“วรภัค” ประกาศลาออกจาก รมช.คลัง หลังนั่งเก้าอี้ได้เพียง 33 วัน ยันไม่เคยมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหา แต่ยอมรับรู้จัก “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” หรือเบน สมิท เผยลาออกเพื่อไปสู้คดี พร้อมจ่อฟ้อง “ทอม ไรซ์” คนแรก ด้าน กมธ.ปปง. เร่งสอบเส้นทางเงิน เครือบริษัท ปริ้นซ์ กรุ๊ป เชื่อ “เฉิน จื้อ” หนึ่งในเป้าการฟอกเงิน ซุกทรัพย์ในไทย รองจเรตำรวจเผยกัมพูชาหลอกตำรวจไทยให้จับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่สุดท้ายไล่กลับมือเปล่า ย้ำที่ผ่านมาไทยบุกเขมรก่อนเกาหลี พบทรัพย์สิน สว.กัมพูชาในไทยกว่า 70 ล้าน ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยกคำร้อง “แส จิ้นเจียง” ค้านไทยส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับจีน “รัฐสภาโลก” รับข้อเสนอ “โรม” ชงร่างข้อเสนอปราบอาชญากรรมไซเบอร์เป็นวาระเร่งด่วนระดับโลก ได้คะแนนสนับสนุน ท่วมท้น 2 ใน 3 850 คะแนน ส่วนการประชุมJBC ที่จันทบุรี กัมพูชามาช้าแถมทำป่วนอีกหลังถูก สส.ฝ่ายค้านโจมตีกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับแก๊งหลอกลวงต้มตุ๋นการฟอกเงินและธุรกิจผิดกฎหมาย หรือสแกมเมอร์ในกัมพูชา ทำให้นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง ที่เพิ่งนั่งเก้าอี้ รมช.คลังได้เพียง 33 วัน ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลังเพื่อไปสู้คดีที่ถูกกล่าวหา“วรภัค” แจงไม่เคยเอี่ยวสแกมเมอร์เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 22 ต.ค.นายวรภัค ธันยาวงษ์ รมช.คลัง ชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่มีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มบุคคลหรือขบวนการที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์เขมร รวมถึงกระบวนการต้มตุ๋นหลอกลวง ธุรกิจผิดกฎหมายใดๆทั้งสิ้น ขบวนการใส่ร้ายป้ายสียังให้ข้อมูลเท็จภรรยาผมว่า ได้รับผลประโยชน์เป็นเงินคริปโตหลายล้านเหรียญซึ่งไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าภรรยาไม่เคยมีบัญชีคริปโตใดๆทั้งสิ้น ไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้เลยขอ “ลาออก” ไปสู้คดีกู้ศักดิ์ศรีนายวรภัคกล่าวต่อว่า ดังนั้นเมื่อผมและภรรยาถูกใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อมูลเท็จ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาและพลังเป็นอย่างมากในการดำเนินคดีทางกฎหมายกับผู้ไม่หวังดี อาจส่งผลกระทบต่อภารกิจหลักของผมในการขับเคลื่อนนโยบายของกระทรวงการคลังให้บรรลุผล จึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลัง เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคลของผมกลายเป็นภาระหรือเงื่อนไขที่อาจกระทบต่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพของรัฐบาล รวมถึงให้ความเป็นอิสระของกระบวนการตรวจสอบ เพราะหากอยู่ในตำแหน่งอาจไม่กล้าตรวจสอบประกาศฟ้องทอม ไรซ์ คนแรกรมช.คลังกล่าวต่อว่า การตัดสินใจลาออกใช้เวลาคิดไม่นานและได้เกริ่นไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว ทั้งได้แจ้งให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ทราบ โดยยื่นหนังสือลาออกอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 ต.ค. ยืนยันว่าไม่ได้ถูกกดดันจากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาไม่เคยมีความทะเยอทะยานในตำแหน่งทางการเมือง ที่เข้ามาเพราะอยากใช้ความรู้ที่มีช่วยเหลือประเทศชาติจริงๆ เมื่อยื่นหนังสือลาออกแล้ว จะได้มีโอกาสรวบรวมข้อเท็จจริงไว้ต่อสู้และจะดำเนินคดีกับผู้ที่บิดเบือน เผยแพร่ข้อมูลเท็จทำให้เสียชื่อเสียง โดยเฉพาะนายทอม ไรซ์ จะถูกฟ้องเป็นคนแรก รวมถึงคนที่นำข้อมูลเท็จมาเผยแพร่ด้วยยอมรับรู้จัก เบนจามิน-เลียก ยิมผู้สื่อข่าวถามว่า รู้จักนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิท และครอบครัวหรือไม่ นายวรภัคตอบว่า ตนกับภรรยารู้จักนายเบนจามินและครอบครัว เนื่องจากลูกเรียนโรงเรียนเดียวกันห้องเดียวกัน ทำให้รู้จักกันในฐานะผู้ปกครอง แต่ไม่เคยมีธุรกรรมร่วมกัน ส่วนนายเลียก ยิม ยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยพูดคุยให้คำปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจธนาคาร ปกติก็ให้คำปรึกษาเรื่องนี้กับหลายธนาคารอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้มีการรับตำแหน่งหรือเงินเดือนจากบีไอซี แบงก์ กัมพูชา ส่วนที่จะมีการเปิดหลักฐานเกี่ยวกับการรับเงินอะไรต่างๆ ขอท้าให้เปิดข้อมูลเอาหลักฐานมายืนยันพร้อมชี้แจง รวมถึงหลักฐานที่กล่าวหาว่าภรรยาถือหุ้นกองทุนในสิงคโปร์ ขอให้นำมายืนยันด้วย ตนไม่เคยและจะไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทุจริต ฉ้อโกง หรือเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติใดๆ ชีวิตการทำงานกว่า 30 ปีของผมอยู่บนหลักความสุจริต โปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคมเร่งสอบเส้นเงินเครือ บ.ปริ้นซ์ กรุ๊ปอีกด้านที่รัฐสภา นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่านายเฉิน จื้อ ผู้ก่อตั้งบริษัท ปริ้นซ์ โฮลดิง กรุ๊ป (ปริ้นซ์กรุ๊ป) มีทรัพย์สินอยู่ในประเทศไทย จึงเชิญเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง. อธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศ สำนักอัยการสูงสุดและตำรวจ มาให้ข้อมูลเส้นทางการเงินบริษัทในเครือของนายเฉิน รวมถึงข่าวมีนักการเมืองไทยมีส่วนเกี่ยวข้องสแกมเมอร์ แม้สถานทูตเกาหลีจะปฏิเสธแต่คิดว่าอาจเป็นเพราะเรื่องมารยาททางการทูตจึงปฏิเสธ หาก กมธ.สืบพบว่ามีทรัพย์สินจะรีบแจ้งให้รัฐบาลดำเนินการโดยเร็ว เพราะหากช้าอาจมีการยักย้ายทรัพย์ออกนอกประเทศเผยคนส่งข้อมูลลับให้ กมธ.ปปง.เพียบ“ทั้งนี้ มีคนส่งข้อมูลทางลับให้ กมธ.จำนวนมาก ตนเห็นว่าไม่ใช่ผลงานของพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะเคยคุยกับนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน มา 2 ครั้ง สัปดาห์ที่ผ่านมาได้คุยกับนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ว่า เราจะตามเส้นทางเงินให้ถึงที่สุด เพราะกระทบกับความมั่นคงของประเทศและประชาชน” ประธาน กมธ.ปปง.สภาฯ กล่าวเชื่อ “เฉิน จื้อ” ซุกทรัพย์ในไทยเมื่อถามว่ามีความล่าช้าของรัฐบาลในการจัดการสแกมเมอร์ นายดนุพรกล่าวว่า ในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ไม่สามารถไปก้าวก่ายงานของรัฐบาลได้ แต่เมื่อมีข้อมูลต้องรีบส่งให้รัฐบาลจัดการโดยเร็ว ยืนยันว่าวันนี้จะทราบผลว่า บริษัทปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กับบริษัทปริ้นซ์กรุ๊ป เป็นบริษัทเดียวกันหรือไม่ ปปง.อาจต้องรับบางเรื่องเพื่อไปตามข้อมูลให้ กมธ. เชื่อว่า บริษัทปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ไม่ใช่บริษัทเดียวที่มีความเกี่ยวพัน แม้บริษัทจะชี้แจงแล้ว แต่บริษัทยอมรับว่าในอดีตเคยลงทุนร่วมกัน การที่ยึดทรัพย์ได้ทั้งที่สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร มูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงเชื่อว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศหนึ่งที่เป็นเป้าหมายในการฟอกเงินก็ได้“ธรรมนัส” ขึงขังแก้ค้ามนุษย์ที่ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯและ รมว.เกษตรฯ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.)ครั้งที่ 3/2568 มีนายอัครา พรหมเผ่า รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ร.อ.ธรรมนัส กล่าวในที่ประชุมว่า สิ่งที่กำลังจะทำในกรอบระยะเวลาที่เหลืออยู่ จะต้องทำทุกอย่างให้เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขปัญหาทั้งการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ เพื่อให้สัมฤทธิผลตามนโยบายที่นายกฯได้วางไว้ ก่อนการประชุม ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ว่าประชาชนรู้อยู่แล้วว่า เวลาตนทำงานเอาจริงเอาจัง เมื่อถามว่าหลายคนคาดหวังอยากให้ไทยดำเนินการเรื่องนี้คล้ายกับเกาหลีใต้ ที่เร่งช่วยเหลือเหยื่อสแกมเมอร์ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า อันนี้เป็นวาระสำคัญที่คาดว่าจะหยิบยกขึ้นมาหารือในที่ประชุมสอบความผิดก่อนรับเป็นคดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ วันเดียวกัน พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการปราบปรามสแกมเมอร์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นายกรัฐมนตรีได้ยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ ว่า ทุกประเด็นที่เป็นข่าว เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบทั้งหมด ได้สั่งการให้นโยบายกับอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ใช้อำนาจตามกฎหมาย พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งเป็นรูปของคณะกรรมการสืบสวนเบื้องต้นก่อนและบูรณาการกับหน่วยงานทุกภาคส่วนเพื่อพิสูจน์ทราบการกระทำความผิด หากพบก็มีอำนาจทางกฎหมายที่จะรับเป็นคดีพิเศษได้และรวมไปถึงการตรวจสอบข่าวที่มี รมต.ไทย ถูกแฉว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งสแกมเมอร์ หากมีพยานหลักฐานว่านักการเมืองกระทำความผิดต้องดำเนินการแน่นอน แต่ตอนนี้ข่าวที่ออกมายังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน อาจมีการเรียกนายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชน ที่เป็นคนออกมาแฉเรื่องนี้ เข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ยึดทรัพย์เฉิน จื้อ รอข้อมูลชัดเจนส่วนการขยายผลตรวจสอบและยึดทรัพย์นายเฉิน จื้อ เจ้าของปริ้นซ์ กรุ๊ป ที่ถูกอายัดไปแล้วในหลายประเทศ และเชื่อว่าน่าจะมีทรัพย์สินอยู่ในไทยด้วย รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า เป็นคดีแรกที่สั่งการไปให้คณะกรรมการสืบสวนตรวจสอบ แต่เนื่องจากดีเอสไอไม่มีข้อมูล ทำให้ต้องประสานรายละเอียดและข้อมูลกับหน่วยงานทั้งใน-ต่างประเทศ ยืนยันว่าหากพบความผิดจะรับเป็นคดีพิเศษทั้งหมด ส่วนที่มีข่าวว่าบริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ตึกซิโน-ไทย ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วและดีเอสไอในรูปของคณะกรรมการจะพิสูจน์เรื่องนี้ต่อ เรื่องการจดทะเบียนบริษัทมีหน่วยงานที่สามารถขอข้อมูลได้ พิสูจน์ข้อเท็จจริงได้ในหลายทาง แต่ต้องขอเวลาในการขอข้อมูลยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนก่อนเผย สตช.ยกระดับ “วอร์รูม” เข้มข้นวันเดียวกัน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตร. (สบ 8) ในฐานะโฆษก ศปอส.ตร.เปิดเผยภายหลังการเรียกประชุมด่วนของ ผบ.ตร.เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ให้ดำเนินการตามปฏิบัติการของนายกรัฐมนตรีที่เรียกประชุมคณะอำนวยการปราบปรามอาชญากรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาล ว่า ขณะนี้สตช.ยกระดับการทำงานของวอร์รูมที่จัดตั้งขึ้น ให้ทำงานร่วมกับธนาคาร ดูแลการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่จัดตั้งศูนย์ฯสามารถระงับการเคลื่อนย้ายเงินออกนอกประเทศได้มากกว่า 40%ยัน ตร.ไทยลุยสแกมเมอร์มาก่อนเมื่อถามถึงการปฏิบัติงานของตำรวจไทยที่ดูเหมือนจะมีความแตกต่างกับทางการเกาหลีใต้ที่ใช้เวลาไม่กี่วันสามารถนำพลเมืองเกาหลีกลับประเทศได้ พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวว่า สิ่งที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ปฏิบัติ ตำรวจไทยเคยทำมาก่อนและมีความพยายามมาโดยตลอด เมื่อเดือน ส.ค.-ก.ย.2567 ตำรวจไซเบอร์และสำนักงานตำรวจแห่งชาติประสานตำรวจกัมพูชาและเดินทางไปกรุงพนมเปญ พูดคุยมอบข้อมูลที่ตำรวจไทยเรียกว่าคดีภูริคาสิโน โดยภูริคาสิโนเป็นที่ตั้งของทั้งคาสิโนและเครือข่ายสแกมเมอร์ ตำรวจไทยสามารถขยายผลออกหมายจับผู้กระทำความผิดทั้งคนไทยและกัมพูชาได้มากกว่า 160 หมายจับ พร้อมมีตำแหน่งที่ตั้งของฐานปฏิบัติการสแกมเมอร์ที่ชัดเจนและนำข้อมูลทั้งหมดประสานกับทางการกัมพูชาที่แจ้งว่าจะมีการปฏิบัติการร่วมกันแฉกัมพูชาเบี้ยวตลอดไม่ร่วมมือพล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า เมื่อทางการกัมพูชาพาตำรวจไทยไปดูอาคารปฏิบัติงานของสแกมเมอร์ พบอาคารมีรั้วรอบขอบชิด มีส่วนของการกักขังและห้องปฏิบัติงานเหมือนที่ตำรวจเกาหลีใต้เจอ แต่หลังจากมีการกำหนดวันที่จะปฏิบัติการเข้าจับกุมและช่วยเหลือ กลับมีการเลื่อนนัดหมายมาโดยตลอดจนเวลาล่วงเลยไปกว่า 1 เดือน ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ไทยกลับประเทศ ก่อนจะมีการนัดหมายใหม่ ส่งผลให้ครั้งนั้นตำรวจไทยต้องกลับบ้านมือเปล่า“ยืนยันว่าตำรวจไทยเดินหน้าปฏิบัติการดังกล่าวก่อนตำรวจเกาหลีใต้และทำอย่างจริงจังเนื่องจากมีหมายจับชัดเจน ระบุรายชื่อบุคคลที่กระทำความผิดไว้ แต่ความร่วมมือที่เราได้รับจากทางการกัมพูชา แตกต่างจากเกาหลีใต้ เรื่องนี้อยู่ที่กัมพูชา ที่จะตัดสินใจให้ความร่วมมือกับไทยเหมือนกับที่ให้กับเกาหลีใต้หรือไม่” พล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวจ่ออายัดทรัพย์ถอนสัญชาติ พัด สุภาภาพล.ต.ท.ไตรรงค์กล่าวอีกว่า สำนักงาน ปปง. มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการอายัดทรัพย์บุคคลในเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นบุคคลสองสัญชาติ เช่น กรณีของ “ออกญา ลี ยงพัด” หรือชื่อไทยว่า “พัด สุภาภา” สว.และนักธุรกิจชาวกัมพูชาเชื้อสายจีนและไทยเกาะกง เจ้าของบริษัท LYP Group เรื่องนี้ นายกฯสั่งการให้ตรวจสอบว่าผิดกฎหมายส่วนใด หากพบมีความผิดจะเพิกถอนสัญชาติ เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีหลักฐานแน่ชัดว่า พัด สุภาภา มีบัตรประชาชนไทย มีชื่ออยู่ในเครือข่ายสแกมเมอร์ รีสอร์ทโอร์เสม็ดคาสิโน ที่อยู่ฝั่งกัมพูชา คาดเกี่ยวข้องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สำนักงาน ปปง.อายัดทรัพย์ พัด สุภาภา เฉพาะในไทยแล้วประมาณ 70 ล้านบาท ส่วนกรณีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา มีการกระจายตัว บางส่วนหลบหนีเข้าไทยพร้อมกับนำชาวเกาหลีใต้ที่ทำงานเข้ามาซุกซ่อนร่วมด้วย โดยทราบข่าวจากสื่อมวลชน แต่การตรวจสอบยังไม่พบข้อเท็จจริงว่านำเข้ามาทางช่องทางใดศาล รธน.