น้ำท่วมวิกฤติหนัก เขื่อนเจ้าพระยาอั้นไม่ไหวปล่อยน้ำใกล้แตะ 3,000 ลบ.ม./วินาที รองรับน้ำเหนือ ล่าสุดเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ใกล้เต็มความจุถึง 99 เปอร์เซ็นต์ ที่ลำปาง ฝนถล่มน้ำป่าท่วมบ้านสูงกว่า 1 เมตร ส่วนสุโขทัยอ่วม น้ำท่วมวัด พระขนเครื่องครัวลงเรือเปิดโรงทานทำอาหารแจกผู้ประสบภัย อ่างทองหนักไม่แพ้กัน น้ำท่วมถนนสาย 33 ต้องปิดเส้นทาง ชาวบางบาลเดือดตะโกนต่อว่า จนท.ชลประทานขณะมารอรับรัฐมนตรี หลังไม่ยอมเปิดประตูน้ำ ด้านรัฐบาลยืนยันไม่ซ้ำรอยมหาอุทกภัย 54สถานการณ์น้ำท่วมน่าเป็นห่วง หลายจังหวัดยังมีฝนตกหนักและน้ำป่าไหลหลาก ที่ลำปาง ช่วงเช้ามืดวันที่ 10 พ.ย. เกิดน้ำป่าดอยแม่ปะบ้านแม่ปะ ต.แม่ปะ อ.เถิน ไหลบ่าตามลำห้วยแม่ปะเอ่อท่วมบ้านริมหวยกว่า 100 หลัง บางจุดน้ำสูงกว่า 1 เมตร หลังเกิดฝนตกหนักบนดอยตั้งแต่ตีสาม ผู้นำชุมชนแจ้งเตือนชาวบ้านให้รีบขนย้ายทรัพย์สินของมีค่าไว้บนที่สูง กระทั่งช่วงใกล้รุ่งน้ำป่าสีขุ่นไหลทะลักลงมาเอ่อท่วมบ้านอย่างรวดเร็ว ส่วน อ.สบปราบ ฝนตกหนักน้ำป่าไหลลงอ่างเก็บน้ำสมัยล้นสปิลเวย์ลงลำห้วยสมัยเอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนประชาชนใน ต.สมัย และ ต.สบปราบ ได้รับผลกระทบรวม 10 หมู่บ้าน เดือนร้อนกว่า 200 หลังจ.สุโขทัย น.ส.สรินรัตน์ เกิดสกุลรุ่งโรจน์ รอง ผวจ.สุโขทัย ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ต.บ้านกล้วย อ.เมืองสุโขทัย หลังถูกน้ำจากทุ่งทะเลหลวงและคลองแม่รำพันเอ่อท่วมมาหลายวัน จากนั้นร่วมทำอาหาร นำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน ขณะที่พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (หลวงพี่นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพลายชุมพล หมู่ 5 บ้านหางคลอง ต.บ้านกล้วย ที่ถูกน้ำท่วมหนักกว่า 1 เมตร ได้นำเครื่องครัวที่วัดใส่เรือฝ่ากระแสน้ำมาเปิดโรงทานทำอาหารให้ชาวบ้านผู้ประสบภัยส่วนสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล อ.สามเงา จ.ตาก ยังคงมีน้ำไหลเข้าอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปริมาณน้ำอยู่ที่ 99 เปอร์เซ็นต์ของความจุ สูงสุดในรอบ 14 ปี นับตั้งแต่เกิดมหาอุทกภัยในปี 54 เขื่อนได้บริหารจัดการน้ำตามมติคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้ปรับเพิ่มการระบายน้ำเป็นแบบขั้นบันได โดยวันที่ 10 พ.ย. ระบายน้ำเพิ่มเป็น 48 ล้าน ลบ.ม. จากเดิม 45 ล้าน ลบ.ม. วันที่ 11 พ.ย. จะระบายน้ำเพิ่มเป็น 53 ล้าน ลบ.ม. และวันที่ 12 พ.ย. เพิ่มเป็น 55 ล้าน ลบ.ม.พร้อมเตือนประชาชนพื้นที่ปลายน้ำติดตามประกาศจากกรมชลประทานอย่างต่อเนื่องขณะที่จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยายังคงได้รับผลกระทบจากเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ปล่อยน้ำในอัตรา 2,800 ลบ.ม./วินาที และจะปรับเพิ่มเป็น 2,900 ลบ.ม./วินาที เวลา 02.00 น. วันที่ 11 พ.ย. เพื่อรองรับน้ำเหนือ ส่งผลให้พื้นที่ท้ายเขื่อนมีระดับน้ำสูงขึ้นอีก 20 ซม. ทำให้น้ำท่วมขยายวงกว้างมากขึ้น ล่าสุดน้ำทะลักเข้าพื้นที่ ต.โพนางดำตก อ.สรรพยา เป็นครั้งแรกในปีนี้ นายบรรเจิด สวนทอง รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพนางดำตก เผยว่า ตั้งแต่เขื่อนเจ้าพระยาปรับระบายน้ำมาอยู่ที่ 2,700 ลบ.ม./วินาที น้ำเริ่มเอ่อท่วมพื้นที่ แต่ไม่มาก หลังปรับการระบายน้ำเพิ่มขึ้นไป 2,800 ลบ.ม./วินาที น้ำเอ่อท่วมกระจายไปหลายหมู่บ้านบ่ายวันเดียวกัน เกิดฝนตกหนักใน อ.เมืองชัยนาท และพื้นที่โดยรอบ ทำให้น้ำระบายลงแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำเหนือเขื่อนสูงกว่าระดับน้ำในท่อระบายน้ำจนเอ่อท่วมถนนหลายสายในเขตเทศบาลเมืองชัยนาท บางจุดน้ำสูงกว่า 20 ซม. จนมิดฟุตปาท รถสัญจรลำบาก เจ้าหน้าที่ต้องเร่งสูบน้ำระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยา ชาวบ้านเผยว่า ตั้งแต่อยู่มาถือว่าเป็นครั้งแรกที่ฝนตกหนักน้ำท่วมเมืองชัยนาทถึงขั้นเลยฟุตปาทที่ ต.ทับยา อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี หลังพนังกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาบ้านบางนอนเกิดพังทลาย น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ตั้งแต่หมู่ 1-4 โดยเฉพาะจุดต่ำสุดบริเวณหน้าวัดใหม่สุทธาวาส น้ำเอ่อล้นข้ามทางหลวงสาย 311 หรือถนนชัยนาท-สิงห์บุรีสายเก่าไหลลงคลองบรมธาตุ เจ้าหน้าที่แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ติดกับคลองบรมธาตุให้เตรียมความพร้อมยกของขึ้นที่สูง มวลน้ำทั้งหมดไหลต่อไปตลาดฝาครอบคลอง เขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่เร่งทำแนวกั้นน้ำเพื่อป้องกันพื้นที่เศรษฐกิจของ จ.สิงห์บุรีจ.อ่างทอง แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมทางหลวงสาย 33 (ป่าโมก-สุพรรณบุรี) ในพื้นที่ ต.เอกราช และ ต.นรสิงห์ อ.ป่าโมก เป็นระยะทางกว่า 1 กม. ตั้งแต่แขวงทางหลวงอ่างทองไปจนถึงปั๊มน้ำมัน ปตท. น้ำสูงกว่า 1 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทาง ส่วนถนนป่าโมก-อ่างทองสายในบริเวณหมู่ 1 ต.ป่าโมก น้ำท่วมขยายวงกว้างไหลลงคลองชลประทานเข้าทุ่งนาท่วมบ้านเรือนกว่า 50 หลัง ด้านนางสมบูรณ์ พิมพา อายุ 48 ปี เจ้าของฟาร์มนกกระทา หมู่ 4 ต.นรสิงห์ เร่งขนย้ายนกกระทากว่า 20,000 ตัวไปไว้ในฟาร์ม อ.ไชโย จ.อ่างทอง หลังน้ำทะลักท่วมโรงเลี้ยงตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมาสูงกว่า 1 เมตร ทำให้นกกระทาตายไปหลายตัวนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำคณะผู้บริหารพรรคและ สส.ลงพื้นที่ไปให้กำลังใจชาวบ้าน ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง หลังได้รับผลกระทบจากอุทกภัยมาอย่างยาวนานกว่า 4 เดือน นายจุลพันธ์กล่าวว่า เป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วม หลายพื้นที่ภาคกลางประสบปัญหาน้ำท่วมตั้งแต่ จ.สุโขทัย ลงมาถึงอ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา ปีนี้ฝนตกหนักในรอบ 40 ปี รัฐบาลจะต้องเร่งกำหนดมาตรการและวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างเร่งด่วน ต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบที่ประตูระบายน้ำคลองบางบาล อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา กลุ่มชาวบ้านใน ต.บางชะนี อ.บางบาล ที่อยู่เหนือประตูระบายน้ำมารวมตัวกันตะโกนต่อว่าเจ้าหน้าที่กรมชลประทานที่มารอต้อนรับนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายสุริยพล นุชอนงค์ อธิบดีกรมชลประทาน ที่จะเดินทางมาดูสถานการณ์น้ำท่วม ชาวบ้านไม่พอใจที่กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำผิดพลาด สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน มีประตูระบายน้ำ แต่ไม่เปิดระบายน้ำไม่รู้ว่าสร้างทำไมกระทั่งนายนเรศและคณะมาถึง ชาวบ้านตะโกนถามถึงการเปิดประตูระบายน้ำพร้อมเรียกร้องให้เปิดประตูระบายน้ำ 2 บาน บานละ 1 เมตร เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนคนอยู่เหนือประตูน้ำ นายนเรศ มอบหมายให้ชลประทานบางบาลสำรวจว่าสามารถเปิดประตูน้ำได้มากแค่ไหน ไปกระทบพื้นที่ใดบ้าง แล้วแจ้งชาวบ้านทราบ หรืออาจใช้วิธีการทยอยเปิดประตูระบายน้ำ นายนเรศเผยว่า หลังน้ำทะเลหนุนลดลงจะเร่งระบายน้ำออกทะเลภายใน 10 วัน จะระบายได้มากทางคลองลัดโพธิ์ หลังวันที่ 20 พ.ย. ถ้าไม่มีมวลน้ำเพิ่มและไม่มีฝนตกเพิ่มเติมสถานการณ์น่าจะดีขึ้นส่วนที่วัดชินวรารามวรวิหาร พระอารามหลวง ต.