สถาบันเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม (INT) มหาวิทยาลัยมหิดล เดินหน้าจริงจังในการเปลี่ยนงานวิจัยจากห้องแล็บสู่สินค้าและบริการที่ใช้ได้จริง พร้อมชี้ว่านวัตกรรมคือทางเดียวที่จะพาไทยหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางรศ.ดร.วิริยะ เตชะรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม (INT) และนายกสมาคมวิชาชีพนักจัดการทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี (AITP) เปิดเผยว่า นวัตกรรมเป็นทางรอดเดียวที่จะพาไทยหลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง ผ่าน 3 กลไกหลัก ได้แก่ บ่มเพาะสตาร์ตอัพจากงานวิจัย, บริหารทรัพย์สินทางปัญญาและถ่ายทอดเทคโนโลยี และสร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมแต่ปัญหาหลักของระบบนวัตกรรมไทยคือ “ช่องว่าง 3 ด้าน” ที่ต้องเร่งปิดให้ได้ ได้แก่ Speed Gap ภาครัฐเคลื่อนไหวช้ากว่าธุรกิจ Purpose Gap นักวิจัยเน้นองค์ความรู้ ขณะที่ธุรกิจมุ่งเชิงพาณิชย์ และ Capability Gap แต่ละภาคส่วนยังไม่เข้าใจภาษาการทำงานของกันและกันทาง INT จึงมุ่งสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมให้ผลงานวิจัยต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้จริง พร้อมได้รับรางวัล Prime Minister’s Award 2025 ด้านพัฒนาทุนมนุษย์ที่ผ่านมาสถาบันได้ผลักดันผลงานวิจัยมหิดลหลายชิ้นสู่ตลาด เช่น E-Nose จมูกอิเล็กทรอนิกส์, แขนเทียมฝึกเจาะเลือด และ Nutriflow อาหารทดแทนผู้สูงอายุ ขณะเดียวกันยังขยายความร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายต่างประเทศ เพื่อยกระดับผลงานไทยสู่ตลาดโลกโดยแนวโน้มสำคัญที่ INT จับตาคือ 3 เทรนด์หลัก AI ใช้อย่างชาญฉลาด, Sustainability เน้นแก้ปัญหาใกล้ตัว และ Longevity & Wellness ที่ต่อยอดจุดแข็งด้านสมุนไพรและนวัตกรรมความงาม“ปัญหาใหญ่ของไทยไม่ใช่เงินหรือคน แต่คือความเชื่อว่าของไทยไม่ดี เราต้องสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมและความมั่นใจในศักยภาพของตัวเอง”.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทความไซเบอร์เน็ต” เพิ่มเติม