ยกคำร้องเจ้าพ่อชเวก๊กโก่วันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องในคดีที่ศาลอุทธรณ์ ส่งคำโต้แย้งของนายแส จิ้นเจียง เจ้าพ่อชเวก๊กโก่ ดินแดนเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ชื่อดังในเมียนมา ที่ถูกจับกุมตามหมายอินเตอร์โพลล์ในประเทศไทยเมื่อปี 2566 และสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องขอให้ส่งตัวนายแส จิ้นเจียง เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำร้องขอของรัฐบาลจีนหลังนายแสถูกกล่าวหาว่าเปิดเว็บไซต์การพนันรวมทั้งบ่อนกาสิโนที่เมียนมา สร้างความเสียหายมากกว่า 150 ล้านหยวน หรือประมาณกว่า 700 ล้านบาท และนายแสได้ยื่นคำร้องคัดค้านการส่งตัวไปยังจีนอ้างว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญไทย ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า การส่งตัวนายแส จิ้นเจียง ที่เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด“รัฐสภาโลก” รับข้อเสนอ “โรม”ที่ศูนย์การประชุมนานาชาติเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 22 ต.ค. ที่ประชุมสมัชชา สหภาพรัฐสภา (ไอพียู) สมัยที่ 151 ได้พิจารณาลงมติรับร่างข้อมติว่าด้วยอาชญากรรมองค์กรข้ามชาติและอาชญากรรมไซเบอร์ และภัยคุกคามแบบผสม ผสานต่อประชาธิปไตยและความมั่นคงของมนุษย์ ที่เสนอโดยผู้แทนรัฐสภาไทยและชาติพันธมิตร ด้วยคะแนนเสียงเกิน 2 ใน 3 ของที่ประชุมไอพียู หรือ 850 เสียง ให้บรรจุเป็นระเบียบวาระเร่งด่วน เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาในระดับโลก โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้เสนอร่างมติดังกล่าวของไทยและชาติพันธมิตรต่อที่ประชุม ว่า การเพิ่มขึ้นของศูนย์หลอกลวงทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้ถูกหลอกลวงนับแสนที่ถูกกักขัง ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สร้างความเสียหายในรูปของตัวเงินมากกว่า 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หากยังนิ่งเฉยองค์กรอาชญากรรมนี้จะขยายตัวต่อไปอยากให้ทุกฝ่ายสร้างความร่วมมือที่ราบรื่นร่วมกัน ที่ประชุมไอพียูพิจารณาแล้วเห็นว่า ร่างข้อมติที่ฝ่ายไทยเสนอเป็นวาระเร่งด่วนที่เกิดขึ้นใหม่ จึงบรรจุเป็นระเบียบวาระเร่งด่วนหนึ่งเดียวในปีนี้ ขณะที่ผู้แทนจากรัฐสภากัมพูชาไม่ได้เข้าร่วมประชุม และไม่ยอมร่วมโหวตในครั้งนี้กัมพูชาลูกเล่นเยอะมาประชุมช้าที่โรงแรมมณีจันท์ รีสอร์ท จ.จันทบุรี วันเดียวกัน มีการประชุม JBC สมัยวิสามัญ วันสุดท้าย นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย เอกอัครราชทูตและที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน ทำหน้าที่เป็นประธาน JBC ฝ่ายไทย ขณะที่ฝั่งกัมพูชา นำโดย นาย ฬํา เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นประธาน ตามกำหนดการประชุมต้องเริ่มเวลา 09.00 น. แต่ต้องล่าช้าออกไปกว่า 2 ชั่วโมง เพราะคณะกัมพูชาเดินทางมาช้าและมาพร้อมคณะสื่อมวลชนกัมพูชาพร้อมขอเปิดห้องด้านในโรงแรมสร้างความสงสัยให้สื่อไทย จากการสอบถามทราบว่าสื่อกัมพูชากลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย จึงขอเปิดห้องรอทำข่าว ขณะที่กองทัพสื่อไทยที่ปักหลักรอทำข่าวอยู่นอกโรงแรม ไม่พบความเคลื่อนไหวหรือท่าทีการหารือของทั้ง 2 ฝ่ายว่าจะไปในทิศทางใด ขณะที่ตามกำหนดการในเวลา 16.30 น. จะเป็นพิธีปิดการประชุม JBC และจะมีการแถลงข่าว แต่จากการล่าช้าของกัมพูชา ทำให้กำหนดการคลาดเคลื่อนออกไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่