สถานการณ์เนปาลยังตึงเครียด กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องผ่านโซเชียลมีเดีย “X” ให้นายบาเลนดรา ชาห์ นายกเทศมนตรีกรุงกาฐมาณฑุ อดีตนักร้องเพลงแร็ปที่มีผู้ติดตามทางอินสตาแกรมส่วนตัวกว่า 8 แสนคน นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ด้านทหารเข้าควบคุมสถานการณ์หลังมีการประกาศเคอร์ฟิว สุดสลดผู้ชุมนุมประท้วงจับภรรยาอดีตนายกรัฐมนตรีขังในบ้านก่อนจุดไฟเผาทั้งเป็น ขณะที่การประท้วงครั้งใหญ่ของเนปาล ส่งผลนักโทษแหกคุกหนีออกจากเรือนจำหลายร้อยคนความคืบหน้าสถานการณ์ประท้วงของชาว เนปาลคนรุ่นใหม่ ในกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของ เนปาลที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. และขยายวงกลาย เป็นความรุนแรงเกินต้าน มีทั้งการบุกเข้าไปเผาอาคาร รัฐบาล ทำร้ายนักการเมือง อันเป็นผลจากการที่รัฐบาล ประกาศปิดกั้นโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มทั่วประเทศ จนเรื่องลุกลามเป็นการประท้วงต่อต้านการ ทุจริตคอร์รัปชันและการปกครองประเทศแบบเผด็จการ ของรัฐบาลที่ฝังรากลึกมานาน แม้มีการยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียแล้วก็ตาม แต่เหตุการณ์ยังรุนแรงและยืดเยื้อ ถือเป็นการกระท้วงครั้งใหญ่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ที่สร้างความตกตะลึงแก่ชาวโลกความคืบหน้าเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ทหารเนปาลออกลาดตระเวนตามท้องถนนหลายแห่งในกรุงกาฐมาณฑุและเข้าควบคุมพื้นที่ด้านหน้าอาคารรัฐสภา ท่ามกลางมาตรการเคอร์ฟิว ที่ประกาศใช้อย่างไม่มี กำหนดในเมืองหลวง ซึ่งเหตุประท้วงครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขเนปาล ระบุยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงดังกล่าวอยู่ที่ 25 ราย บาดเจ็บอยู่ที่กว่า 600 ราย ด้านโฆษกกองทัพบกเนปาลเปิดเผยว่า กองทัพพยายาม ทำให้สถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติเป็นอันดับแรก และจะปกป้องทรัพย์สินกับชีวิตของประชาชน ขณะที่ สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้พยายามสร้างความวุ่นวายที่บริเวณชานกรุงกาฐมาณฑุ จนถูกทหารเข้าจับกุมผู้ก่อเหตุความวุ่นวายรวม 25 คนด้วยกัน ขณะที่ มีรายงานว่า มีการเตรียมการให้เจ้าหน้าที่ทางการและ กลุ่มผู้ประท้วงได้เจรจากันแต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดด้านสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงกาฐมาณฑุ ประกาศปิดทำการชั่วคราว เตือนคนไทย หลีกเลี่ยงการออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาที่มีการประท้วง ตามคำสั่งเคอร์ฟิวของทางการเนปาล ขณะที่ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนแถลงแสดงความหวังว่า เนปาลจะแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีและ ขอให้สถานการณ์กลับคืนสู่ความสงบโดยเร็ว ขณะที่ ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกาฐมาณฑุกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังปิดทำการไป 1 วันขณะเดียวกัน กลุ่มคนรุ่นใหม่ “เจนซี” (Gen Z) ที่อายุระหว่าง 13-29 ปี ที่เป็นกลุ่มใหญ่ในการประท้วง ครั้งนี้ ได้เรียกร้องผ่านโซเชียลมีเดีย “X” ขอให้นาย บาเลนดรา ชาห์ นายกเทศมนตรีกรุงกาฐมาณฑุ อดีต นักร้องเพลงแร็ปที่มีผู้ติดตามอินสตาแกรมส่วนตัวกว่า 800,000 คน ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ของเนปาล คาดว่านายชาห์จะเป็นหนึ่งในตัวแทนของ กลุ่ม “เจนซี” ในการเจรจากับนายรามจันทระ เปาเดล ประธานาธิบดีเนปาล เพื่อหาทางออกสำหรับวิกฤติครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม นายชาห์ยังไม่แสดงท่าทีในตอนนี้ว่า สนใจจะรับหน้าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือไม่ ขณะที่ สำนักนายกเทศมนตรีกรุงกาฐมาณฑุ ไม่ให้ความเห็น ต่อเรื่องนี้หลังถูกถามจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ส่วนสำนักข่าวคาบาร์ ฮับ ของเนปาล รายงานว่า กลุ่ม “เจนซี” ราว 300-400 คน ได้หารือกันผ่านทางออนไลน์ เพื่อวางแผนการดำเนินการขั้นตอนต่อไป คาดว่ากลุ่ม “เจนซี” เหล่านี้อาจก่อการประท้วงรอบใหม่ในเร็วๆนี้สำหรับเหตุรุนแรงครั้งนี้อยู่ภายใต้การนำของ กลุ่ม ฮามี เนปาล นำโดยนายซูดาน กูรุง อายุ 38 ปี อดีตดีเจและเจ้าของไนต์คลับ ก่อตั้งกลุ่มดังกล่าว ในปี 2558 หลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาล ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9,000 คน โดยกลุ่มฮามีเนปาล เรียกร้องประชาชนผ่านทางโซเชียลมีเดีย ขออาสาสมัคร ในการช่วยเหลือเหยื่อผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวใหญ่กลุ่มฮามี เนปาล เคยมีบทบาทนำการประท้วงรัฐบาลเนปาลหลายครั้ง แต่ไม่รุนแรงเท่าครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นเหตุประท้วงครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของเนปาล ผู้ประท้วงก่อเหตุเผาทำลายอาคารและทรัพย์สินต่างๆในกรุงกาฐมาณฑุและตามพื้นที่หลายแห่งทั่วประเทศ อาทิ พระราชวังสิงห์ ดูร์บาร์ อาคารที่ตั้งของศูนย์กลางการบริหารประเทศ ราสตรา ปติภาวัน บ้านพักอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเนปาล บ้านพักของนายรามจันทระ เปาเดล ประธา นาธิบดี บ้านพักของนายเค.พี. ชามาร์ โอลี อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งลาออกเมื่อวันที่ 9 ก.ย. บ้านพักของ นายพุสปา คามัล ดาฮัล ประจันดา อดีตนายกรัฐมนตรี ไปจนถึงสำนักงานใหญ่ของพรรคการเมือง (พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล UML และพรรคคองเกรสเนปาล) สถานีตำรวจ และแม้กระทั่งสำนักงานของ นสพ.กาฐมาณฑุ โพสต์นอกจากนี้ ผู้ประท้วงได้บุกเข้าไปภายในบ้านพัก ของนายเชอร์ บาฮาดูร์ เดอูบา อดีตนายกรัฐมนตรี ในเขตบูดานิลกันธา กรุงกาฐมาณฑุ ลงมือทำร้ายนาย เดอูบา รวมทั้งนางอาร์ซู รานา เดอูบา ภริยา รมว. ต่างประเทศ ได้รับบาดเจ็บ กลุ่มผู้ประท้วงได้บังคับจับตัว นางราบี ลักษมี จิตราการ ภรรยาของนายจาลานาถ คานาล อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าไปขังไว้ในบ้านก่อนจุดไฟเผาทั้งเป็นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนมีผู้เข้า ช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลคีร์ติปุระโดยยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่านางจิตราการเสียชีวิตหรือไม่ เหตุประท้วงรุนแรงครั้งนี้ ส่งผลให้นักโทษใน เรือนจำหลายแห่ง จำนวนหลายร้อยคนสามารถหลบหนี ออกจากเรือนจำได้ ตำรวจเขตคาสกิ ใน จ.กานดากิ ทางตะวันตกของประเทศ รายงานว่า มีนักโทษ 773 คน แหกคุกออกมาได้ ส่วนที่ จ.ดัง ทางตะวันออกของประเทศ มีนักโทษ 127 คน หลบหนีออกจากเรือนจำ ซึ่งนักโทษเหล่านี้ก่อเหตุปล้นสะดมและเผา ทำลายสิ่งของตามท้องถนนหลายแห่งอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่