแล้ว คาดว่าภายในเดือน พ.ย.น่าจะแล้วเสร็จ หรือต้นเดือน ธ.ค. หลังลงมติวาระ 3 ต้องมีญัตติจากรัฐสภาว่าจะมีคำถามที่ 1 อย่างไร คำถามที่ 2 ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 256 (8) หลังช่วงปีใหม่จะส่งเรื่องมาที่ ครม. จากนั้นอีก 2-3 วันจะประชุม ครม.เพื่อมีมติให้ทำประชามติแล้วส่งไปคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช้าที่สุดไม่เกินกลางเดือน ม.ค. 2 สัปดาห์ก่อนเลขาธิการ กกต.ขอเวลา 75 วันย้อนจากวันที่ 29 มี.ค.69 จะตรงกับวันที่ 15 ม.ค.69 ครม.จำเป็นต้องมีมติภายในวันดังกล่าวส่งให้ กกต.ลต.ควบคู่หยิบเลือก กมธ.ร่าง รธน.เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยโจมตีสูตร 20 หยิบ 1 ทำให้ล็อกสเปกคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ นายภราดรกล่าวว่า อะไรก็ไม่ดีไปหมดหรอก สูตรนี้ได้หารือกันนอกรอบ อภิปรายตามร่างของพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่วาระ 1 แต่พรรค พท.และพรรคประชาชน (ปชน.) มองจะทำให้สภาร่างรัฐธรรมนูญเป็นสีใดสีหนึ่ง เลยยอมถอยแล้วใช้สูตรพรรค ปชน. วันนั้นพรรค พท.บอกแบบนี้พูดคุยกันได้ แล้วพยายามทำทุกอย่างให้การแก้รัฐธรรมนูญเดินต่อได้ ทั้งหมดอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง ทุกพรรคต้องไปรณรงค์กับประชาชนเพื่อให้ได้ สส.มากที่สุด เพื่อหยิบ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญให้ได้มากที่สุด จึงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน เลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่เลือก สส. แต่เป็นการเลือกเพื่อให้หยิบ กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญด้วย เมื่อถามว่าคุณสมบัติคนมาทำหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญจะกำหนดอย่างไร คนโดนตัดสิทธิทางการเมืองเป็นได้หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า อยู่ระหว่างเจรจากันอยู่ในชั้น กมธ. จะได้ข้อสรุปอย่างไรค่อยว่ากันอีกที47 วัน รบ.ไร้ทุจริตพร้อมแจงซักฟอกนายภราดรกล่าวอีกว่า ส่วนการเตรียมพร้อมรับมืออภิปรายไม่ไว้วางใจ ต้องรอดูว่าฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ ถ้ายื่นทุกคนใน ครม. พร้อมชี้แจง นายกฯออกแถลงการณ์ไปแล้วว่าพร้อมให้ฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบ พร้อมชี้แจงทุกประเด็น การยุบสภาวันที่ 31 ม.ค.69 ไทม์ไลน์ยังเหมือนเดิม นายกฯประกาศตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย งานสภาฯไม่ว่าญัตติใดถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภา คงไม่สามารถชนะโหวตได้ เมื่อถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจโอกาสที่จะพลิกชนะเสียงไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านเป็นไปไม่ได้เลย แต่ในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าการจะไม่ไว้วางใจต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดคือ 250 เสียงถึงจะล้มรัฐบาลได้ ต้องไปดูช่วงนั้นจะมีเสียงลงมติมากกว่ากึ่งหนึ่งหรือไม่ รัฐบาลเพิ่งทำงานได้ 47 วัน เชื่อว่ายังไม่มีเรื่องทุจริตแน่นอน ฝ่ายค้านพุ่งเป้ามีนักการเมืองสีเทาร่วมรัฐบาลเป็นสิทธิ์อภิปรายในสภา ครม.มีสิทธิ์ ชี้แจง ท้ายที่สุด สส. 500 คน และประชาชนที่ฟังอยู่ทางบ้านจะตัดสินรอฟังผล กมธ.ก่อนฉีก MOU 43–44นายภราดรกล่าวถึงการทำประชามติยกเลิก MOU 43-44 พร้อมเลือกตั้ง สส. นายกฯพูดชัดแล้วให้รอฟังความเห็น กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เพื่อแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาของวุฒิสภาและ กมธ.วิสามัญพิจารณาบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา สภาฯ สัปดาห์ที่ผ่านนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯให้ไปคุยกับ กมธ.ทั้ง 2 สภา เพื่อให้ กมธ.เป็นเจ้าภาพจัดเวทีให้ความรู้ประชาชน เชิญฝ่ายเห็นด้วย-ไม่เห็นด้วยไปดีเบตกัน โดยเฉพาะจัดเวทีจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา เปิดเวทีดีเบตภาคต่างๆด้วย เมื่อถามว่านายกฯเคยระบุว่าไม่เห็นด้วยกับ MOU ทั้ง 2 ฉบับ ทำไมไม่ใช้อำนาจ ครม.ตัดสินใจยกเลิก นายภราดรตอบเป็นเรื่องใหญ่ควรรับฟังความคิดเห็นรอบด้าน พรรค ภท.แสดงจุดยืนมานานแล้วว่าเห็นทิศทางไหน แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลที่ใหญ่กว่าพรรค ต้องรับฟังความเห็นคนอื่นด้วย“ธรรมนัส” ลั่นไม่กังวลศึกซักฟอกเมื่อเวลา 14.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรฯประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวถึงกระแสพรรคภาคใต้ว่า คนฐานรากอยากให้ตนแก้ปัญหาให้ ไม่ใช่เป็นวลีไปวันๆ ทั้งนี้ไม่เคยสัญญาจะตั้งใครเป็นรัฐมนตรีล่วงหน้า ไม่มี อย่าถามเรื่องที่คนพูดแล้วเป็นไปไม่ได้ ต้องตรวจคุณสมบัติละเอียดยิบ กรณีนายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา พรรค กธ. ใครผิดว่าไปตามผิด และคนที่มีคุณสมบัติลง สส.ตามรัฐธรรมนูญกำหนดชัดเจน ถ้ามีคุณสมบัติต้องห้ามก็ลงไม่ได้ เมื่อถามว่าเป็นห่วงหรือไม่หากฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราเป็นนักการเมืองอย่าไปกังวลเรื่องพวกนี้ อยู่การเมืองมาตั้งแต่ปี 62 ยืนโต้ตอบได้ทุกเรื่อง แต่ไม่ได้ไปท้าทาย ถ้าถูกตรวจสอบภายใต้รัฐธรรมนูญเราต้องพร้อม ไม่ใช่คนบางคนโดนหน่อยร้อง ไม่ใช่ เป็นนักการเมืองต้องทำใจ พรรคที่กำลังโตถูกโจมตีต่อเนื่อง แต่ลงภาคใต้กลับรู้สึกประชาชนฝากความหวัง จึงหยุดไม่ได้ เน้นย้ำเสมอว่าเกียรติของทหารคือตายในสนามรบ เป็นนักการเมืองถ้าจะต้องตาย ต้องตายบนเวทีการเมือง เป็นเกียรติของนักการเมือง ไม่ต้องพูดเพราะ พูดสวย ไม่ใช่สไตล์ตนให้เกียรติหลัง “ลูกชูวิทย์ กุ่ย” โผล่ ภท.เมื่อถามถึงกรณีนายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ที่ปรึกษา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยังอยู่กับพรรค กธ. หรือไม่หลังปรากฏภาพ น.ส.สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ สส.พรรค พท.บุตรสาว ร่วมวงกินข้าวกับพรรค ภท. ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เมื่อสักครู่ก็เจอกัน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน คนจะอยู่หรือจะไปแล้วแต่การตัดสินใจ อย่าไปบังคับ อย่าเอาปัจจัยอะไรไปล่อเขา ไม่ใช่สไตล์ อยู่กับตนต้องทำงานและไม่มีวันหยุด ถ้าอยู่ได้ก็อยู่ด้วยกัน เมื่อถามว่าเป้าหมายเลือกตั้งครั้งต่อไปพรรคกธ.จะเป็นพรรคใหญ่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสตอบสั้นๆว่า “เดี๋ยวคอยดู”“ไอติม” ยังเชื่อแก้ รธน.ฉลุยวาระ 2–3 ได้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่อาคารอนาคตใหม่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคปชน. แถลงความคืบหน้าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า มติ กมธ.ยกร่างฯมีทั้งเรื่องที่เราผิดหวังและน่ายินดี อย่างน้อยผลักดันสูตร 20 หยิบ 1 ได้สำเร็จ รับประกันการคัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญของรัฐสภาจะไม่ถูกผูกขาด อาจมีบางส่วนพยายามสร้างความเข้าใจว่ากมธ.เสียงข้างมากไม่มี ส.ส.ร. ตามข้อเสนอจากพรรค พท. จะทำให้ยึดโยงกับประชาชนน้อยลง ข้อเท็จจริงไม่เป็นเช่นนั้น ยืนยันสัปดาห์นี้ กมธ.ในซีกพรรค ปชน.จะทำเต็มที่จูงมือทุกภาคส่วนพิจารณามาตราที่เหลือให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด อย่างน้อยสุดตามไทม์ไลน์สิ้นเดือน พ.