มติศาลรัฐธรรมนูญ 6 ต่อ 3 ฟัน “แพทองธาร” พ้นเก้าอี้นายกฯ เซ่นคลิปสนทนา “ฮุน เซน” ชี้ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ยึดถือคะแนนนิยม-เสถียรภาพรัฐบาล ไม่คำนึงผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง เสื่อมเสียเกียรติภูมินายกฯและประเทศไทย “อิ๊งค์” ยัน เจตนาตั้งใจปกป้องชีวิตประชาชน ยินดีทำเพื่อประโยชน์ประเทศ ขอทุกฝ่ายร่วมกันทำให้การเมืองมีเสถียรภาพ สองขั้วชิงเหลี่ยมแย่งจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ปชน.เนื้อหอมตั้ง 3 เงื่อนไขไม่ร่วมรัฐบาล ขีดเส้นยุบสภาภายใน 4 เดือน ทำประชามติแก้ รธน.โดย ส.ส.ร. “ภูมิธรรม” นำทีมขั้วเดิมแถลงตั้งรัฐบาลต่อ ไร้เงาพรรคกล้าธรรม “อนุทิน” เดินเกมเร็วเดินสายคุย หน.ปชน. รับทุกเงื่อนไขแลกเสียงหนุน บุกพรรค กธ.เทียบเชิญร่วมรัฐบาล “ไชยชนก”เปิดพรรคกล่อม “เฮ้ง” นำ สส.กลุ่ม 18 ย้ายข้างศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาศาล รธน.ชี้ขาดคดีคลิปเสียง “ฮุน เซน”เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ที่อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ถนนแจ้งวัฒนะ ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาดคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา 36 สว. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นนายกฯ ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) กรณีไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง สืบเนื่องจากคลิปสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธารกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา โดยได้จัดพื้นที่และติดตั้งจอโทรทัศน์เพื่อรับภาพและเสียงจากห้องพิจารณาคดี มายังพื้นที่ด้านล่างและห้องสื่อมวลชน พร้อมถ่ายทอดคำวินิจฉัยผ่านช่องทาง youtube สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญด้วย มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 (บก.น.2) 1 กองร้อย พร้อมเจ้าหน้าที่ EOD สุนัขตำรวจ รักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบอย่างเข้มงวด ท่ามกลางสื่อมวลชนสำนักข่าวต่างๆทั้งไทยและต่างประเทศจำนวนมากเดินทางมาเกาะติดรายงานข่าวอย่างเนืองแน่น“หมอมิ้ง” ตัวแทนนายกฯฟังคำวินิจฉัยกระทั่งเวลา 09.30 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมเพื่อแถลงคำวินิจฉัยส่วนตน ปรึกษาหารือและลงมติ จากนั้นจะทำคำวินิจฉัยกลางเพื่ออ่านให้คู่ความฟังในเวลา 15.00 น. โดย พล.อ. สวัสดิ์ ทัศนา สว.ผู้ร้องเดินทางมาฟังศาลด้วยตัวเอง ส่วนนายกฯมอบหมาย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯและทนายความมาฟังคำวินิจฉัย มติ 6 ต่อ 3 “อิ๊งค์” สิ้นสุดความเป็น รมต.ต่อมาเวลา 15.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ให้ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ ฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ฐานมีลักษณะไม่รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิ และรักษาผลประโยชน์ประเทศ ถือประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประเทศ โดยให้มีผลนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้รัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ โดยเสียงข้างน้อย 3 เสียง ประกอบด้วยนายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ นายนภดล เทพพิทักษ์ และนายสุเมธ รอยกุลเจริญ ที่เห็นว่า เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานทาง จริยธรรมอย่างไม่ร้ายแรง แต่ตุลาการฯ 6 เสียง ประกอบด้วย นายปัญญา อุดชาชน นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายจิรนิติ หะวานนท์ นายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม และนายอุดม รัฐอมฤต เห็นว่า น.ส.แพทองธารขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญไม่เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ประเด็นไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ตุลาการฯ เห็นว่าข้อกล่าวหายังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า น.ส.แพทองธารสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ภายหลังการประชุม JBC สมเด็จฮุน เซน กลับมีการแถลงตอบโต้และแสดงจุดยืนกดดันประเทศไทย ไม่สอดคล้องกับผลการประชุม JBC ที่มีการตกลงกันไว้ เมื่อนายกฯโทรศัพท์พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ ก็ไม่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงที่นายกฯตอบรับข้อเสนอการเจรจาดังกล่าว และไม่ได้ก่อให้เกิดผลการเปลี่ยนแปลงต่อการดำรงตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 หรือการเปิดด่านชายแดน จึงถือว่า ข้อกล่าวหาไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ เพราะผู้ถูกร้องยังยึดผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลความขัดแย้งรุนแรง ไม่ได้เป็นการบ่อนทำลายประเทศ ดังนั้น จึงเป็นการแสดงออกที่ไม่นิ่งเฉยต่อปัญหา พยายามรักษาประโยชน์ประเทศ ชาติ และความสงบสุขของประเทศ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงไม่เข้าข่ายไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ต้องรักษาศักดิ์ศรีเกียรติภูมิประเทศส่วนการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตุลาการฯเห็นว่านายกฯเป็นหัวหน้ารัฐบาลที่มี 2 สถานะ ทั้งการเป็นประชาชนที่มีเสรีภาพในการกระทำภายใต้บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และสถานะการเป็นนายกฯที่ถูกจำกัดเสรีภาพ โดยเฉพาะความมั่นคงของประเทศ ที่จะต้องรักษาผลประโยชน์ของประเทศเหนือประโยชน์ส่วนตน รวมถึงศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิประเทศ จึงจะต้องตัดสินใจเพื่อประโยชน์ประเทศ และประชาชน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่านายกฯมีการพูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน เรื่องเปิดปิดชายแดน แม้จะเป็นการสนทนาแบบส่วนตัว แต่มีเนื้อหาสาระสำคัญ เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการขอเปิดด่าน เป็นเรื่องความมั่นคงประเทศ จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัวทั่วไป และไม่ใช่การกระทำส่วนตัว แต่เป็นการกระทำในฐานะนายกฯเจรจาต้องรอบคอบและรับผิดชอบเมื่อพิจารณาถ้อยคำที่มีการกล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ผู้ถูกกล่าวอ้างเป็นการใช้เทคนิคการเจรจาเพื่อแก้ปัญหาออกจากตัวบุคคล เพื่อลดความตึงเครียดนั้น ตุลาการฯเห็นว่า ถ้อยคำดังกล่าว วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่า เป็นการแสดงความอ่อนแอทางการเมืองในประเทศ และเป็นช่องทางให้กัมพูชาสามารถแทรกแซงกิจการภายในประเทศได้ ซึ่งไม่ว่าจะใช้เทคนิคใด แต่ในเมื่อเป็นนายกฯจะต้องปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ประเทศและประชาชน ใช้อำนาจด้วยความรอบคอบ เพื่อประโยชน์ประเทศ คำนึงกรอบจริยธรรม ไม่ใช่จะเจรจาอย่างอิสระตามอำเภอใจ ทั้งที่การเจรจาเรื่องความมั่นคงของประเทศ และการเลือกใช้วิธีการเจรจาเช่นนี้ ยิ่งต้องใช้ความรับผิดชอบและความรอบคอบมุ่งรักษาคะแนนนิยม เมินความมั่นคงส่วนถ้อยคำที่นายกฯแสดงขอความเห็นใจจากสมเด็จฮุน เซน ที่ระบุ“ให้ท่านฮุน เซนเห็นใจหลานหน่อย เพราะว่าตอนนี้คนในประเทศไทย เขาไล่เราไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว อิ๊งค์โดนหนักมากเลย ถ้าจะเอาอะไรจริงๆ ให้บอกอิ๊งค์ได้เลย” ถ้อยคำดังกล่าวเป็นการขอให้สมเด็จฮุน เซน เห็นใจนายกฯในการแก้ไขปัญหาชายแดน เพราะถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จนเสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน และให้เสนอข้อเสนอต่อการเปิดด่านร่วมกัน ทั้งที่สถานการณ์ยังไม่มีทีท่าจะลดระดับความรุนแรง รวมถึงคำเบิกความของนายกฯ ระบุเองว่าประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการปิดด่านน้อยกว่ากัมพูชา ดังนั้นการเจรจาของนายกฯเพื่อขอให้เปิดด่าน จึงเป็นไปตามความประสงค์ของสมเด็จฮุน เซนมากกว่า และเป็นไปเพื่อลดการวิพากษ์วิจารณ์ของนายกฯ โดยมุ่งหวังเพียงการทำคะแนนนิยมในประเทศให้ดีขึ้น เพื่อนำไปสู่เสถียรภาพของรัฐบาล โดยไม่ได้คำนึงสถานการณ์ความมั่นคงในขณะนั้นขาดความรอบคอบเสื่อมเกียรติภูมิชาติดังนั้นพฤติกรรมดังกล่าว ทำให้วิญญูชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่า นายกฯ จะยินยอมกระทำตามกัมพูชา เพราะรู้จักกับสมเด็จฮุน เซน ส่วนตัว และเอื้อประโยชน์กัมพูชา หลังปรากฏคลิปเสียง นายกฯได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.ชุดเล็กภายหลัง แต่ไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดคลิปเสียงดังกล่าว แต่ไม่ได้มีผลลบล้างเจตนาที่แท้จริงที่ได้กระทำไป ดังนั้นการขอความเห็นใจจากสมเด็จฮุน เซน ไม่ใช่เทคนิคการเจรจา แต่เป็นการขาดความรอบคอบ ไม่ระมัดระวัง ทั้งที่ความเป็นนายกฯ จะต้องระมัดระวัง ไม่ให้ขัดรัฐธรรมนูญ เมื่อนายกฯมีประโยชน์ส่วนตัว ทั้งคะแนนนิยมและเสถียรภาพรัฐบาล ทำให้ไม่คำนึงผลประโยชน์ประเทศเป็นที่ตั้ง ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมินายกฯและประเทศไทย ทำให้ประชาชนชาวไทย ได้รับความเสียหายจากผู้นำของประเทศ อันมีลักษณะไม่รักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิ และรักษาผลประโยชน์ประเทศ ถือประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประเทศ เป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างร้ายแรงผิดจริยธรรมร้ายแรง–ขาดคุณสมบัติแม้นายกฯจะระบุเป็นการเจรจาส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรง แต่การกระทำดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์นายกฯ ทำให้สาธารณชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่านายกฯจะเอื้อประโยชน์ให้กับกัมพูชาหรือไม่ ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ ไม่ยึดความถูกต้องชอบธรรม ดังนั้นจึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ทำให้ขาดคุณสมบัติ ส่วนข้อกล่าวหาอื่นๆไม่ต้องวินิจฉัย เพราะไม่ได้มีผลทำให้คดีเปลี่ยนไป ดังนั้นความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารจึงสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่และคณะรัฐมนตรีจะต้องพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ แต่ให้อยู่รักษาการจนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่“สมชาย” จี้ ป.ป.ช.ฟันคดีอาญาต่อด้านนายสมชาย แสวงการ อดีต สว. กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้จะผูกพันทุกองค์กร คดีที่ค้างอยู่ก็มีเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ สว.ปัจจุบันไปร้องผิดจริยธรรม และมีเรื่องที่ตนและ คณะที่ไปร้อง และมีประชาชนอื่นไปร้อง เชื่อว่าคำวินิจฉัยเข้าในประเด็นที่ร้องอยู่แล้ว ป.ป.ช.จะเร่งดำเนินการเรื่องคดีอาญากับ น.ส.แพทองธารต่อไป“อิ๊งค์” ยิ้มลุ้นระทึก พี่สาวร่วมวงเมื่อเวลา 12.35 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดีคลิปเสียง เมื่อลงจากรถหน้าตึกไทยคู่ฟ้า น.ส.แพทองธารมีสีหน้ายิ้มแย้มโบกมือทักทายสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ที่รอติดตามการแถลงข่าวของ น.ส.แพทองธาร ที่โถงกลางตึกไทยคู่ฟ้า โดยมีนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาวของนายกฯ เดินทางมาร่วมให้กำลังใจ น.ส.แพทองธารและรับฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไปพร้อมกันทำเนียบฯคึก รมต.ตบเท้าให้กำลังใจต่อมาเวลา 13.00 น. บรรดารัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาล ทยอยเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อร่วมรับฟังคำวินิจฉัยร่วมกับนายกฯอย่างคึกคัก โดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเป็นคนแรก ตามด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ นางมนพร เจริญศรี รมช. คมนาคม นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย นายชัยชนะ เดชเดโช รมช.สาธารณสุข น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า มาเป็นทุกอย่าง มาเป็นพลังให้นายกฯ และนายกฯกำลังใจดีอยู่แล้ว ขณะที่นางมนพรกล่าวเพียงสั้นๆว่า มาให้กำลังใจนายกฯ“อิ๊งค์” ยันตั้งใจปกป้องชีวิต ปชช.ต่อมาเวลา 16.00 น. ที่โถงกลางตึกไทยคู่ฟ้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นนายกฯสิ้นสุดลง มีรัฐมนตรีพรรคร่วมฯทุกพรรคร่วมยืนด้านหลัง โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ด้วยความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม ขอน้อมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ความตั้งใจอย่างแท้จริง ที่ตั้งใจจะทำเพื่อประเทศตลอดมา ไม่ว่าบทสนทนานั้นที่เป็นคลิปเสียงออกไป ตนไม่ได้ขออะไรเพื่อเป็นประโยชน์ของตัวเองเลย อยากบอกพี่น้องประชาชนอีกครั้งว่าสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่ตนยึดมั่นเสมอคือชีวิตของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือพลเรือน ตั้งใจจริงๆด้วยใจที่มุ่งมั่นว่าจะทำอย่างไรเพื่อรักษาชีวิตเขาเหล่านั้นไว้ให้ได้ คลิปนี้เกิดขึ้นก่อนการปะทะที่รุนแรงในวันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา ขอยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะเป็นเรื่องที่ตั้งใจจะสื่อสารจริงๆขอร่วมกันทำการเมืองให้มีเสถียรภาพน.ส.แพทองธารกล่าวว่า คำตัดสินในวันนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างฉับพลัน เราต้องมาช่วยกันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลเองหรือฝ่ายค้าน ประชาชนต้องมาร่วมใจกัน สร้างเสถียรภาพทางการเมืองของเราให้กลับมาเข้มแข็งให้ได้ ให้ไม่มีจุดเปลี่ยนอย่างฉับพลันเช่นนี้อีก แน่นอนว่าตนเองในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ต้องขอขอบพระคุณประชาชนทุกท่านที่ให้โอกาสตนเองได้ทำงานมาเกือบ 1 ปีเต็ม ตนเองภูมิใจที่ได้มาอยู่ตรงนี้ ได้ทำเพื่อประเทศชาติ นำประสบการณ์ และความตั้งใจเพื่อมาพัฒนาประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศไทยของเราเต็มไปด้วยโอกาส ตนคิดว่าอย่างไรก็ตาม รัฐบาลต่อจากนี้จะนำเรื่องโอกาสกลับมาให้ประชาชนให้ได้ เพราะว่าการที่ประชาชน สามารถลืมตาอ้าปาก กินดีอยู่ดีขึ้นได้ นั่นคือพื้นฐานที่สำคัญในการเป็นประเทศที่เข้มแข็ง มีเสถียรภาพ ตนในฐานะคนไทยคนหนึ่ง มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์สุดหัวใจ เท่าที่คนไทยจะทำได้ ยังขอยืนยันในเรื่องนี้ตลอดไปยินดีทำเพื่อประโยชน์ ปท.ไม่ว่าเล็กใหญ่น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ต้องขอขอบคุณทุกท่านอีกครั้งที่ให้โอกาส และขอขอบคุณ ครม. ที่ทำงานร่วมกันมา ขอบคุณสื่อมวลชน ขอบคุณทุกๆท่านที่ให้โอกาส ให้ความรู้ ให้ประสบการณ์ ทำให้ดิฉันได้รู้ข้อดีข้อเสียของตัวเอง พร้อมที่จะพัฒนาต่อไป แน่นอนว่าหากมีส่วนไหนที่จะทำเพื่อประเทศชาติให้ดีขึ้นได้ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ยินดีที่จะทำทั้งนั้น ต่อจากนี้ขอส่งกำลังใจให้ทีมบริหารต่อไป ช่วยกันพัฒนาประเทศต่อไป จะคอยติดตามอย่างใกล้ชิด และเป็นกำลังที่ดีให้ประเทศชาติต่อไป”พรรคร่วม รบ.หารือ รร.รอยัลปริ๊นเซสต่อมาเวลา 16.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะแถลงที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง ในเวลา 17.30 น. ผลการหารือของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างไรบ้าง ขอให้ติดตามการแถลง แต่ยืนยันว่าทิศทางเป็นไปในแนวทางที่ดี เมื่อถามว่าจะเสนอชื่อใครเป็นแคนดิเดตนายกฯ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอให้ไปฟังการแถลงนายชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการ รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า น.ส.แพทองธารขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว ไม่สามารถโหวตกลับมาเป็นนายกฯได้อีก เมื่อถามว่าตอนนี้อีกขั้วมีความพยายามไปรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่พรรค ภท.แล้ว พรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้พูดคุยกันอย่างไรบ้าง จะสนับสนุนนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.หรือไม่ นายชูศักดิ์กล่าวว่า เดี๋ยวจะพูดคุยกันเวลา 17.30 น.“เฉลิมชัย” บอกใบ้ตัวเองชื่อ “ต่อ”ด้านนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตอบเพียงสั้นๆหลังผู้สื่อข่าวถามถึงจุดยืนของพรรค ปชป.จะยังคงอยู่ร่วมรัฐบาลเดิมหรือไม่ โดยนายเฉลิมชัยบอกเป็นนัยกลับมาว่า “ผมชื่อต่อ” ก่อนเดินเข้าไปในตึกไทยคู่ฟ้าขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รักษาการ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ปฏิเสธตอบคำถามถึงจุดยืนของพรรค ชทพ. กล่าวเพียงว่า ให้รอฟังข่าว ก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาลนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รักษาการ รมว.อุตสาห กรรม เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงจุดยืนพรรคว่า เดี๋ยวค่อยคุยกัน เมื่อถามว่าพรรคร่วมฯยังจะสนับสนุนนายชัยเกษมเป็นนายกฯคนต่อไปหรือไม่ นายเอกนัฏยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบคำถามเรียกประชุม ครม.นัดพิเศษด่วนจากนั้นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล ไปรวมตัวกันเพื่อหารือสถานการณ์ทางการเมือง ที่โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส หลานหลวง เวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีการเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษในวันที่ 30 ส.ค. ที่ห้องประชุม 501 ชั้น 5 ตึกบัญชาการ 1 ชั้น 5 ทำเนียบรัฐบาล เวลา 10.00 น.มวลชนปักหลัก พท.ให้กำลังใจขณะที่พรรคเพื่อไทยมีกลุ่มมวลชนผู้สนับสนุนและแฟนคลับพร้อมใจใส่เสื้อแดง สกรีนรูป น.ส.แพทองธาร มีข้อความนายกฯคนที่ 31 มารวมตัวเพื่อให้กำลังใจ น.ส.แพทองธาร บริเวณโรงอาหารพรรคพท.ได้จัดเตรียมสถานที่นั่งแก่สื่อมวลชน กลุ่มมวลชนและกลุ่มผู้สนับสนุนที่ทยอยเดินทางมา พร้อมติดตั้งจอโทรทัศน์ ถ่ายทอดสดช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยเวลา 15.00 น. โดยเวลา 14.00 น. สส.พรรคพท.ทยอยเดินทางเข้าพรรคมาติดตามฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ แทนการเดินทางไปให้กำลังใจนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาลมวลชนยันไม่ทิ้งปลุกพรรคสู้ต่อเมื่อเวลา 15.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศภายหลังจากศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกฯ มวลชนได้ลุกขึ้นโห่และตะโกนร้องเพื่อไทยสู้ต่อๆ เพื่อไทยสู้ๆ โดยมวลชนเสื้อแดงที่ได้เดินทางมาติดตามผลคำวินิจฉัยที่พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ไม่ต้องตกใจยังมีนายชัยเกษม นิติสิริ ที่จะเป็นนายกฯต่อได้แน่นอน เชื่อมั่นพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีไปไหน พรรคเพื่อไทยถูกเลือกมา 12 ล้านเสียง ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร มวลชนคนเสื้อแดงจะยืนเคียงข้างพรรคเพื่อไทยตลอดไป“ทักษิณ” เข้า พท.ปิดปากไม่ตอบสื่อต่อมาเวลา 17.25 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมาที่พรรค พท. ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายทักษิณภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่นายทักษิณปฏิเสธให้สัมภาษณ์ โดยนายทักษิณคุยโทรศัพท์ตลอดเวลา แม้สื่อมวลชนจะพยายามตะโกนสอบถามกำลังใจล้นแม่-พี่สาวพร้อมหน้าจากนั้นเวลา 17.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี เดินทางมาถึงพรรคเพื่อพบกับ สส.และมวลชนคนเสื้อแดงที่รอให้กำลังใจ มีคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ มารดา พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว รอให้กำลังใจที่พรรคเช่นกัน ทันทีที่ น.ส.แพทองธารมาถึงเข้าสวมกอดคุณหญิงพจมานและพบปะพูดคุยกับ สส.ที่มารอ สส.มอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจ น.ส.แพทองธารที่มีสีหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน น.ส.แพทองธารกล่าวกับ สส.ว่าให้กำลังใจ สส.ทุกคนสู้ต่อไป อย่าหมดกำลังใจ จะสู้ไปด้วยกัน ขณะที่มวลชนคนเสื้อแดงต่างตะโกนให้สู้ๆ จากนั้น น.ส.แพทองธารพร้อม สส.เดินทางขึ้นไปพูดคุยกันต่อที่ชั้น 5 หารือถึงสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้พรรคร่วมเดิมฯ แถลงไปต่อไร้เงา กธ.ที่โรงแรมปริ๊นเซส หลานหลวง เวลา 17.00 น. บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมารวมตัวกันเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลต่อ นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ รองนายกฯและ รมว.มหาดไทยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกฯ และ รมว.คมนาคม แกนนำพรรคเพื่อไทย รวมไปถึงรักษาการรัฐมนตรีพรรค พท.นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รักษาการ รมช.ศึกษาธิการ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา นายวราวุธ ศิลปอาชา รักษาการ รมว.พม. หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการ รมว.ทส.หัวหน้าพรรค ปชป. นายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการ รมช.มหาดไทย เลขาธิการพรรค ปชป.นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการ รมช.สาธารณสุขรองหัวหน้าพรรค ปชป. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รักษาการรองนายกฯ และ รมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครทสช. นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รักษาการ รมว.อุตสาหกรรม เลขาธิการพรรค รทสช. โดยไม่มีตัวแทนพรรคกล้าธรรม (กธ.) ที่มี สส. 25 เสียงเข้าร่วมแกนนำ พท.มั่นใจตั้งรัฐบาลได้หลังหารือกว่า 1 ชั่วโมง นายภูมิธรรมแถลงว่า ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ควรทำให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่อยากให้เกิดสุญญากาศ เราจึงยังจะจับมือที่จะร่วมกันเป็นรัฐบาลในห้วงรักษาการนี้ต่ออย่างดีที่สุด ไม่ให้กระทบต่อการแก้ปัญหาประชาชน เราตกลงกันว่าจะยังจับมือร่วมกัน ให้พรรค พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามกระบวนการอย่างถูกต้องและเต็มที่ เพื่อเลือกนายกฯคนใหม่ จะดำเนินการจนถึงที่สุด หากสภาฯ เปิดเมื่อใดการเลือกตั้งนายกฯ จะเกิดขึ้น เมื่อถามว่าไม่มีพรรค กธ. รวมเสียง สส.ได้กี่เสียง นายภูมิธรรมตอบว่า ตอนนี้ยังมีครบอยู่ที่เป็นประเด็นเป็นเพียงข่าว เรายังไม่ได้รับรายงานเป็นทางการ ถือว่าเรายังจับมือร่วมกัน จะเป็นอย่างไรต่อไปก็เป็นกระบวนการที่พรรค พท.ไปดำเนินการต่อ ยังเชื่อมั่นว่าเรายังดำเนินการต่อไปได้ พรรค พท.มั่นใจว่าจัดตั้งรัฐบาลได้ไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่าพรรคกล้าธรรมยืนยันหรือไม่ว่าจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเช่นเดิม นายภูมิธรรมกล่าวว่า พรรค กธ.ไม่ได้เข้ามาขณะนี้ แต่ก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะไป คิดว่ายังร่วมมือกันทำงานได้เสียงพอหรือไม่วันเลือกนายกฯถึงรู้เมื่อถามต่อว่า สส.พรรค รทสช.บางส่วนไปที่พรรค ภท.จะทำให้เสียงหายไปหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า จะรู้อีกทีวันเลือกนายกฯ ต้องรอการแจ้งเป็นทางการของแต่ละพรรค เมื่อถามต่อว่าเงื่อนไขพรรค ปชน.ที่จะยกมือให้หากแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภาภายใน 4 เดือน นายภูมิธรรมกล่าวว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศและกระบวนการเสริมสร้างประชาธิปไตย พวกเราพร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว ส่วนพรรคร่วมฯ เมื่อตั้งรัฐบาลได้แล้วจะยังคงตำแหน่งเดิมหรือไม่ ให้เป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย เมื่อถามอีกว่าการรวมเสียงครั้งนี้จะเสนอนายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.