ร่างแก้รัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ “ประชาชน-เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” เส้นทางฉลุย ส่อผ่านวาระแรก สว.ส่งสัญญาณเติม 67 เสียง ช่วยรับหลักการ ตัวตึง “อลงกต” บอกให้รับร่างไปก่อนให้กระบวนการเมืองเดินหน้าได้ ห่วงหาก สว.คัดค้านเจอถล่มขวางลำแก้รัฐธรรมนูญ พรรคประชาชน ตั้ง 20 ขุนพล ชูธง 3 ประเด็น เดินหน้าปลดล็อกรัฐธรรมนูญปี 2560 “นายกฯหนู” ลงพื้นที่เร่งดับไฟใต้ อธิษฐานขอพร แช่งคนที่ไม่หวังดีต่อประเทศให้พินาศ เพื่อไทยแซะ “อนุทิน” ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม-แก้ไฟใต้ แค่ฉากบังหน้า ฉะเดินสายแก้ปัญหาประชาชนแฝงหาเสียง หวังดูด สส.พรรคอื่นสะสมกำลังพลเพิ่มการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ของพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย เพื่อจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่จะพิจารณาวาระรับหลักการในที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 14-15 ต.ค. มีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ภายหลังจาก สว.ส่งสัญญาณสนับสนุนจะให้ความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 3 ฉบับในวาระแรกสว.จ่อรับร่างแก้ไข รธน.3 ฉบับเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 ต.ค. นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. ในฐานะโฆษกกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) กล่าวถึงการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับ ในที่ประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 14-15 ต.ค.ว่า ได้อ่านหมดแล้วทั้ง 3 ร่าง การพิจารณารับหลักการวาระ 1 คงรับทุกร่าง เพราะแต่ละร่างมีข้อดีข้อเสีย จะบอกร่างใดดีทั้งหมดแล้วเอาไปใช้เลยไม่มี ต้องนำมาพูดคุยกันทั้ง 3 ร่างในวาระที่ 2 ว่า จะเอาส่วนดีของร่างใดมา พิจารณา เหมือนกับการพิจารณากฎหมายทั่วไป มั่นใจว่า ทั้ง 3 ร่างจะผ่านวาระที่ 1 เพราะใช้เสียงสว.แค่ 1 ใน 3 หรือ 67 เสียง ถือว่าไม่เยอะ คิดว่าน่าจะผ่านวาระ 1 ได้ทั้ง 3 ร่างยังข้องใจเนื้อหาฉบับ ปชน.นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ส่วนร่างพรรคประชาชนนั้น ยังติดใจเรื่องแก้หมวด 1 หมวด 2 ที่ส่วนตัวไม่เห็นด้วย อีกประเด็นคือ การเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเจน ห้ามเลือกโดยตรงจากประชาชน ในร่างพรรคประชาชนมี 2 ประเด็นนี้เป็นหลักที่ติดใจ แต่ประเด็นอื่นที่ดีอาจเอามาใช้บ้าง ส่วนตัวจึงรับทั้ง 3 ร่างก่อน แล้วมาพิจารณาว่าจะใช้ร่างใดบ้าง ส่วนรายชื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญของวุฒิสภาที่ยังมีปัญหานั้น เบื้องต้นกำหนดให้ กมธ. พัฒนาการเมือง การมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้โควตาก่อน 1 คน จาก 12 คน ที่เหลืออีก 11 รายชื่อ ให้นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ในฐานะเลขานุการวิปวุฒิสภา จับสลากจาก 20 กมธ.ของวุฒิสภาแย้มอาจมีร่างแก้ไขฉบับ 4นายอลงกต วรกี สว. กล่าวถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 ฉบับวาระแรก ในวันที่ 14-15 ต.ค.ว่า การพิจารณาครั้งนี้คือขั้นตอนรับหลักการ ถ้า สว.ไม่รับจะเกิดอะไรขึ้น สังคมจะประณามหรือไม่ เพราะหลายพรรคการเมืองหาเสียงจะแก้รัฐธรรมนูญที่ต้องใช้เสียง สว.สนับสนุน แต่ศาลรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนให้ทำประชามติ ดังนั้นกระบวนการเห็นชอบในหลักการน่าจะไม่ใช่ปัญหา เพราะแค่เห็นชอบในหลักการ แต่ไม่ได้เห็นชอบเนื้อหา เพราะยังไม่เห็นรายละเอียด จึงไม่รู้ ส.ส.ร.จะเอาทั้ง 3 ร่างมาใช้หรือไม่ แต่โดยสรุปน่าจะรับหลักการให้แก้ไข เพื่อไปสู่กระบวนการวาระ 2 ให้การแก้ รัฐธรรมนูญเดินหน้าได้ แต่เนื้อหาจะเป็นอย่างไรอยู่ที่ ส.ส.ร. อาจจะดึงร่างมาใช้ 1 ใน 3 ร่าง หรือ 2 ใน 3 ร่างมาใช้ หรือร่างขึ้นมาใหม่ ขึ้นอยู่กับ ส.ส.ร. เพราะ ส.ส.ร.ไม่ได้เป็นคนเสนอ 3 ร่างนี้ ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีร่างที่ 4 แต่ถ้าไม่รับหลักการ จะถูกกล่าวหา สว.ขวางลำอีกแล้วรับหลักการก่อนให้เดินต่อได้นายอลงกตกล่าวว่า ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 14-15 ต.ค. จะอภิปรายว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญควรมีธงไปทางไหน และตั้งคำถามรัฐธรรมนูญปัจจุบันแก้ปัญหายาเสพติด ปัญหาหนี้สิน การฮั้วแก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ รวมถึงรัฐธรรมนูญจะทำให้คนมีความรู้สึกว่า มีหน้าที่มากขึ้นหรือมีคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจ สังคมดีขึ้นหรือไม่ จะมองทุกมุม จะพูดเรื่องพวกนี้มากกว่าบอกว่าร่าง 1 ร่าง 2 ร่าง 3 เป็นอย่างไร และเป็นรัฐธรรมนูญที่จะออกมาตอบโจทย์เศรษฐกิจ สังคม การเมืองไทยหรือไม่ ถ้าไม่ตอบโจทย์แล้วจะมีประโยชน์อะไร แต่จะขอรับหลักการไปก่อน ให้เข้าไปสู่โหมดการตั้ง ส.ส.ร.ให้การเมืองเดินหน้าได้รอตกลงใช้ฉบับใดเป็นร่างหลักนายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมการอภิปรายวาระแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติม ในการประชุมร่วมรัฐสภา วันที่ 14-15 ต.ค.ว่า เบื้องต้นผู้อภิปรายพรรคเพื่อไทยได้วางเนื้อหาและข้อมูล แต่คงจะมีการวางเส้นเรื่องอีกครั้งว่า ใครจะอภิปรายประเด็นใด ให้ร้อยเรียงกัน ส่วนจะอภิปรายเน้นหนักไปเรื่องใดมากที่สุดนั้น ได้วางไว้หลายแบบ หลักๆที่ต้องคุยกันคือ วิธีการเลือกกลุ่มที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็ได้วางเผื่อไว้ว่าอาจจะต้องไปถึงการอภิปรายเพื่อชี้แจงด้วยว่ามีปัญหาอย่างไร ทำไมต้องแก้ เมื่อถามว่า เบื้องต้นได้คุยกันหรือไม่ว่า ใน 3 ร่าง ได้แก่ พรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย จะเอาร่างพรรคใดเป็นร่างหลัก นายศรัณย์ตอบว่า ได้พูดคุยกัน แต่อาจต้องดูหน้างานกันอีกครั้ง คิดว่าทุกพรรคมั่นใจในร่างของตัวเอง ทุกคนอยากให้เริ่มด้วยการเห็นไปด้วยกันในระดับหนึ่ง จึงต้องคุยกับตัวแทนแต่ละพรรคอีกครั้งปชน.ตั้ง 20 ขุนพลหนุนแก้ รธน.นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวว่า มี สส.พรรคประชาชนยื่นความจำนงขออภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประมาณ 30 คน คณะกรรมการกิจการสภาพรรคประชาชน กำลังพิจารณาจะมีผู้ใดเป็นผู้อภิปรายบ้าง แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ 1.ความสำคัญการแก้รัฐธรรมนูญคืออะไร 2.กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญให้เชื่อมโยงกับประชาชนมากที่สุด มีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน เป็นผู้อภิปรายหลัก 3.อธิบายข้อสงสัยต่างๆ รูปแบบ ส.ส.รในร่างพรรคประชาชน ให้เกิดความมั่นใจจะได้ผู้ยกร่างที่มีความหลากหลาย ไม่ถูกเรียกเป็นสีต่างๆ และอธิบายข้อสงสัยการแก้รัฐธรรมนูญจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ จำนวนผู้อภิปรายทั้งหมด น่าจะอยู่ที่ 20 คน ตามกรอบเวลา 3 ชั่วโมง ที่พรรคประชาชนได้ ส่วนพรรคประชาชนจะโหวตให้ร่างแก้ไขทั้ง 3 ฉบับหรือไม่ อยู่ระหว่างพูดคุยกับพรรคร่วมฝ่ายค้าน และพรรคการเมืองทั้งหมด ในแง่หลักการ ร่างพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทย และพรรคภูมิใจไทย ไม่แตกต่างกันมากคือ ปลดล็อกการแก้รัฐธรรมนูญ แต่มีความแตกต่างในรายละเอียด อยากให้โหวตครั้งเดียว เพื่อรับหลักการทั้ง 3 ร่างด้วยซ้ำ แต่หากเสนอให้โหวตแยกร่าง พรรคประชาชนอยากสนับสนุนทุกร่าง เพราะเป็นชั้นรับหลักการ ส่วนรายละเอียดเป็นกระบวนการที่กรรมาธิการต้องไปพิจารณาอีกครั้งตีกันคนนอกนั่ง กมธ.วิสามัญฯนายณัฐวุฒิกล่าวว่า ส่วนท่าทีของ สว.นั้น เท่าที่คุยกับ สว. ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไขครั้งนี้ แต่บางคนยังเห็นต่างในรายละเอียด ยังบอกทิศทางไม่ได้ สว.จะเห็นไปในลักษณะใด หากมีการตั้งคำถามถึงร่างพรรคประชาชน พร้อมอธิบายให้ สว.สบายใจ ส่วนรายชื่อบุคคลที่จะเข้าไปเป็น กมธ.วิสามัญฯนั้น พรรคกำลังพิจารณาอยู่ แต่นายพริษฐ์คงเป็นคนหนึ่งที่เข้าไปผลักดันในชั้น กมธ.ด้วย บางพรรคให้ข่าวจะทาบทามนักวิชาการ จึงขอเรียนว่า เงื่อนไขรัฐธรรมนูญระบุชัดเจนว่า กมธ.วิสามัญที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ต้องเป็นสมาชิกรัฐสภาเท่านั้น ไม่สามารถให้คนนอกเป็น กมธ.ได้ นอกจากมาเป็นที่ปรึกษา“นายกฯ” ลงพื้นที่เร่งดับไฟใต้ด้านภารกิจของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้ลงพื้นที่ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เพื่อเป็นประธานประชุมฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ติดตามแก้ปัญหาเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ที่มีการก่อเหตุถี่และรุนแรงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา โดยให้นโยบายการทำงานแก่เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ ให้ทำงานเต็มความสามารถ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมกับเดินทางไปเยี่ยมกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ จ.สงขลาแช่งคนไม่หวังดี ปท.ให้พินาศผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้นภารกิจในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนเดินทางกลับ กทม.ได้แวะไหว้พระที่วัดมหัตตมังคลาราม (วัดหาดใหญ่ใน) ตามคำเชิญนายมณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สักการะองค์พระพุทธมหัตตมงคลที่เป็นพระนอน จากนั้นได้ปิดทองหัวใจพระนอน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและคณะ โดยนายอนุทินกล่าวว่า อธิษฐานขอพรให้ประเทศไทยมีชัยชนะ ต่อผู้ไม่ประสงค์ดี ทั้งเรื่องสถานการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้และทุกอย่าง ใครไม่หวังดีกับประเทศไทยต้องพินาศ เมื่อถามว่าได้ขอพรให้พรรคภูมิใจไทยได้ สส.ยก จ.สงขลาหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไม่ได้ขอพรเรื่องการเมือง จากนั้นเจ้าอาวาสวัดหาดใหญ่มอบ “พระกริ่งมหาราชมหาราชราชา” สร้างพลับพลา 2 มหาราช ปี 2568 พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกับคณะ ก่อนที่นายกฯจะมาไหว้สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อความเป็นสิริมงคล เจ้าอาวาสให้พรขอให้มีแรง มีฤทธิ์ มีกำลัง ขอให้โชคดีแซะนายกฯลงพื้นที่แค่ฉากบังหน้านายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ อดีตโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ว่า ไม่อยากให้ทำแบบฉาบฉวย เทกแอ็กชันขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นั่งหัวโต๊ะสั่งการส่วนราชการ ร้องเพลง ทำกับข้าว ไปจังหวัดหนึ่งไม่กี่นาที แล้วไปอีกจังหวัด การไปจังหวัดต่างๆเหมือนมีผลประโยชน์การเมืองแอบแฝงหรือไม่ อ้อนชาวบ้านเลือกพรรคตัวเองทั้งที่ยังไม่เข้าสู่ฤดูกาลหาเสียง ไม่อยากเห็นการลงพื้นที่ช่วยประชาชนเป็นฉากบังหน้า แต่ลึกๆหวังประโยชน์การเมืองส่วนตัว เช่นเดียวกับการลงพื้นที่ติดตามความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ ไม่ต้องไปหยอดคำหวานให้ สส.สงขลา หรือ สส.ภาคใต้ต่างพรรค ก่อนหน้านี้มีข่าวจะร่วมทานข้าวกับนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยกเลิก สะท้อนนัยการเมืองแอบแฝง ไม่อยากเห็นการใช้กลไกรัฐส่งสัญญาณเจ้าหน้าที่ว่า รอบหน้าต้องสนับสนุนใคร อย่าใช้เวลา 4 เดือน เช็กเรตติ้งหาเสียง วางมัดจำทำสัญญาใจล่วงหน้า เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองฉะเดินสายหวังดูด สส.ร่วมทีมนายพร้อมพงศ์กล่าวว่า ส่วนพรรคส้มที่ค้ำยันรัฐบาลภูมิใจไทย ไม่รู้สึกว่าข้อตกลงเอ็มโอเอเป็นกระดาษเปื้อนหมึก พรรคภูมิใจไทยสะสมกองกำลัง เดินสายหยอดคำหวาน ชวน สส.มาร่วมงาน เปิดตัวเอิกเกริก แต่ยังนิ่งเงียบ หรือยังภูมิใจ ใครจะดูดก็ดูดไป แต่อย่ามาดูดพรรคสีส้มกลายเป็นพันธมิตรการเมืองทั้งฤดูกาลนี้และฤดูกาลหน้าหรือไม่ มีดีลลับ สัญญาใจนอกเหนือเอ็มโอเอหรือไม่ ทำแฟนคลับผิดหวังท่าทีพรรคที่ยึดมั่นอุดมการณ์ แต่เหตุใดถึงเปลี่ยนไปมากเพียงนี้ “ลุงป้อม” ทอดกฐิน 2 วัดกรุงเก่าเมื่อเวลา 09.00 น. จ.พระนครศรีอยุธยาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมคณะ เดินทางเป็นประธานพิธีทอดกฐินสามัคคีที่วัดเกาะแก้ว และวัดโพธิ์เผือน จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้ง 2 วัดถือเป็นวัดประจำที่ พล.อ.ประวิตรมาร่วมทอดกฐินเป็นประจำทุกปี ปีนี้มียอดจตุปัจจัยรวม 2.1 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนบูรณะศาสนสถานและพัฒนาชุมชน โดย พล.อ.ประวิตรถวายกฐินพร้อมน้อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และอุทิศส่วนกุศลให้คุณแม่สายสนี วงษ์สุวรรณ มารดาผู้ล่วงลับ พร้อมพูดคุยกับประชาชนที่มาร่วมงานอย่างอบอุ่น และสอบถามถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ แสดงความห่วงใยต่อผู้ได้รับผลกระทบ โดย พล.อ.ประวิตรยืนยันว่า พรรคพร้อมสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเต็มที่ เชื่อรัฐบาลมีมาตรการรองรับ และบริหารจัดการน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน พร้อมขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิด