ฝนถล่มเชียงใหม่ น้ำป่าทะลัก ลงน้ำตกแม่สา กระแสน้ำไหลเชี่ยว อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ต้องปิดเที่ยวน้ำตกชั่วคราว หวั่น นักท่องเที่ยวไม่ปลอดภัย ส่วนเนินมะปราง จ.พิษณุโลก น้ำคลองน้ำปาดเอ่อท่วมโรงเรียน วัด บ้าน จมบาดาลกว่า 200 หลัง ขณะที่สถานการณ์จังหวัดลุ่มเจ้าพระยายังน่าห่วง ล่าสุดน้ำเพิ่มสูงขึ้น แถมชาวบ้านต้องทนทุกข์อยู่กับน้ำเน่าเสีย ชาวบางบาลวอนรัฐแก้ปัญหาให้ดีกว่านี้ไม่ใช่ปล่อยน้ำขังยาวนานแบบนี้สถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดยังไม่คลี่คลาย โดยเมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ จ.เชียงใหม่ เกิดฝนตกหนักในหลายอำเภอตั้งแต่กลางดึกยันรุ่งเช้า ส่งผลให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำสายหลักและลำน้ำสาขาต่างๆเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะ อ.แม่ริม น้ำป่าบนดอยสูงไหลหลากลงสู่น้ำตกแม่สา ต.แม่แรม อ.แม่ริม เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยได้ออกประกาศปิดน้ำตกแม่สาชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากปริมาณน้ำมากและไหลแรง เกรงว่าอาจเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ที่ จ.แม่ฮ่องสอน นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ นายก อบต.แม่สามแลบ อ.สบเมย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนเคลียร์เส้นทางถนนสายบ้านกอมูเดอ-กลอเซโล หลังเกิดเหตุดินสไลด์ทับเส้นทางการจราจร รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปชมทะเลหมอกกลอเซโลติดค้างบนยอดดอย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถเปิดเส้นทางให้รถวิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ฝากเตือนนักท่องเที่ยวและผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวเพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง เนื่องจากในพื้นที่ยังมีฝนตกต่อเนื่อง อาจเกิดเหตุดินสไลด์ได้ตลอดเวลาส่วนที่ จ.พิษณุโลก ฝนตกหนักบนเทือกเขารักไทย ต.ชมพู อ.เนินมะปราง น้ำป่าไหลบ่าลงคลองน้ำปาดเข้าท่วมหมู่บ้านเชิงเขาบ้านน้ำปาด หมู่ 2 ต.ชมพู บ้านเรือนประชาชน วัดน้ำปาด และโรงเรียนบ้านน้ำปาด ที่ตั้งอยู่ริมถนนสายพิษณุโลก-เนินมะปราง ถูกน้ำท่วมสูงประมาณ 1.5 เมตร ขณะที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 200 ครัวเรือน เจ้าหน้าที่ อบต.ชมพูร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอเนินมะปรางและหน่วยกู้ภัยพิษณุโลก ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน เด็ก ผู้ป่วย และผู้สูงอายุออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยขณะที่สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ล่าสุดสถานีวัดน้ำ C.2 อ.เมืองนครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,685 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากวันก่อน หลังเกิดฝนตกหนักในจังหวัดทางภาคเหนือช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่วนเขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท ยังคงระบายน้ำในอัตรา 2,300 ลบ.ม./วินาทีเป็นวันที่ 7 เพื่อช่วยลดผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อน อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าน้ำจะเริ่มลดลงบ้างแล้ว แต่ระดับน้ำยังท่วมสูงและหลายพื้นที่น้ำขังนานจนเริ่มเน่าเสียเป็นสีเขียวส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วนายมนตรี คุ้มเขตร์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลโพนางดำออก อ.สรรพยา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่อยู่ภายในคันดินกั้นน้ำ ทำให้น้ำไม่สามารถถ่ายเทออกไปได้สะดวก จนเริ่มเน่าเสีย ล่าสุดได้แก้ปัญหาด้วยการระดมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่จาก อบจ.ชัยนาท กรมชลประทาน และสำนักงาน ปภ.ชัยนาท ร่วมกับเครื่องสูบน้ำของเทศบาลตำบลโพนางดำออกที่มีอยู่ 4 เครื่อง รวมเป็น 15 เครื่องเร่งสูบน้ำเน่าเสียที่ท่วมขังบ้านเรือนประชาชนออกโดยเร็วที่สุด คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วันที่ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ชาวบ้านในพื้นที่ 16 ตำบล 101 หมู่บ้าน กว่า 6,200 ครอบครัวยังคงได้รับผลกระทบจากแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยเอ่อท่วมบ้านมานานกว่า 2 เดือน ล่าสุดน้ำยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง เส้นทางการสัญจรถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง ต้องใช้เรือแทนรถ นางสำรวย สุขโชติ อายุ 64 ปี ชาวบ้าน ต.กุ่ม อ.บางบาล เผยว่าทุกวันนี้ชาวบ้านรู้สึกเครียดมากและเหนื่อยล้าที่ต้องสู้กับน้ำมานาน ไม่รู้ว่าน้ำจะลดเมื่อไหร่ ส่วนเงินเยียวยาครอบครัวละ 9,000 บาท ที่จะได้รับคงไม่พอใช้จ่าย อยากให้รัฐบาลบริหารจัดการน้ำให้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ปล่อยน้ำท่วมยาวนานแบบนี้อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่