เหยียบมิดไมล์ สปีดการทำงานเต็มที่ ตามกรอบนับถอยหลังการทำงาน 120 วัน หลังเป็นรัฐบาลโดยสมบูรณ์“นายกฯ หนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เตรียมนำโครงการคนละครึ่งพลัสเวอร์ชันพรรคภูมิใจไทย เข้าที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า ประเดิมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด่วนจี๋ปัดฝุ่นโครงการคนละครึ่ง ยุครัฐบาล “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาใช้ใหม่ แต่อัปวงเงินเพิ่มเป็น 200 บาทต่อวัน จากเดิม 150 บาทต่อวันล้วง ควัก ปรับ โปะ ทุกยุทธวิธี ทั้งดูดจากงบประมาณรายจ่ายปี 2568 และดึงเพิ่มจากงบรายจ่ายปี 2569 เบ็ดเสร็จร่วม 66,400 ล้านบาท มาแจกจ่ายให้สิทธิคนไทย 33 ล้านคน รอเปิดลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการวันที่ 20–26 ต.ค.นี้วางโปรแกรมให้ช็อปปิ้ง ส่งท้ายปีช่วงเดือน พ.ย.–ธ.ค. แฝงเจตนาให้ชาวบ้านฝังใจความดีความชอบรัฐบาล “นายกฯหนู” พอดิบพอดีช่วงใกล้ยุบสภา เดือนม.ค.2569เร่งเดินหน้าฟันแต้มจากคนทุกกลุ่ม ทั้งคนมีรายได้น้อย พ่อค้าแม่ค้า คนชั้นกลางที่อยู่ในฐานภาษี ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ได้อานิสงส์ถ้วนหน้า มัดจำคะแนนช่วงใกล้เลือกตั้งควบคู่ไปกับมาตรการกอบกู้ความเชื่อมั่นอื่นๆ อาทิ การแก้หนี้ภาคครัวเรือน การเสริมสภาพคล่องกลุ่มเอส เอ็มอี การเพิ่มการออมภาคประชาชน การสร้างอุตสาหกรรมอนาคต ไม่ได้มีตัวชูโรงแค่ “โครงการคนละครึ่งพลัส” แต่มีครบวงจร เป็น Quick Big win ให้เห็นผลอย่างรวดเร็วใน 4 เดือน“นายกฯหนู” มือเป็นระวิง แก้โจทย์หิน กู้เศรษฐกิจติดหล่มทำคู่ขนานไปพร้อมการแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ที่สถานการณ์ความขัดแย้งพื้นที่แนวชายแดน ยังไม่น่าไว้วางใจ เสี่ยงเกิดการปะทะรอบใหม่ แต่ยังพออุ่นใจที่สัมพันธภาพรัฐบาล-กองทัพ มีความแนบแน่น เป็นเอกภาพ คลิกกันลงตัวในการทำงานมากกว่ารัฐบาลที่ผ่านมาอย่างที่ “นายกฯหนู” ประกาศเป็นกองหนุน พร้อมสนับสนุนทหารเต็มที่ในการทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย ทั้งการเพิ่มงบประมาณจัดซื้ออาวุธ การสร้างรั้วชายแดน การคงมาตรการปิดด่าน การเล็งทำประชามติล้มเอ็มโอยู 43-44 ระหว่างไทย-กัมพูชาล่าสุดลงพื้นที่ จ.สุรินทร์–บุรีรัมย์ ติดตามการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชาลุยโหมกระแสชาตินิยมสุดเหวี่ยง เติมแต้มรัฐบาลในการเลือกตั้งปี 2569 ตีคู่ไปกับการแก้ปมปากท้องประชาชน ในห้วงที่คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยดิ่งเหว ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยังไม่รู้จะเข็นเป็นจุดขายต่อได้หรือไม่ขณะที่ชื่อ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน คะแนนนิยมก็หล่นตามผลสำรวจโพลล่าสุด ผลพวงจากการไปสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลเปิดโอกาสให้รัฐบาลภูมิใจไทยพิสูจน์ฝีมือ พลิก 4 เดือน ต่อยอดไปสู่ 4 ปี ภายใต้ภารกิจโจทย์คู่กู้ “เศรษฐกิจ–ความมั่นคง” ที่จะชี้วัดเดิมพันอนาคตรัฐบาลสีน้ำเงิน หากโชว์ผลงานเข้าเป้า แก้ปัญหาลุล่วง ถึงเวลายุบสภาเมื่อใด ก็มีแต้มต่อกองอยู่เต็มหน้าตัก โดยไม่ต้องรอให้ครบ 4 เดือนแต่คิวแทรกที่น่าห่วงคือ การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151แนวโน้มที่พรรคเพื่อไทยเอาแน่ เตรียมยื่นซักฟอกรัฐบาล “อนุทิน” ในการเปิดสมัยประชุมสภาฯ รอบหน้า เดือน ธ.ค.2568 เพราะลำพังค่ายเพื่อไทยแค่พรรคเดียวก็มีเสียงเพียงพอ 1 ใน 5 ของจำนวน สส. หรือ 99 เสียง สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ตามเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ ไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงพรรคประชาชนร่วมยื่นญัตติตรวจสอบรัฐบาลค่ายแดงงัดเหลี่ยมเขี้ยว จ่อยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลภูมิใจไทย บีบพรรคประชาชนให้ร่วมมือพรรคเพื่อไทยเต็มที่ ทุบ ครม.ชุดใหม่ห้ามออมมือ เล่นบทฝ่ายค้ำ ชกไม่สมศักดิ์ศรีในเวทีซักฟอกไม่แคล้วล็อกเป้าไว้ที่เหล่ารัฐมนตรีสายล่อฟ้า ที่ถูกพรรคเพื่อไทยจับขึงพืด เอาชื่อมาฉายหนังตัวอย่างตอนแถลงนโยบายรัฐบาลมี “นายกฯหนู” เป็นหัวขบวน พ่วงด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ถูกกล่าวหาเรื่องคุณสมบัติรัฐมนตรีรอวัดดวงและวัดใจพรรคประชาชนในการลงมติซักฟอก จะโหวตในทิศทางใด จะใช้เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ ลงดาบรัฐมนตรีที่ถูกยื่นซักฟอก กู้คะแนนความเชื่อมั่นจากด้อมส้มกลับคืนมาหรือไม่คิวแทรกระทึกที่อาจหักมุม ส่งรัฐบาลภูมิใจไทยม้วนเสื่อกลับบ้านก่อนครบ 4 เดือน!!!ทีมข่าวการเมือง รายงานคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม