ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) กำลังเป็นคลื่นลูกใหญ่ซัด “วงการศึกษา” ไม่ได้แค่เปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนห้องเรียน แต่พลิกบทบาทผู้สอน–ผู้เรียน พัฒนาให้สอดรับกระแสเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่แม้ว่าเอไอจะนำมาซึ่งโอกาสใหม่ “ในการพัฒนาการศึกษา” เปิดโอกาสให้เกิดการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคลอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้ผู้สอนปรับกระบวนการสอนจากการถ่ายทอดความรู้แบบดั้งเดิม กลายเป็นผู้เอื้ออำนวยการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นเสริมสร้างทักษะ การคิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาให้ผู้เรียนแต่การนำเอไอเข้าสู่ระบบการศึกษาก็ยังคงเผชิญกับความท้าทายสำคัญ “ทางจริยธรรม ความเหลื่อมล้ำด้านเทคโนโลยี และข้อจำกัดในด้านโครงสร้างพื้นฐาน” โดยเฉพาะระหว่างมหาวิทยาลัยในเมือง และมหาวิทยาลัยในภูมิภาค จนเป็นอุปสรรคต่อการบูรณาการเอไออย่างทั่วถึงเท่าเทียมในระบบการศึกษาปัจจุบันถ้ามาดูเชิงเปรียบเทียบ “การใช้เอไอในมหาวิทยาลัยระดับนานาชาติ” อย่างสหรัฐอเมริกาที่มีสถาบัน Stanford และ MIT เป็นผู้นำด้านการพัฒนา Personalized Learning และ Learning Analytics “อังกฤษ” มหาวิทยาลัย Oxford และ UCL ก็ใช้เอไอสนับสนุนการเรียนรู้เน้นการสอนด้วยหลักจริยธรรมของเอไอเป็นหลักส่วน “จีน”ลงทุนมหาศาลใน AI Learning Platforms “มาเลเซีย” ผลักดันนโยบาย Malaysia Artificial Intelligence Roadmap เน้นการพัฒนาเอไอในภาคการศึกษาและฝึกอบรมบุคลากรอย่างเข้มข้น “เวียดนาม” ก็เริ่มต้นการพัฒนาการศึกษาเอไอ เน้นการสร้างบุคลากรที่มีทักษะด้านเทคโนโลยี และเพิ่มความร่วมมือกับภาคเอกชน “ฟิลิปปินส์” มีการส่งเสริม EdTech ผ่านโครงการ Digital Education Transformationแม้แต่ “อินโดนีเซีย” ก็ได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล และส่งเสริมการเรียนการสอนแบบ Hybrid Learning ในมหาวิทยาลัยหลักๆ “กัมพูชา” อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาการศึกษาเอไอมีการนำเทคโนโลยีพื้นฐานเข้าใช้ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัยบางแห่ง “ไทย” เริ่มนำมาประยุกต์ใช้ในการศึกษาขั้นพื้นฐาน และอุดมศึกษาแต่ก็ยังปรากฏพบว่าการพัฒนามีข้อจำกัดโครงสร้างพื้นฐานความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยี และทักษะความฉลาดรู้ทางเอไอของอาจารย์ และนักศึกษาที่ยังต้องพัฒนาเพิ่มเติมอีก เรื่องนี้ ผศ.ดรวิชิต สุรดินทร์กูร อาจารย์ประจำหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต การบริหารการพัฒนา บัณฑิตวิทยาลัย มรภ.สวนสุนันทา มองว่าแนวโน้มในอนาคต “การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในยุคเอไอ” จะมีการเรียนรู้แบบอัตโนมัติ และยืดหยุ่นมากขึ้น “เอไอ” จะช่วยให้นักศึกษากำหนดเส้นทางการเรียนรู้ของตนเอง มีอิสระผ่านการปรับเปลี่ยนตามความต้องการ และจังหวะของแต่ละบุคคล “ผู้สอน” ก็จะใช้เอไอมาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการเรียนรู้แบบเรียลไทม์ทำให้ประเมินความเข้าใจของผู้เรียนได้ตลอดเวลา “สามารถปรับรูปแบบการเรียนรู้ให้เหมาะสม” แต่ต้องเน้นทักษะที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ด้วยเอไอ อย่างเช่น ความคิดสร้างสรรค์ ทักษะการสื่อสาร จริยธรรม การทำงานเป็นทีม และการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนจะเป็นหัวใจสำคัญของการศึกษาในอนาคตฉะนั้น มหาวิทยาลัยจะเน้น “การเรียนรู้แบบผสมผสาน” ด้วยการเรียนออนไลน์ผสมผสานกับการเรียนรู้ในห้องเรียน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นเข้าถึงได้มากขึ้น โดยใช้เอไอในการบริหารจัดการการศึกษา สนับสนุนงานด้านบริหาร การวางแผนตารางเรียน หรือการให้คำปรึกษาเชิงวิชาการ จะเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันการศึกษา“สถาบันการศึกษาต้องเป็นศูนย์กลางการทดลอง พัฒนานวัตกรรมด้านการเรียนรู้ เทคโนโลยี และการบริหารจัดการ ก่อเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตตามแนวโน้มของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จะทำให้การเรียนรู้ตลอดชีวิตกลายเป็นเรื่องจำเป็น เพื่อนักศึกษาจะได้มีทักษะเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา” ผศ.ดร.วิชิตว่าย้ำว่า “การเรียนในยุคเอไอ” จำเป็นต้องสร้างพันธมิตรระหว่างภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาหลักสูตรที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และต้องยกระดับจริยธรรม ความรับผิดชอบด้านเทคโนโลยีมาบรรจุเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาให้นักศึกษามีจริยธรรมด้วยสิ่งสำคัญคือ “ความเป็นนานาชาติและการเรียนรู้ข้ามพรมแดน” เพราะการใช้เทคโนโลยีจะช่วยให้การเรียนรู้ข้ามพรมแดนเป็นเรื่องปกติ มหาวิทยาลัยต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ระดับโลกได้ง่ายขึ้นจริงๆแล้วการบูรณาการเอไอถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งด้านการส่งเสริมการเรียนรู้เฉพาะบุคคล การเพิ่มประสิทธิภาพประเมินผล การปรับบทบาทครูให้เป็นผู้เอื้ออำนวยการเรียนรู้ด้วยในอนาคตการเรียนรู้จะเป็นแบบอัตโนมัติ ยืดหยุ่น และผสมผสานมากขึ้น ดังนั้นมหาวิทยาลัยควรวางแผนระยะยาวอย่างรอบคอบ เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากร สร้างความร่วมมือข้ามสถาบันกำหนดนโยบายการใช้เอไอที่มีจริยธรรม และมีความรับผิดชอบ เพื่อให้สามารถสร้างระบบการศึกษาที่มีคุณภาพ เท่าเทียม และยั่งยืนได้เพราะประเทศพัฒนาขับเคลื่อนนโยบายการศึกษาเอไอจริงจัง “ประเทศในอาเซียน” กำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนาต่างกันจากปัจจัยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการสร้างความรู้เท่าทันให้บุคลากร-นักศึกษาเช่นนี้ขอเสนอสถาบันการศึกษาปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลง “กำหนดยุทธศาสตร์การศึกษายุคเอไอให้ชัด” ตั้งแต่บูรณาการเอไอในการเรียนการสอน วิจัย และบริหารจัดการรอบด้านให้สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน “ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และเทคโนโลยีดิจิทัล” พัฒนาเครือข่ายอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงถัดมาคือ “การพัฒนาสมรรถนะด้านเอไอของบุคลากรทุกระดับ” จัดอบรมอาจารย์ นักวิจัย และบุคลากรสายสนับสนุนให้มีความรู้ด้าน AI, Big Data และ Machine Learning อย่างต่อเนื่อง “ออกแบบหลักสูตรใหม่” ส่งเสริมทักษะมนุษย์ที่ไม่สามารถแทนที่ได้ด้วยเอไอ และประเมินผลกระทบของการใช้เอไออย่างสม่ำเสมอเพื่อพัฒนากลไกการติดตาม ประเมิน และปรับปรุงการนำเอไอ มาใช้ในระบบการศึกษาอย่างเป็นระบบให้สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง “ส่งเสริมการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียม” กำหนดมาตรการสนับสนุนผู้เรียนในพื้นที่ห่างไกล และกลุ่มเปราะบางให้สามารถเข้าถึงโอกาสการเรียนรู้ดิจิทัลได้อย่างทั่วถึงนี่เป็นการปรับตัวของวงการศึกษาไทยครั้งสำคัญ “ไม่ใช่แค่ทางเลือกแต่คือความจำเป็น” เพื่อความอยู่รอด และอนาคตของชาติ “โอกาสในการใช้เอไอ” มาพัฒนาการเรียนรู้ให้มีคุณภาพท่ามกลางความท้าทายทางความเหลื่อมล้ำ และโครงสร้างพื้นฐานเป็นอุปสรรคที่เราต้องข้ามผ่าน...คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม