“จตุพร” ผนึกกำลังภาครัฐ-เอกชน ล้างบางปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และทำลายของกลางในคดีกว่า 1.5 ล้านชิ้น มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท เสริมความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้าและนักลงทุน รวมถึงคุ้มครองผู้บริโภค เผยของกลางที่นำมาทำลายมีสารพัดชนิดทั้งเสื้อผ้า นาฬิกา กระเป๋า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ ยา เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม ที่เป็นของกลางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษตรวจยึดจับกุมมาได้ ขอประชาชนอย่าสนับสนุนซื้อสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาการทำลายของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาครั้งนี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ย. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ กองทัพบก เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ โดยมี พล.ท.ชนินทร์ สิงหนาทนิติรักษ์ ผอ.ศูนย์ประสานการปฏิบัติที่ 3 กอ.รมน. นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ น.ส.นุสรา กาญจนกูล อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งหน่วยงานพันธมิตร ภาครัฐ เอกชน เจ้าของสิทธิ และหน่วยงานต่างประเทศ ร่วมทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญากว่า 1.5 ล้านชิ้น มูลค่าความเสียหายกว่า 900 ล้าน บาท โดยการทำลายของกลางครั้งนี้ เพื่อสร้างความ เชื่อมั่นแก่ประเทศคู่ค้าและนักลงทุน ตลอดจนร่วมมือ เครือข่ายพันธมิตรด้านการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง ปกป้องผู้บริโภคจากผลกระทบของสินค้าละเมิดที่ด้อยคุณภาพนายจตุพรกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา โดยบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เจ้าของสิทธิเดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจังทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ พิธีทำลายของกลาง ถือเป็นอีกกลไกสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส ภายใต้พันธกรณีในกรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และมีมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)รมว.พาณิชย์กล่าวอีกว่า ของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จะต้องนำมาทำลายด้วยวิธีที่เหมาะสม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาว่าสินค้าละเมิดจะไม่ถูกนำกลับมาหมุนเวียนในท้องตลาดได้อีก นอกจากนี้ ยังสร้างความตระหนักรู้ให้สาธารณชน ได้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดจากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพร่างกายของผู้บริโภค เนื่องมาจากการใช้สินค้าปลอมที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน จากรายงานผลการจัดสถานะการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ ประจำปี 2568 ไทยยังคงสถานะอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List : WL) รัฐบาลจึงพร้อมดำเนินการปราบปรามสินค้าละเมิดอย่างเข้มข้น มุ่งหมายให้ไทยหลุดพ้นจากบัญชีดังกล่าวนายจตุพรกล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้ของกลางที่นำมาทำลายทั้งที่กรุงเทพฯ จ.สระบุรี และ จ.ชลบุรี มีหลายประเภท เช่น เครื่องแต่งกาย นาฬิกา กระเป๋า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อะไหล่รถยนต์ สินค้าจำพวกยา เครื่องสำอาง อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าทั้งหมดเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว รวมทั้งสิ้น 1,528,524 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า 900 ล้านบาท“ดีใจที่เราทำให้เห็นว่าเราตั้งใจทำอย่างเต็มที่ การทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วไม่ใช่น้อย เป็นจำนวนมากทั้ง 3 แห่งที่เรากำจัดในวันนี้ แสดงถึงความตั้งใจทำงานทุกภาคส่วน และความสำเร็จในการบูรณาการระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย กรมทรัพย์สินทางปัญญา กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชน ที่ได้ดำเนินการปกป้อง คุ้มครอง และป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง” นายจตุพรกล่าวรมว.พาณิชย์กล่าวตอนท้ายว่า นอกเหนือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเจ้าของสิทธิแล้ว ประชาชนก็เป็นส่วนสำคัญที่สุดในการป้องกันแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ด้วยการหลีกเลี่ยงไม่สนับสนุนการละเมิด “ไม่ซื้อ ไม่ขาย ไม่ใช้ของปลอม” หากพบเห็นมีการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สามารถแจ้งเบาะแสมาที่กองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา โทร. 0-2547-4702 หรือสายด่วน 1368อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่