“ทรัมป์” วาดหวังเป็นกาวใจไทย-กัมพูชา เตรียมเข้าร่วมพิธีลงนามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชาในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 วันที่ 26-28 ต.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ขณะที่ทำเนียบขาวยังไม่ยืนยัน นายกฯปัดตอบปมเกาหลีใต้ขู่ปราบสแกมเมอร์กัมพูชาด้วยกำลังทหาร ส่วนเรื่องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของชาวกัมพูชาที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดิน ชี้กองทัพมีอำนาจเต็มที่ในการปฏิบัติการ “สีหศักดิ์” เผยบินมาเลเซียถก 4 ฝ่าย แก้ปมปัญหาไทย-กัมพูชา เป็นไปด้วยดี รอปรึกษารัฐบาล ย้ำข้อเสนอ 4 ประเด็น ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดตรวจพบเพิ่มอีก 2 ทุ่นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จนถึงขณะนี้รวมเก็บได้ 9 ทุ่นแล้ว ทหาร-ตำรวจ-ปกครองพร้อมลุยทวงคืนอธิปไตยไทยรอแค่คำสั่ง ผบ.ตร.ส่ง บช.ภ.2 ขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการหลอก 11 คนไทยไปทำงานประเทศเพื่อนบ้าน ให้ตำรวจไซเบอร์ตรวจสอบเพจหางานผิดกฎหมายกัมพูชางานเข้าหลังรัฐบาลเกาหลีใต้ออกมาเรียกร้องให้กัมพูชาส่งตัวชาวเกาหลีที่ถูกลักพาตัวในกัมพูชากลับประเทศโดยเร็วที่สุด ขณะที่ สส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเกาหลีใต้เกิดความโกรธจัด ถึงขั้นเรียกร้องให้มีการใช้กำลังทหารตอบโต้เหตุลักพาตัวในกัมพูชาหากมีความจำเป็น พร้อมเตือนประชาชนงดท่องเที่ยวกัมพูชาเพราะเสี่ยงถูกแก๊งค้ามนุษย์ลักพาตัวสูงเมื่อวันที่ 14 ต.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีเกาหลีใต้ประกาศยกระดับพิเศษเตือนประชาชนไม่ให้เดินทางไปประเทศกัมพูชา หลังนักศึกษาเกาหลีถูกแก๊งโหดทรมานจนเสียชีวิตและให้ส่งตัวชาวเกาหลีที่ตกเป็นเหยื่อสแกมเมอร์กลับประเทศ ว่า เรื่องปราบสแกมเมอร์ ไทยมีเงื่อนไขที่ขอให้เขาปฏิบัติเรื่องนี้ อยู่ในเงื่อนไขของประเทศไทย เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่เกาหลีใต้ขู่ถึงขั้นใช้กำลังทหารเรื่องการปราบสแกมเมอร์ในกัมพูชา จะทำให้การกดดันการปราบสแกมเมอร์สำเร็จมากขึ้นได้หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราก็มีอธิปไตยของเรา จะมายุ่งอะไรกับอธิปไตยของเราเมื่อถามว่านายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ บอกว่านายกฯเน้นย้ำในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี 4 ประเด็นในการไปคุยกับกัมพูชาที่มาเลเซีย นายอนุทินกล่าวว่า ก็ 4 ประเด็นที่เคยบอกไป ถ้า 4 ประเด็นนี้ได้รับการตอบสนองก็จะทำให้ภัยที่มีผลต่อความมั่นคงของไทยลดลง ส่วนที่นักวิชาการกังวลเรื่องการเปิดเสียงหลอนและกัมพูชาจะเอาไปฟ้องประชาคมโลก นายอนุทินกล่าวว่าไม่ทราบ ส่วนที่กองทัพภาคที่ 1 ใช้เครื่องจักรในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเขตแดนไทยนั้น การตัดสินใจต่างๆกองทัพมีอำนาจเต็มที่ รัฐบาลให้การสนับสนุนการตัดสินใจของกองทัพผู้สื่อข่าวถามอีกว่า รมว.กลาโหมกัมพูชาบอกว่า การเปิดเสียงรบกวนเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรงจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯไทยก็มองว่าระเบิดที่เข้ามา จรวดที่ยิงเข้ามาในเขตไทยจากฝั่งกัมพูชา เป็นการทำอันตรายกับประชาชนคนไทย โดรนที่บินเข้ามาในเขตไทย นายกฯไทยก็มองว่าเป็นสิ่งที่ละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยเมื่อถามว่าจะตีความได้ว่ารัฐบาลไฟเขียวให้ทำหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่ทราบ ทุกคนต้องทำตามกฎหมาย เราต้องใช้กฎหมายเป็นตัวกำหนด เมื่อถามว่ากระแสแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีบางคนไม่ค่อยถูกใจจะมีการให้กำลังใจในการทำงานอย่างไรบ้าง นายอนุทินกล่าวว่า เราต้องให้กำลังใจทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ ข้าราชการ ฝ่ายปกครอง พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีข้อพิพาทต้องให้กำลังใจ สนับสนุนทุกอย่างให้เขาสามารถทำงานได้ ให้เขานำชัยชนะปกป้องประชาชนได้ ปกป้องอธิปไตยได้ เมื่อถามถึงกรณีนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง เปิดเสียงหลอนในพื้นที่ชายแดน นายกฯไม่ตอบคำถามดังกล่าวด้านนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา หลังกลับจากเดินทางเยือนมาเลเซียและร่วมประชุม 4 ฝ่าย ระหว่างมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา ไทยและกัมพูชา หารือแก้ปัญหาไทย-กัมพูชา ว่า การหารือเป็นไปด้วยดี แต่ละฝ่ายจะกลับมาปรึกษารัฐบาล ได้รายงานให้นายกฯรับทราบแล้ว จากการไปประชุมครั้งนี้ถือว่ามีความคืบหน้า แต่ประเด็นคือต้องมาดูจะปฏิบัติอย่างไรและจะมีการประชุมฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างๆ สิ่งที่พูดคุยกันจะปรากฏผล เมื่อถามว่าเราจะยังคงยืนยันข้อเสนอ 4 ประเด็นในการพูดคุยวงประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (GBC) ต่อหรือไม่ นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เหมือนเดิม เราคุยตามนั้นและต้องนำไปหารือในที่ประชุม JBC ด้วย เมื่อถามถึงกรณีที่มีคนไทยถูกจับในกัมพูชา นายสีหศักดิ์กล่าวว่า เป็นไปตามขั้นตอน ถ้าเราคุยกันคืบหน้าผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กรณีมวลชนกัมพูชาชุมนุมประท้วงขัดขวางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยขณะวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่เป็นเขตอธิปไตยไทย เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยต้องใช้มาตรการสากลเข้าควบคุมระงับเหตุ เมื่อวันที่ 13 ต.ค. มีการให้ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง สนธิกำลังซักซ้อมฝึกทบทวนทักษะ ยุทธวิธีการปราบจลาจล เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ เตรียมรับมือเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวและความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในการควบคุม กระจายกำลังและจับกุมหากมีการทำร้ายเจ้าหน้าที่และก่อความวุ่นวาย หรือมีอาวุธ โดยการปฏิบัติดังกล่าวมีความพร้อม รอเพียงคำสั่งวันในการปฏิบัติการผลักดันเท่านั้นขณะที่บรรยากาศบริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ตั้งแต่ช่วงเช้ามืดวันที่ 14 ต.ค. มีฝนตกโปรยปรายลงมาต่อเนื่อง บรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ค่อนข้างเงียบสงบ ถนนสายหลักในหมู่บ้านมีเพียงรถทหารและชาวบ้านบางส่วนสัญจรไปมา ในพื้นที่ไม่มีกลุ่มมวลชนชาวกัมพูชาออกมารวมตัวหรือเคลื่อนไหวบริเวณแนวชายแดนเหมือนเคย คาดว่าอาจได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่มีฝนตกตั้งแต่เช้า ส่วนฝั่งกัมพูชามีทหารประจำจุดเดิมในพื้นที่ตรงข้ามบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้วและคอยถ่ายภาพฝั่งไทยรายงานสถานการณ์ไปยังผู้บังคับ บัญชาเพื่อเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของไทยนอกจากนี้ เมื่อตอนสายวันที่ 14 ต.ค. เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นตรวจพบทุ่นระเบิดในพื้นที่ปฏิบัติการบ้านหนองหญ้าแก้ว เป็นระเบิดสังหารบุคคล 2 ทุ่นและทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดสะเก็ดระเบิด POMZ-2 อีก 1 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน ไม่ห่างกันตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดสะเก็ดระเบิด POMZ-2 อีก 1 ทุ่น สภาพพร้อมทำงาน ทั้งนี้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้งหมดตามขั้นตอนเรียบร้อย การลงพื้นที่เก็บกู้ทุ่นระเบิดตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.-14 ต.ค.ในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลรวม 9 ทุ่น ชนิดระเบิดอยู่กับที่ PMN สภาพพร้อมใช้งาน 6 ทุ่น ชนิดระเบิดอยู่กับที่ MN 79 สภาพพร้อมใช้งาน 1 ทุ่น ชนิดสะเก็ดระเบิด POMZ-2 สภาพพร้อมใช้งาน (หากติดตั้งลวดสะดุด) จำนวน 2 ทุ่นวันเดียวกัน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น. และรองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณี สภ.อรัญ ประเทศ จ.สระแก้ว ได้รับแจ้งว่ามีผู้ขอความช่วยเหลือหลังถูกหลอกลวงว่าจะพาไปทำงานที่กัมพูชา ถูกกักขังอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งที่ ต. ฟากห้วย อ.อรัญประเทศ ร่วมกับทหารกองกำลังบูรพาเข้าให้การช่วยเหลือพบเป็นคนไทย 11 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 4 คน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กำชับให้ตำรวจภูธรภาค 2 เร่งรัดสืบสวนขยายผล จับกุมผู้กระทำผิดกับผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด พร้อมมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ตรวจสอบเพจหางานและช่องทางออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงแรงงาน ป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์และขบวนการคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติพล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า จากการสอบถามเบื้องต้นผู้เสียหายทั้งหมดให้การตรงกันว่า สมัครงานผ่านเพจหางานในสื่อสังคมออนไลน์ ที่โฆษณาชักชวนให้ไปทำงานในกัมพูชา ระบุรายได้เดือนละประมาณ 20,000-25,000 บาท ด้วยความอยากมีงานทำจึงติดต่อไป แล้วเดินทางไป อ.อรัญประเทศ มีชายไทยขับรถกระบะมารับตามจุดนัดหมายต่างๆ แล้วพามาพักรวมกันที่บ้านหลังหนึ่ง อ้างว่ารอเดินทางข้ามไปทำงานที่ฝั่งกัมพูชา ระหว่างรอมีผู้เสียหายคนหนึ่งเกิดความสงสัยว่าเมื่อไปถึงกัมพูชาแล้ว จะได้ทำงานจริงหรือไม่ เกรงว่าจะถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงโทรศัพท์ติดต่อญาติให้แจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจ ตำรวจจึงประสานกับทหารกองกำลังบูรพาเข้าให้การช่วยเหลือได้ทัน ก่อนทั้งหมดจะถูกพาออกนอกพื้นที่ ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการสมัครงานผ่านเพจหรือช่องทางออนไลน์ที่ไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน หรือมีข้อเสนอรายได้สูงเกินจริง เพราะอาจเป็นช่องทางที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศทางด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเข้าร่วมในพิธีลงนามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยและกัมพูชา หรือที่เรียกว่า “ข้อตกลงกัวลาลัมเปอร์” ช่วงระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 วันที่ 26-28 ต.ค. ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นายทรัมป์มีส่วนในการเจรจาข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา เมื่อเดือน ก.ค.หลังทั้ง 2 ประเทศเกิดการปะทะกันเป็นเวลา 5 วัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 48 คน ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพลเมืองทั้งสองประเทศ ขณะที่ทำเนียบขาวสหรัฐฯยังไม่ยืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนของนายทรัมป์ แต่แหล่งข่าวในทำเนียบขาวระบุว่าผู้นำสหรัฐฯมีแผนเข้าร่วมประชุมอีกด้านที่ห้องประชุมชั้น 11 อาคารอัครราชกุมารี รพ.จุฬาภรณ์ เมื่อเช้าวันที่ 14 ต.ค. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีฯ พระราชทานพระวโรกาสให้คุณหญิงจรัสศรี ทีปิรัช รองประธานสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ฝ่ายบริหารและผู้อำนวยการสำนักองค์ประธาน นำ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. และคณะเข้าเฝ้ารับพระราชทานพระนโยบาย โครงการให้การสนับสนุนการก่อสร้างต่างๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤติความมั่นคงปลอดภัยบริเวณพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา สนองพระปณิธาน ตามที่มีพระดำริให้จัดตั้ง “กองทุนหทัยทิพย์” ภายใต้มูลนิธิจุฬาภรณ์ขึ้นเพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรม หรือโครงการสาธารณะประโยชน์ในด้านต่างๆ ภายใต้การบริหารจัดการของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯโอกาสนี้ พระราชทานพระนโยบายให้ “กองทุนหทัยทิพย์” สนับสนุนกองทัพบกในการจัดสร้างที่มั่นกำบัง (บังเกอร์) ให้กำลังพลที่ฐานปฏิบัติการ สร้างหลุมหลบภัย เพื่อใช้เป็นพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ประชาชน ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน เป็นการดำเนินการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อดูแลความปลอดภัยของทั้งกำลังพลและประชาชนในพื้นที่ชายแดน สำหรับใช้เป็นต้นแบบในห้วงแรกนี้พล.อ.พนาได้กราบทูลรายงานถึงแนวทางการดำเนินงานของกองทัพบกที่ได้น้อมนำพระนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการจัดตั้งคณะทำงานโครงการสนับสนุน “กองทุนหทัยทิพย์” กองทัพบก และยังกราบทูลรายงานเพิ่มเติม ถึงแนวทางการก่อสร้างรั้วบริเวณพื้นที่ชายแดน ตามที่กองทุนหทัยทิพย์ได้ให้ความสำคัญและเห็นควรให้การสนับสนุนการสร้างรั้วกำแพงและบังเกอร์ กองทัพบกพร้อมสนับสนุนกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งจะเป็นหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบหลักตามมติสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมและวางแผนการดำเนินงานอย่างรอบด้าน ซึ่งมีการสำรวจความต้องการในพื้นที่พบว่า มีความจำเป็นเร่งด่วนในการจัดสร้างที่มั่นกำบัง (บังเกอร์) และจัดสร้างหลุมหลบภัยในระยะแรกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่