สุโขทัยยังอ่วมหนัก น้ำยมทะลัก ท่วมขยายวงกว้าง จมบาดาลไปอีก หลายชุมชน ถนนหนทางหลายสายถูกตัดขาด พิษณุโลกลุ้นระทึก เขื่อนแควน้อยฯเต็มความจุแล้วยังมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่อง แต่ระบายออกได้ไม่มาก อุตรดิตถ์สุดเศร้าพบศพแม่เฒ่า เหยื่อน้ำป่าจมอยู่ใต้โคลนหลังถูกน้ำซัดจมหายไปเมื่อ 3 วันก่อน ลุ่มเจ้าพระยายังน่าห่วง มวลน้ำเหนือไหลบ่าต่อเนื่องต้องเร่งพร่องน้ำรอรับพายุลูกใหม่ เมืองนนท์ประกาศแจ้งเตือนเฝ้าระวังช่วงน้ำทะเลหนุนสูง 3 รอบ ในเดือนนี้ พายุ "แมตโม" ทวีกำลังแรงใกล้ เป็นไต้ฝุ่นแล้ว จ่อขึ้นฝั่งถล่มเวียดนาม 5-6 ต.ค.นี้สถานการณ์น้ำท่วมหลายจังหวัดยังไม่คลี่คลาย โดยเฉพาะ จ.สุโขทัย แม่น้ำยมเอ่อล้นทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่วิกฤติหนัก เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 4 ต.ค. นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัยที่บ้านท่าทอง หมู่ 6 ต.ท่าทอง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ก่อนจะเดินทางต่อไปบริเวณสี่แยกวัดเกาะ ต.วัดเกาะ อ.ศรีสำโรง จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้าน อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พื้นที่ลุ่มต่ำโครงการบริหารจัดการน้ำ “บางระกำโมเดล” นายสันติกล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ เห็นใจพี่น้องประชาชนจะเร่งให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น จัดสรรงบประมาณช่วยเหลือเยียวยาผู้เดือดร้อนอย่างเร่งด่วน และแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาวต่อไปผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำในแม่น้ำยมที่กัดเซาะคันดินริมถนนเลียบแม่น้ำ หมู่ 7 ต.ท่าทอง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ล่าสุดน้ำไหลบ่าเข้าท่วมถนนที่ลงจากสะพานท่าเกษมฝั่งตะวันตก และถนนที่ลงจากสะพานวัดหนองโว้งฝั่งตะวันตก มีถนนริมแม่น้ำยมขาดเป็นช่วงๆ นอกจากนี้น้ำยังไหลบ่าเข้าท่วมถนนสายสวรรคโลก-ศรีสำโรง บริเวณหน้าร้านหมูตกครก ต.ท่าทอง ระดับน้ำสูงและไหลแรง เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งเตือนผู้ใช้รถใช้ถนนเพิ่มความระมัดระวัง ส่วนที่ประตูระบายน้ำบ้านหาดสะพานจันทร์ ต.ป่ากุมเกาะ อ.สวรรคโลก มีท่อนไม้เศษสวะลอยมาติดหน้าประตูระบายน้ำจำนวนมากกีดขวางทางน้ำ เจ้าหน้าที่ชลประทานนำรถแบ็กโฮมาตักออกเพื่อเร่งเปิดทางน้ำให้ไหลสะดวกขึ้นส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในตัวเมืองสุโขทัยยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากน้ำไหลบ่ามาจากทางตอนเหนือของจังหวัด โดยเฉพาะชุมชนคูหาสุวรรณ เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี แม่น้ำยมไหลทะลักเข้ามาจากแนวคันกั้นน้ำร้านอาหารเฟื่องฟ้าที่เคยแตกมาแล้วตั้งแต่น้ำท่วมรอบแรก มวลน้ำไหลลามขยายวงกว้างไปถึงชุมชนคลองโพธิ์ และชุมชนเลอไท ระดับน้ำสูงประมาณ 50 ซม. ทางจังหวัดอพยพชาวบ้านไปพักที่ศาลาการเปรียญวัดคูหาสุวรรณเป็นการชั่วคราว นอกจากนี้มวลน้ำที่ไหลผ่านสะพานพระร่วง ใจกลางเมืองพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ ยังคงมีระดับสูงติดใต้ท้องสะพาน เจ้าหน้าที่สั่งห้ามรถบรรทุกขนาดใหญ่ขึ้นสะพานเด็ดขาดนายชำนาญ ชูเที่ยง ชลประทานจังหวัดพิษณุโลก เผยสถานการณ์น้ำเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีน้ำกักเก็บ 94% แล้ว สามารถรับน้ำได้อีก 429 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีน้ำกักเก็บ 100% หรือ 939 ล้าน ลบ.ม.แล้ว วันนี้ยังมีน้ำไหลเข้า 33 ล้าน ลบ.ม. ระบายออก 17 ล้าน ลบ.ม. ยังไม่สามารถระบายน้ำออกไปได้มากเนื่องจากระดับน้ำแม่น้ำน่านที่ไหลผ่านตัวเมืองพิษณุโลกยังอยู่ในช่วงการเฝ้าระวัง ปริมาณน้ำยังวิกฤติอยู่ แต่ระดับน้ำเริ่มลดลงบ้างแล้วอยู่ที่ ชม.ละ 1-2 ซม.จ.อุตรดิตถ์ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน หน่วยกู้ภัยน้ำปาดไปตรวจสอบเหตุพบศพจมอยู่ใต้ดินโคลนริมลำห้วยในหมู่บ้านนากล่ำ หมู่ 2 ต.น้ำไคร้ อ.น้ำปาด ผู้เสียชีวิตคือนางละ หรือยายแอ๋ว วงษ์กลม อายุ 70 ปี ชาวบ้านนากล่ำ ที่ถูกน้ำป่าพัดหายไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ขณะนั่งซ้อนท้ายรถ จยย.