เป็นนายกฯคนต่อไปใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เราต้องคุยกันทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ พรรค พท.ต้องพิจารณาว่าต้องเสนอใคร มีนายชัยเกษมอยู่และยังมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน เดี๋ยวไปดูในรายละเอียด เราจะดำเนินการเร็วที่สุด หลังงานแถลงข่าวร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรม รักษาการนายกฯ นำพรรคร่วมรัฐบาลไขว้แขนจับมือแสดงถึงความสามัคคีและกลมเกลียวกันสภาฯยังไม่กำหนดวันเลือกนายกฯที่รัฐสภา ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขา ธิการสภาฯให้สัมภาษณ์ถึงขั้นตอนการเลือกนายกฯ คนใหม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกฯ ว่า จะเลือกนายกฯวันใด ขณะนี้ยังไม่ทราบ ต้องรอวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้านหารือร่วมกันว่าจะพร้อมวันใด เพื่อแจ้งมายังประธานสภาฯ กำหนดวันเลือกนายกฯต่อไป การเลือกนายกฯ คนใหม่ ไม่มีระยะเวลากำหนดว่าจะต้องเลือกภายในกี่วันภท.รวมตัวลุ้นเดินเกมพลิกขั้วตั้ง รบ.สำหรับความเคลื่อนไหวพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ตั้งวอร์รูมติดตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ มีแกนนำพรรค และ สส.ทยอยเข้าพรรคคึกคัก เวลา 13.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค นายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรค นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตเลขาธิการพรรค มาถึงพรรคขึ้นอาคารทางประตูด้านหลัง นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค กล่าวว่า “รวมพลเฉยๆ คิดถึงกัน ก็ลุ้นครับ ลุ้น” ด้าน น.ส.แนนบุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรค ภท. กล่าวว่า ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร เพียงแต่มาร่วมสังเกตการณ์ เรารอสถานการณ์เหมือนทุกพรรค“สันติ” นำ สส.เพชรบูรณ์ พปชร.โผล่ต่อมาเวลา 13.38 น. กลุ่ม สส.เพชรบูรณ์ พรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ นายอัคร ทองใจสด นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ และนายวรโชติ สุคนธ์ขจร เดินทางมาที่พรรค ภท. มีกรรมการบริหารพรรค ภท.ลงมาต้อนรับพร้อมสวมกอด ก่อนพาขึ้นไปห้องรับรองชั้นบน ผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า เดินทางมาแบบนี้ถือว่าส่งสัญญาณหรือมีนัยทางการเมืองหรือไม่ หรือเป็นการจัดตั้งรัฐบาลล่วงหน้าแล้ว แต่ไม่มีการตอบคำถาม ขณะที่ น.ส.แนนกล่าวว่า “มารับประทานอาหารกัน” กระทั่งเวลา 14.48 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. เดินทางมาสมทบ ทักทายว่าวันนี้นักข่าว เยอะเลย ผู้สื่อข่าวถามว่า มาให้กำลังใจหรือมายินดีอะไรหรือไม่ นายสันติตอบว่า ไม่มีอะไรเลย แล้วเดินเข้าไปในลิฟต์ทันที“ไชยชนก” ต้อนรับ “เฮ้ง” กลุ่ม 18 จิบกาแฟหลังจากนั้น นายสุชาติ ชมกลิ่น รักษาการ รมช.พาณิชย์ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แกนนำกลุ่ม 18 มาพร้อมกับนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา นายวัชระ ยาวอหะซัน สส.นราธิวาส นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ สส.บัญชีรายชื่อ นายปรเมษฐ์ จินา สส.สุราษฎร์ธานี นางธิวัลรัตน์ อังกินันท์ สส.เพชรบุรี นายถนอมพงษ์ หลีกภัย สส.ตรัง นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี เป็นต้น เดินทางมาพรรค ภท. โดยมีนายไชยชนก และ สส. พรรค ภท.ต้อนรับ เมื่อถามว่ามาพรรค ภท.ครั้งนี้เพื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่หรือไม่ นายสุชาติตอบว่า “มากินกาแฟ” เมื่อถามต่อว่าจะสนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯเลยหรือไม่ นายสุชาติตอบว่า “ขอคุยกับเลขาฯก่อน”นายไชยชนกกล่าวถึงการที่พรรคร่วมรัฐบาลเดิมทยอยเดินทางเข้ามาพรรค ภท.ส่งสัญญาณจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันหรือไม่ว่า ต้องรอดูสถานการณ์แต่สิ่งที่สำคัญตอนนี้ คิดว่าประเทศมีความหวัง มีกระบวนการยุติธรรมที่ให้ความเป็นธรรม ส่งผลมหาศาลต่อประชาชน เมื่อถามว่าตอนนี้พรรค ภท.