โมเดลองค์กรจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้บทสรุป คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของรัฐสภามีมติให้มี คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 35 คน และคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน 35 คน โมเดลนี้ไม่มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) แต่ใช้ กมธ.ยกร่างฯเป็นหน่วยหลัก กมธ.รับฟังความคิดเห็นฯเป็นหน่วยสนับสนุนขั้นตอนการเลือก กมธ.ยกร่างฯจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ตามร่างหลักของพรรคประชาชนเสนอใช้สูตร 20 หยิบ 1 คือ ให้สมาชิกรัฐสภารวมกลุ่มกัน 20 คน เพื่อหยิบบุคคลจากบัญชีรายชื่อมา 1 คน เป็น กมธ.ยกร่างฯ สมาชิกรัฐสภามี 700 คน ก็จะได้ กมธ.ยกร่างฯ 35 คนพอดี แต่หากมีกรณีไม่สามารถเลือกได้ครบ 35 คน ให้รัฐสภาโหวตเลือกจากบัญชีรายชื่อตามจำนวนที่ขาด โดยใช้เสียงสมาชิกรัฐสภา 2 ใน 3 ตัดสินสูตรนี้แบ่งโควตาตรงไปตรงมา เกลี่ยสัดส่วนให้ทั้งพรรครัฐบาล ฝ่ายค้าน และ สว. เหมือนกับการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมชุดต่างๆ กลุ่มที่มีเสียงมากได้โควตามาก กลุ่มที่มีเสียงน้อยก็ยังมีโควตาเช่นกัน ทำให้เกิดความหลากหลาย ดีกว่าใช้เกณฑ์ เสียงข้างมาก ของรัฐสภาโหวตเลือก กมธ.ยกร่างฯทีละคน ซึ่งเสี่ยงโดนผูกขาดการตั้ง กมธ.ยกร่างฯได้ทั้งหมด 35 คน ตัวอย่างมีให้เห็นทนโท่สว.สีน้ำเงินกินรวบเบ็ดเสร็จในวุฒิสภาตามสูตรนี้เท่ากับการเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้าประชาชนกาบัตรครั้งเดียวจะได้ทั้งผู้แทนไปทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ และได้ผู้แทนไปเลือก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญด้วยผู้ที่สนใจจะลงสมัครเป็น กมธ.ยกร่างฯสามารถสมัครผ่าน กกต. โดยมีผู้รับรองอย่างน้อย 100 รายชื่อ พร้อมเขียนเอกสารแสดงวิสัยทัศน์ และ อุดมการณ์ ความยาว 1 หน้ากระดาษ A4 กกต.จะนำข้อมูลของผู้สมัครไปเผยแพร่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมตรวจสอบประวัติและอุดมการณ์ ก่อนส่งรายชื่อให้รัฐสภาคัดเลือกสำหรับ กมธ.รับฟังความคิดเห็นฯ 35 คน ถูกปรับเปลี่ยนมาจากสภาที่ปรึกษา 100 คน ตามร่างเดิมของพรรคประชาชนเสนอให้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนแบบแบ่งเขตจังหวัด ก็ต้องดูว่ามีขอบเขตอำนาจแค่ไหน ถ้าไม่มีข้อบังคับตายตัวว่า กมธ.ยกร่างฯต้องร่างกติกาตามความเห็นที่ได้รับฟังมา ก็คงไม่ซีเรียสว่า กมธ.รับฟังความคิดเห็นฯต้องมาจากการเลือกตั้งสส.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ประชาชนเลือกให้มาเป็นตัวแทนออกกฎหมาย แต่ สส.ไทยจะแก้รัฐธรรมนูญสักครั้งกลับยากเย็นแสนเข็ญ หนำซ้ำยังมีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุถ้อยคำ “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง” ซึ่งจนป่านนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายเหตุผลออกมาต่างกันลิบลับกับคณะร่างรัฐธรรมนูญช่วงรัฐประหาร จะร่างกติกาบ้านเมืองตามใจชอบอย่างไรก็ได้ เต็มไปด้วยอคติทางการเมือง บรรดาลิ่วล้อก็อวยกันเองว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับดีเลิศ สมัยก่อนเจ้าสัวบริษัทยักษ์ใหญ่ให้ทุนสนับสนุนการเมือง ต้องทำแบบลับๆ เลี่ยงความผิดครอบงำผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ยุคนี้ยิ่งเสื่อมหนัก ทุนเทาแทรกซึมการเมืองแบบโจ๋งครึ่ม นี่หรือรัฐธรรมนูญปราบโกง มาตรฐานจริยธรรมสูงส่งภายใต้ข้อจำกัดของการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ประชาชนเลือกตั้ง ส.ส.ร.โดยตรงไม่ได้ ผมว่าโมเดลที่เคาะออกตอนนี้ถือว่าดีมากแล้ว และเกือบทุกพรรครวมถึง สว.ก็พอจะประนีประนอมกันได้วันที่ 18-19 พ.ย. กมธ.วิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญฯจะเชิญผู้เสนอคำแปรญัตติเข้าชี้แจง และปรับแก้ขัดเกลาถ้อยคำ จากนั้นวิป 3 ฝ่ายจะหารือกำหนดวันประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาวาระสองถ้าสามารถเปิดสมัยประชุมวิสามัญปลายเดือน พ.ย.ได้ก็ยิ่งดี หรือหากขยับไปถึงต้นเดือน ธ.ค.ก็ยังไหว จะได้รวบการทำประชามติ 2 คำถามในครั้งเดียวพร้อมกับการเลือกตั้งรัฐธรรมนูญกินไม่ได้ แต่ถ้าทำเสร็จเร็วก็ประหยัดงบฯทำประชามติได้หลายพันล้าน.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม