จับตา 4 ประเด็นสำคัญ การประชุมจีบีซี ครั้งที่ 2 ที่เกาะกง หวังลดความตึงเครียดและสร้างความ เชื่อมั่นระหว่างไทย-กัมพูชาต้องหารือให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งการเก็บทุ่นระเบิด-ปราบอาชญากรรม ข้ามชาติ-การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน ขณะที่ ทภ.2 ยังพบโดรนเขมร 4 ลำบินป่วน ส่วนที่ “บ้านหนองจาน” พบมีการเกณฑ์ชาวเขมรราวครึ่งร้อยรวมถึงเด็กเข้ามารวมตัวใกล้กับหลักเขตแดนที่ 46 ของไทย พร้อมสร้างเพิงพักชั่วคราวบริเวณใกล้แนวชายแดนเริ่มแล้วการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ก.ย. เวลา 09.00 น. ฝ่ายไทยได้จัดการประชุม คณะเลขานุการคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) เพื่อวางแผน เตรียมความพร้อม และพิจารณาร่างข้อตกลงเบื้องต้น ก่อนนำเข้าสู่การหารือร่วมกับฝ่ายกัมพูชาในช่วงบ่าย เวลา 13.00 น. ที่เกาะกง ประเด็นสำคัญในการประชุมครั้งนี้ ประกอบด้วย 4 ประเด็น ได้แก่ 1.การรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน 2.การเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันปัญหาการลักลอบผิดกฎหมาย (การเก็บกู้ทุ่นระเบิด อาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์) 3.การอำนวยความสะดวกการเดินทาง การค้าชายแดน และความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ และ 4.การสร้างกลไกความร่วมมือด้านมนุษยธรรมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในพื้นที่ชายแดนสิ่งที่ฝ่ายไทยต้องการผลักดัน ได้แก่ การยืนยันหลักการเคารพในอธิปไตย และการไม่ละเมิดดินแดน การยกระดับกลไกการประสานงานด้านความมั่นคงเพื่อป้องกันปัญหาซ้ำซ้อน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการค้าการลงทุนร่วมกัน การลดความตึงเครียดและสร้างความเชื่อมั่นระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสองฝ่ายในการประชุมจีบีซีครั้งนี้ ยังเป็นการติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติ 13 ข้อหยุดยิง ภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ใน 3 พื้นที่ ภายใต้การดูแลของกองทัพภาคที่ 2 กองทัพภาคที่ 1 และกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) กองทัพเรือ สาระการประชุมในห้วงเวลา 3 วัน ระหว่างวันที่ 7-9 ก.ย.นี้ จะหารือให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมใน 4 ประเด็น ที่ในการประชุมอาร์บีซี ที่ผ่านมา กัมพูชายังไม่ตอบรับ อ้างเป็นนโยบายรัฐบาล และขอมาหารือในการประชุมจีบีซีครั้งนี้ ได้แก่ ความร่วมมือการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในทุกพื้นที่ การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การจัดระเบียบพื้นที่ชายแดน ซึ่งครอบคลุมบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว และการกำหนดกรอบเวลาเมื่อไทยยื่นหนังสือประท้วงเกี่ยวกับข้อพิพาทต่างๆที่มีการละเมิดเอ็มโอยู 43 หรือข้อตกลงต่างๆที่มีการรุกล้ำอธิปไตย ให้อีกฝ่ายตอบสนองต่อการแก้ปัญหานั้นอย่างรวดเร็ว ขอให้กำหนดห้วงเวลาการตอบรับการแก้ปัญหาที่มีความขัดแย้งกัน นอกจากนี้ ยังมีการนำรายงานของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team : IOT) จากประเทศสมาชิกอาเซียนที่เดินทางไปตรวจสอบสถานการณ์ตามแนวชายแดนทั้งฝั่งไทยและฝั่งกัมพูชามาประกอบข้อมูลการหารือด้วยจากนั้นการประชุม GBC ที่จังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา เริ่มขึ้นในเวลา 13.00 น. และหลังประชุมเสร็จ คณะฝ่ายไทยเดินทางกลับมาพักในฝั่งไทย ส่วนวันที่ 10 ก.ย. พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการ รมว.กลาโหม จะเป็นประธานร่วมลงนามข้อตกลงการประชุมจีบีซีกับ พล.อ.เตีย เซยฮา รองนายกฯและ รมว.กลาโหมกัมพูชาสำหรับบรรยากาศที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกองทัพภาคที่ 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าวันที่ 7 ก.ย. บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากมีฝนตกต่อเนื่องตลอดทั้งคืนจนถึงช่วงเช้า ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาได้ บรรยากาศบริเวณหน้าด่านจึงเงียบสงบ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชาราว 50 คน ที่มีทั้งผู้หญิง เด็ก และคนพิการ เข้ามารวมตัวอยู่ริมถนนหมายเลข 58 ฝั่งเขมร ใกล้กับหลักเขตแดนที่ 46 ของไทย พร้อมทั้งสร้างเพิงพักชั่วคราวบริเวณใกล้แนวชายแดน หวังกดดันและยั่วยุเจ้าหน้าที่ไทย แต่ภาพรวมยังไม่ปรากฏเหตุวุ่นวายหรือการกระทบกระทั่งแต่อย่างใด โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยความมั่นคงที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำแนวชายแดน ตรึงกำลังดูแลพื้นที่ และเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชาที่มารวมตัวในครั้งนี้อย่างใกล้ชิดส่วนบริเวณด่านบ้านหนองจาน บริเวณจุดตรวจ จต.ส.40 ถนนศรีเพ็ญ ฝั่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่สารวัตรทหารเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามประกาศกฎ อัยการศึก ได้เข้ารักษาความสงบบริเวณถนนศรีเพ็ญ และด่านตรวจดังกล่าว ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพา และเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 12 ประจำฐานในจุดดังกล่าวอย่างต่อเนื่องเต็มกำลังตลอดช่วงบ่ายพื้นที่บ้านหนองจานกลับมาคึกคักหลังฝนหยุดตก และท้องฟ้าเริ่มเปิด เมื่อประชาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งนำสิ่งของมามอบให้กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ และ “ฝันดี-ฝันเด่น” ศิลปินชื่อดัง มาร่วมปรุงอาหารสดใหม่ พร้อมเสิร์ฟให้แก่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และอาสาสมัครชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ จำนวน 400 ชุด พร้อมทั้งมอบเสื้อเกราะให้กับชุด ชรบ.ขณะที่กองกำลังบูรพาได้พาคณะสื่อมวลชนดูความคืบหน้าการก่อสร้างบังเกอร์แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว หลังนายกัน จอมพลัง มอบบล็อกคอนกรีตให้กับทหาร เพื่อใช้ในการเสริมสร้างบังเกอร์แนวป้องกันชายแดน โดยผู้ใหญ่บ้านหนองจาน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และชาวบ้านบางส่วน นำอุปกรณ์ทำงาน เช่น จอบ เสียม เข้ามาช่วยขุดเปิดหน้าดิน เตรียมพื้นที่สำหรับการวางบล็อกคอนกรีต ขณะเดียวกันมีการนำรถแบ็กโฮเข้ามาขุดดิน เคลียร์พื้นที่ และโค่นต้นไม้ใหญ่ในจุดประจำการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการก่อสร้าง แผนการก่อสร้างประกอบด้วยบังเกอร์ 2 จุด ได้แก่ ที่บ้านหนองจาน 1 บังเกอร์ และบ้านหนองหญ้าแก้วอีก 1 บังเกอร์ โดยกองกำลังบูรพาคาดว่าการก่อสร้างบังเกอร์ทั้งสองแห่งจะเสร็จภายใน 2 วันส่วนความเคลื่อนไหวในพื้นที่ดูแลของกองทัพภาคที่ 2 ใน 4 จังหวัดอีสานใต้ ได้แก่ จ.อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 7 กันยายน 2568 ณ เวลา 14.00 น. สถานการณ์โดยรวมยังคงตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา ตรวจพบโดรน 4 ลำ และตรวจพบการปรับปรุงที่พักอาศัยในบางพื้นที่ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์ ส่วนการดูแลผู้อพยพในพื้นที่ จ.สุรินทร์ จำนวน 3 ศูนย์ ปัจจุบันมียอดรวม 83 คน เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ในพื้นที่ ทั้งนี้ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเข้าดูแลพื้นที่บ้านเรือนของประชาชน ที่อพยพอย่างต่อเนื่องวันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของกัมพูชา (CHRC) ยื่นเรื่องต่อคณะทำงานว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการแห่งสหประชาชาติ เรียกร้องให้ทางการไทยปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ถูกควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ตามมาตรา 9 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) และมาตรา 118 แห่งอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 โดยกัมพูชาระบุว่าทางการไทยปฏิเสธไม่ให้ทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุม ติดต่อกับครอบครัวและทางการกัมพูชา รวมทั้งเพิกเฉยต่อคำเรียกร้องของกัมพูชาที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวตลอดเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมาอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่