หลานหนีออกจากบ้านที่ถูกน้ำป่าซัดถล่ม น้ำพัดจนรถล้ม ผู้ตายถูกกระแสน้ำกลืนร่างจมหายไป ลูกหลานออกตามหาอยู่หลายวันยังไม่พบ กระทั่งน้ำลดลงพบศพจมอยู่ใต้ดินโคลนห่างจากบ้านประมาณ 80 เมตร มอบศพให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไปด้าน จ.นครราชสีมา สถานการณ์น้ำพื้นที่ อ.พิมาย ยังน่าเป็นห่วง เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำสะสมมาจากอำเภอต่างๆ ล่าสุดปริมาณน้ำเหนือเขื่อนพิมายอยู่ที่ 4,565,000 ลบ.ม. หรือคิดเป็น 126.47% ของความจุ เจ้าหน้าที่ต้องเดินเครื่องผลักดันน้ำ 6 เครื่องเร่งผลักดันน้ำจากในเขื่อนพิมายลงสู่แม่น้ำมูลเพื่อป้องกันน้ำท่วมโบราณสถานและแหล่งเศรษฐกิจการค้าใน อ.พิมาย ขณะเดียวกันได้ติดเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 3 เครื่องเร่งสูบน้ำในคลองรอบเขตเทศบาลตำบลพิมายออก หลังพบว่าปริมาณน้ำมูลหนุนสูงขึ้นและไหลเข้าไปในเขตเทศบาล ผลกระทบจากการเร่งเดินเครื่องผลักดันน้ำทำให้มวลน้ำไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่นาข้าวท้ายเขื่อนแล้วกว่า 100 ไร่ ส่วนที่ อ.ชุมพวง น้ำจากลำน้ำมาศเอ่อล้นเข้าท่วมถนนทางเข้าหมู่บ้านสะแก หมู่ 7 ต.ประสุข ระยะทางยาวกว่า 500 เมตร รถเล็กผ่านไม่ได้ มวลน้ำไหลบ่าเข้าท่วมนาข้าวและพื้นที่การเกษตรเป็นบริเวณกว้างส่วนสถานการณ์น้ำลุ่มเจ้าพระยายังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ที่สถานี C2 อ.เมืองนครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,799 ลบ.ม./วินาที ที่เขื่อนเจ้าพระยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาท มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อน 16.19 เมตร/รทก. ปริมาณน้ำท้ายเขื่อน 15.94 เมตร/รทก. เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน 24 ซม. ระดับน้ำห่างจากตลิ่ง 40 ซม. เขื่อนเจ้าพระยามีอัตราการระบายน้ำผ่านเขื่อนที่ 2,500 ลบ.ม./วินาที เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ทางเขื่อนจะเร่งพร่องน้ำเพื่อรองรับอิทธิพลของพายุ “แมตโม” ที่จะทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออก เฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้นในวันที่ 5-7 ต.ค.นี้นายคำรณ อิ่มเนย หน.ปภ.จ.ชัยนาท เผยว่า สถานการณ์อุทกภัยจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำใน อ.สรรพยา 5 ตำบล 18 หมู่บ้าน ผู้ประสบภัย 362 ครัวเรือน 895 คน ระดับน้ำสูง 50 ซม.ถึง 1 เมตร อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจังหวัดชัยนาท ลงพื้นที่ ต.ตลุก ต.หาดอาษา และ ต.โพนางดำออก อ.สรรพยา ตามคำร้องขอจากชาวบ้าน ช่วยกันเคลื่อนย้ายอพยพผู้ป่วยติดเตียงไปบนชั้น 2 และที่ปลอดภัยรวม 6 ราย แต่ละบ้านไม่สามารถขนย้ายเองได้ ระดับน้ำเริ่มสูงแถมมีประกาศว่าเขื่อนเจ้าพระยาจะปรับเพิ่มการระบายต่อเนื่องจ.อ่างทอง หลังเกิดเหตุคันกั้นน้ำคลองโผงเผงพังทลาย น้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 200 หลังในพื้นที่หมู่ 5 ต.โผงเผง อ.ป่าโมก เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 ต.ค. ล่าสุด นายธิตินัย พาติกบุตร ผบ.เรือนจำจังหวัดอ่างทอง นำกำลังผู้ต้องขังร่วมกับชาวบ้าน ฝ่ายปกครอง ช่วยกันวางกระสอบทรายและถุงบิ๊กแบ็กเสริมคันดินบริเวณจุดพังทลายเพื่อกั้นน้ำที่ไหลเข้าหมู่บ้านได้สำเร็จแล้ว แต่ระดับน้ำในคลองโผงเผงยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านเขตเทศบาลเมืองอ่างทอง ระดับน้ำสูงขึ้นต่อเนื่องเกือบล้นแนวพนังกั้นน้ำและมีน้ำไหลผุดลอดพนังตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ระดมเสริมแนวกระสอบทรายเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะลักเข้าเขตเศรษฐกิจการค้าและศูนย์ราชการจ.นนทบุรี นายอภิชัย อร่ามศรี รอง ผวจ. ปฏิบัติราชการแทน ผวจ.นนทบุรี ประกาศแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนอาศัยริมแม่น้ำเจ้าพระยาเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง และเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำและคลองสาขาต่างๆ ในพื้นที่ จ.นนทบุรี มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันอีก 10-40 ซม. โดยเฉพาะช่วงเวลาน้ำทะเลหนุนสูงวันที่ 3-7, 9-13 และ 23-27 ต.ค.นี้ ขณะที่ริมเขื่อนท่าน้ำนนทบุรี เทศบาลนครนนทบุรี ได้นำกระสอบทรายมาวางเรียงเป็นแนวยาวสูง 1 เมตร เพื่อป้องกันน้ำทะเลที่จะหนุนสูง และติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เพื่อสูบน้ำที่เอ่อล้นจากแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ให้เข้าท่วมพื้นที่เศรษฐกิจการค้านายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาน้ำท่วมในหลายจังหวัดว่า เรื่องลงพื้นที่กำลังดูอยู่ มีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทยมีรัฐมนตรีช่วย 3 คน ก็แบ่งหน้าที่ให้ไปดูน้ำท่วม ส่วนกระทรวงอื่นก็ลงพื้นที่ช่วยผู้ประสบภัย ถ้าเข้าข่ายการเยียวยามีเงินค่าชดเชยความเสียหาย 3 วัน 7 วันจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เอาประสบการณ์จากรัฐบาลชุดที่แล้วที่ตนอยู่กระทรวงมหาดไทย ตอนนี้พ่วงตำแหน่งนายกฯด้วย ขั้นตอนน่าจะเร็วขึ้น เมื่อถามว่ามีประชาชนหลายพื้นที่อยากให้นายกฯลงไปเพราะการช่วยเหลืออาจยังไม่ทั่วถึง นายอนุทินกล่าวว่า รัฐมนตรีทุกคนที่ลงไปหรือผู้บริหารกระทรวงลงไปก็ช่วยเหลือได้ ส่วนที่ สส.ฝ่ายค้านอยากให้ไปลงพื้นที่จังหวัดที่ไม่มี สส.ภูมิใจไทย อย่าง จ.สุโขทัย จะไปวันนี้หรือพรุ่งนี้ไม่ทันแล้ว เพราะเมื่อวานแรงที่สุดตรงนี้ไม่ใช่น้ำท่วมขังเหมือนพื้นที่ภาคกลาง แต่เป็นน้ำหลากมาแรง สุดท้ายน้ำจะไปที่แหล่งพักน้ำเขื่อนภูมิพล หรือบึงบอระเพ็ดนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า กำชับให้หน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เสี่ยงเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม ให้ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เน้นมาตรการป้องกันภัยจากน้ำท่วมเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสถานพยาบาล อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เตรียมการดูแลสุขภาพผู้ประสบภัยและกลุ่มเปราะบาง และสื่อสารความเสี่ยงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นทั้งโรคที่มากับน้ำท่วม อุบัติเหตุฟ้าผ่า จมน้ำ ไฟฟ้าช็อต และสัตว์มีพิษนพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กำชับให้สำนักงานเขตสุขภาพ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด รวมถึงสถานพยาบาลในพื้นที่เสี่ยง เตรียมความพร้อมเผชิญเหตุ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งหรือพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังพิเศษ เพื่อให้ตอบสนองได้ทันเหตุการณ์และสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งการขนย้ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ขึ้นที่สูง จัดเตรียมการให้บริการนอกสถานพยาบาล ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ แผนอพยพเคลื่อนย้ายหรือส่งต่อผู้ป่วย พร้อมเฝ้าระวังโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วมประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาเรื่อง พายุ “แมตโม” ฉบับที่ 5 ระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 4 ต.ค. พายุโซนร้อนกำลังแรง “แมตโม” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100 กม.ต่อ ชม. กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 25 กม.ต่อ ชม. มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นและคาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ประเทศจีน ลงสู่อ่าวตังเกี๋ย และขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนช่วงวันที่ 5-6 ต.ค. หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วตามลำดับ เนื่องจากมีมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่เสริมลงมาปกคลุมในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค. พายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย จากอิทธิพลของพายุ “แมตโม” ส่งผลให้ช่วงวันที่ 5-7 ต.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง รวมทั้งด้านรับมรสุมของภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่