ย. เพื่อให้รัฐบาลเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ก่อนวันที่ 12 ธ.ค. หลังวาระ 2 เสร็จสิ้นต้องทิ้งไว้ 15 วัน จะพิจารณาวาระ 3 ได้เสร็จก่อนสิ้น ธ.ค. ยังเชื่อว่าเป็นไปได้ว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านวาระ 2-3 ได้กั๊กตอบดึง “ศิธา” ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.นายพริษฐ์กล่าวถึงความพร้อมสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ปี 69ว่า พรรค ปชน. มีแผนจะสรุป และสื่อสารถึงแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.ต่อสาธารณะเร็วๆนี้ พร้อมผู้สมัคร ส.ก.ทั้ง 50 เขต ขอให้มีข้อสรุปชัดเจนก่อน แล้วจะกำหนดวันและเวลาแถลงข่าวชัดเจนอีกครั้ง เมื่อถามถึงกระแสข่าวพรรค ปชน. ทาบทาม น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคไทยสร้างไทย มาเป็นผู้สมัครของพรรค ปชน. นายพริษฐ์ตอบว่า ขอไม่ยืนยันและไม่ปฏิเสธข่าวใด สิ่งสำคัญพรรคต้องตกผลึกทุกขั้นตอนในกระบวนการภายใน เมื่อได้ข้อสรุป 100% จะแจ้งต่อสาธารณะต่อไป สำหรับการคัดผู้สมัคร สส.การเลือกตั้งครั้งนี้ นอกจากผู้สมัคร สส.คัดกรองเข้มข้นแล้ว เราจะเปิดทีมบริหารที่จะเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงต่างๆ ของฝ่ายบริหารด้วย บางคนอาจไม่ได้เป็นผู้สมัคร สส.และพร้อมเปิดเผยให้ประชาชนเห็นตัวตน “วันนอร์” พร้อมเปิดประชุมวิสามัญที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯและประธานรัฐสภา กล่าวถึงกรณีพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมพร้อมขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญช่วงวันที่ 8 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมว่า ยังไม่ได้รับแจ้งจากรัฐบาล แต่ได้หารือนายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ เลขาธิการสภาฯ หากมีประกาศราชกิจจานุเบกษาให้เปิดประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ พร้อมเปิดประชุมตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป หารือคณะ กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฯไม่เป็นทางการ ทราบว่าต้องการเปิดประชุมช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. ต้องหารือวิป 3 ฝ่าย รวมถึงวาระ 3 ต้องขอความเห็นชอบ เพื่อให้นำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญไปออกเสียงประชามติพร้อมเลือกตั้งปลายเดือน มี.ค. หรือต้น เม.ย.69 เหมือนมีข้อโต้แย้งเล็กน้อย แต่เชื่อว่าการอภิปรายวาระ 2-3 จะเรียบร้อยยื่นซักฟอกแล้วห้ามยุบสภานายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ส่วนกรณีพรรค พท.เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมสภาฯเข้าชื่อ 1 ใน 5 ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 ได้ ข้อโต้แย้งที่ต้องพิจารณาว่าหากยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้วจะยุบสภาได้หรือไม่ ความเห็น 2 ฝ่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 151 วรรคสองกำหนดชัดเจนว่า เมื่อยื่นญัตติแล้วรัฐบาลจะยุบสภาไม่ได้ ขณะที่ข้อบังคับการประชุมสภาระบุว่าเมื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ให้ประธานสภาฯตรวจสอบรายชื่อว่าครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ ญัตติขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือข้อบังคับหรือไม่ให้แล้วเสร็จไม่เกิน 7 วัน เบื้องต้นแล้วเห็นว่าต้องยึดตามรัฐธรรมนูญเมื่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่ว่าจะยื่นต่อสภาหรือประธานสภา ตามรัฐธรรมนูญไม่สามารถยุบสภาได้ ข้อบังคับมีสิทธิน้อยกว่ารัฐธรรมนูญ ความเห็นฝ่ายกฎหมายเสนอไปยังเลขาธิการสภาฯแล้ว ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญปชป.ชูแคมเปญร่วมปราบทุนเทาเมื่อเวลา 10.00 น. นายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายจาตุรนต์ เวชส่งเสริมบุญมา คณะทำงานด้านนโยบายและเศรษฐกิจ พรรค ปชป. ร่วมแถลงการณ์เดินหน้าทำการเมืองสุจริต ขจัดทุนเทา-ผู้มีอิทธิพลและการแก้ปัญหาสแกมเมอร์ พนันออนไลน์ ตามแคมเปญ “เปิดฟ้าใหม่ ไล่เมฆเทา” ว่ากรณีสหรัฐฯกำลังออกร่างกฎหมายการต่อต้านสแกมเมอร์ กลุ่มทุนเทา-ดำ เปิดเผยรายชื่อ 43 แบล็กลิสต์โดยมีบางคนเกี่ยวข้องกับประเทศไทยเข้าซื้อหุ้นบริษัทบางจาก คณะทำงานพรรคตรวจสอบตามหลักสากลพบการกระทำต้องสงสัยของบุคคลที่มีพฤติกรรมต้องสงสัย เช่น บริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเพียง 330 บาท แต่ซื้อบริษัทที่มีทุนขนาดใหญ่ ขอกู้เงินได้มากกว่า 600 ล้านบาทได้ บริษัทที่หลีกเลี่ยงกฎหมาย พยายามนำต่างด้าวมาเป็นนอมินีถือหุ้นซับซ้อนให้เกินร้อยละ 49 หรือเชื่อมโยงบริษัทพลังงานใหญ่ของประเทศ เกี่ยวพันกับอดีต รมช.คนหนึ่งของรัฐบาลนี้ ได้ตรวจสอบธุรกรรมการเงินเพื่อให้หัวหน้าพรรค ปชป.ส่งต่อให้ ปปง. ก.ล.ต. และดีเอสไอ เพื่ออายัดเส้นเงินบุคคลที่เกี่ยวข้องที่อาจเชื่อมโยงถึงการเมือง“มาร์ค” ตีปี๊บการเมืองสุจริต ศก.ต้องดีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.ให้สัมภาษณ์ถึงผลโพลคะแนนนิยมพรรค ปชป.ดีขึ้นว่าเรื่องโพลถือเป็นกำลังใจ แต่งานหนักรออยู่ข้างหน้าอีกมาก นโยบายหลักที่จะชูในการเลือกตั้งครั้งหน้า 1.ถ้าไม่สามารถทำให้บ้านเมืองเป็นบ้านเมืองสุจริตจริงๆ ปัญหาอื่นแทบแก้ไขไม่ได้ 2.ถ้าไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจไทยกลับไปเติบโตได้เหมือนสมัยก่อน หากยังโตแค่ร้อยละ 1-2 ต่อเนื่อง เรื่องอื่นแก้ไม่ได้ จึงต้องทำให้บ้านเมืองสุจริต เศรษฐกิจต้องดี เติบโตและกระจายอย่างทั่วถึง เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่หลายฝ่ายเกรงว่ามีการใช้เงินฟอกขาวเข้ามาใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า หนักใจน้อยลงกว่าเดิมมาก ตั้งแต่กลับเข้ามาได้เจอประชาชนคนธรรมดาไปจนถึงนักธุรกิจระดับสูง พูดเป็นเสียงเดียวกันหมดไม่ต้องการอยู่แบบนี้อีกแล้ว เรามีแนวร่วมคนที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องเพิ่มมากขึ้นมากจี้ กกต.ฟันอาญาอดีต พนง.สอบสวนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ เข้ายื่นหนังสือต่อเลขาธิการ กกต.ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพร้อมดำเนินคดีทั้งทางวินัยและอาญาพนักงานสืบสวนไต่สวนของ กกต.รับเงินเกี่ยวข้องกับคดีฮั้วเลือก สว. นายภัทรพงศ์กล่าวว่า แม้การสอบสวนของพนักงาน กกต. คนดังกล่าวจะไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคณะสอบสวน ชุดที่ 26 แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพนักงานคนดังกล่าวไปสอบสวนคดีฮั้ว สว. และอาจเป็นคดีเดียวกับที่ศาลฎีกาคำวินิจฉัยยกคำร้องว่า จ.อำนาจเจริญ ไม่มีการฮั้ว สว.เชื่อว่าเกี่ยวข้อง เพราะพบข้อมูลว่าบุคคลดังกล่าวรับเงินเดือนมากสุดเดือนละ 50,000 กว่าบาท แต่กลับพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีช่วง 2 ปีนี้มากถึง 50 ล้านบาท รับโอนจากขาใหญ่ของ จ.อำนาจเจริญ ที่ยังโอนเงินให้กับขาใหญ่ของภาคใต้และภาคเหนือ เกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง นี่ขนาดระดับเจ้าหน้าที่ กกต. มีเงินหมุนเวียน 50 ล้านบาท ตนไปยื่นเรื่องนี้กับดีเอสไอแล้ว ต่อมา กกต.เรียกประชุมด่วนแล้วมีมติให้ออกจากราชการอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่