บางขะแยง อ.เมืองปทุมธานี ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเชิงสะพานปทุมธานี 2 แม่น้ำเจ้าพระยาดันท่อน้ำภายในวัด ทำให้น้ำผุดท่วมบริเวณวัดช่วงกลางดึก เจ้าหน้าที่ อบจ.ปทุมธานีนำรถสูบส่งน้ำระยะไกล ส่วนเทศบาลตำบลบางขะแยงและมูลนิธิร่วมกตัญญูปทุมธานีนำเครื่องสูบน้ำท่อพญานาคเร่งระบายน้ำออก จากการตรวจสอบระดับน้ำสูงกว่าพื้นที่วัด 80 ซม. แต่หลังเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำเพิ่มทำให้วัดปิดท่อน้ำไม่ทัน 3 ท่อ เกิดน้ำผุดท่วมวัด ตอนนี้ต้องเร่งสูบน้ำออกเพื่อป้องกันน้ำท่วมวิหารสมเด็จพระสังฆราชและตำหนักชินวรด้านนายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.นนทบุรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แม่น้ำเจ้าพระยาที่ท่าน้ำนนทบุรี ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี และสั่งให้นำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งบริเวณถนนนครอินทร์ ขาเข้า ต.บางไผ่ อ.เมืองนนทบุรี หลังแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมช่องทางคู่ขนานสูงกว่า 50 ซม. และช่อง ทางด่วนเลนซ้าย 30 ซม. ทำให้การจราจรติดขัดกว่า 1 กม. ส่วนชุมชนศาลเจ้าพ่อหลักเมือง (เดิม) หมู่ 3 ต.บางศรีเมือง อ.เมืองนนทบุรี แม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักข้ามแนวกระสอบทรายเข้าท่วมชุมชนสูงกว่า 50 ซม.เช่นเดียวกับชุมชนบ่อนไก่ ซอยพิบูลสงคราม 11 ต.สวนใหญ่ อ.เมืองนนทบุรี ชาวบ้านที่อยู่พื้นที่นอกคันกั้นน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาไม่พอใจเข้าไปรื้อแนวกระสอบทรายออก ทำให้น้ำไหลทะลักท่วมถนนในซอย หลังเกิดเหตุนายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีเทศบาลนครนนทบุรี ประสานตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองนนทบุรี ไปตรวจสอบ และสั่งให้เจ้าหน้าที่วางแนวกระสอบทรายเร่งสูบน้ำออก พร้อมเจรจากับชาวบ้านที่รื้อกระสอบทราย แต่ชาวบ้านไม่ยอมฟัง ก่อนตักเตือนว่าหากรื้อกระสอบทรายอีก เทศบาลจะดำเนินการตามกฎหมายทันทีต่อมานายสมนึกนำเจ้าหน้าที่เทศบาลวางแนวกระสอบทรายริมถนนนนทบุรี 1 ต.สวนใหญ่ ตั้งแต่หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรีถึงหน้ากรมราชทัณฑ์ ระยะทางประมาณ 500 เมตร เพื่อเป็นแนวป้องกันน้ำท่วมชั้นที่ 2 นายสมนึกกล่าวว่า จุดนี้เป็นจุดต่ำ หากแม่น้ำเจ้าพระยาสูง 2.70-2.80 เมตร น้ำจะข้ามเข้ามาท่วมถนนนนทบุรี 1 เข้าไปยังเรือนจำกลางบางขวาง เรือนจำจังหวัดนนทบุรี และพื้นที่เศรษฐกิจด้านใน จึงต้องวางแนวป้องกันเพิ่มไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบที่กระทรวงการคลัง เวลา 15.30 น. วันเดียวกัน นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมติดตามบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ก่อนเปิดเผยภายหลังการประชุมว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพล ขณะนี้มีปริมาณน้ำถึง 99% น้ำเข้าวันละ 90 ล้านลูกบาศก์เมตร ปล่อยออกวันละ 45 ล้านลูกบาศก์เมตร ถ้าเป็นเช่นนี้อีกไม่เกิน 3 วัน เขื่อนภูมิพลจะเต็มความจุ ทำให้ควบคุมการระบายน้ำได้ยาก ต้องประเมินแบบวันต่อวัน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่มีขณะนี้ยืนยันได้ว่าความรุนแรงคงจะไม่ถึงปี 2554 ปีนั้นน้ำมากกว่านี้และเกิดอุบัติเหตุที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีทําให้ไม่สามารถควบคุมทิศทางของน้ำได้ แต่วันนี้อุบัติเหตุยังไม่เกิดขึ้นจะพยายามควบคุมและไม่ให้อุบัติเหตุเกิดขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยปี 2554อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่