เดินเกมเร็วจัดตั้งรัฐบาลใช่หรือไม่ นายไชยชนกกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำให้เร็ว ขณะที่นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส.เพชรบูรณ์ พรรค พปชร. เดินทางกลับ ผู้สื่อข่าวถามว่าพร้อมโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯหรือไม่ นางวันเพ็ญพยักหน้ารับ4 สส.พรรคจิ๋วพร้อมโหวตให้ “เสี่ยหนู”นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ให้สัมภาษณ์ว่า จุดยืนพรรคประชาธิปไตยใหม่ มีกลุ่ม สส.พรรคเล็กรวม 4 เสียงพร้อมสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ปท.เป็นนายกฯคนใหม่ เพราะต้องการให้แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาให้สำเร็จ หากนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯพรรค พท. มาเป็น เชื่อว่าปัญหาชายแดนจะไม่ยุติ อาจสูญเสียเพิ่มมากขึ้น ยืนยันไม่ได้ขายตัวแต่มองเห็นสถานการณ์ข้างหน้า ในฐานะอดีตครูชายแดนไม่อยากให้เกิดความสูญเสียกับประชาชนชายแดน ไม่อยากให้ชาวบ้าน รับกรรมมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เมื่อถามว่าก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปไตยใหม่ถูกวางให้อยู่ข้างรัฐบาลมาก่อน นายสุรทินตอบว่า ก็เขียนกันไป ตอนนั้น ประชาชนอยากให้เป็นรัฐบาลก็เป็นให้ ตอนนี้ได้รับปาก กับผู้ใหญ่ว่า พอแล้วสำหรับรัฐบาลเก่า พร้อมโหวตให้นายอนุทิน ส่วนพรรค ปชน.ยื่นเงื่อนไข โดยไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี เอามาให้ตนก็ได้ พร้อมเป็นรัฐมนตรีแก้ปัญหาประเทศ แม้มีเวลาทำงานสั้นๆ พร้อม ทำงานเต็มที่ปชน.ตั้ง 3 เงื่อนไข—ยุบสภาใน 4 เดือนเมื่อเวลา 16.30 น. ที่พรรคประชาชน (ปชน.) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน.แถลงจุดยืนของพรรคว่า พรรค ปชน.ในฐานะเป็นพรรคเสียงมากที่สุดในสภาฯถือภารกิจผ่าทางตันทางการเมือง โดยอาศัยกระบวนการและกลไกในรัฐสภา คือการเลือกนายกฯคนใหม่ในการทำหน้าที่ยุบสภา เพื่อป้องกันกรณีให้มีนายกฯที่เคยเป็นอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร หรือนายกฯคนนอกเข้าสู่อำนาจได้ โดย สส.พรรค ปชน.ทุกคน พร้อมเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งนายกฯคนใหม่ ภายใต้เงื่อนไขดังต่อไปนี้ 1.นายกฯคนใหม่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน ตั้งแต่ที่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป 2.ครม.ชุดใหม่ต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยเร็ว ทั้งนี้ ต้องไม่เกินวันก่อนการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป 3.พรรค ปชน.ยืนยันที่จะไม่ร่วมรัฐบาลและทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไป โดยจะทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลชุดใหม่เต็มที่ และจะไม่มีบุคคลใดจากพรรค ปชน.ไปดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีใน ครม.นี้จี้ รบ.รักษาการอย่าทำให้ไทยเสียเปรียบเมื่อถามถึงกระแสข่าวที่นายอนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรค ภท.จะมาที่พรรค ปชน. ได้มีการติดต่อประสานงานกันหรือยัง นายณัฐพงษ์ยืนยันว่า ยังไม่มีการติดต่อประสานงานทางการใดๆ ไม่ทราบเหมือนกันว่าความตั้งใจของนายอนุทินที่จะเข้ามาพูดคุยจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่เชื่อว่าวันนี้ได้แถลงเรื่องเงื่อนไขการตั้งรัฐบาล ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ยุบสภาฯโดยเร็วไปแล้ว เมื่อถามว่าคำวินิจฉัยจะส่งผลต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาหรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของรัฐบาลรักษาการ รวมถึงส่วนราชการของไทยทุกส่วนที่ต้องสื่อสารและทำอย่างไรไม่ให้ประเทศไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ“เสี่ยหนู” ดอดคุย “เท้ง” ขอเสียงหนุนต่อมาเวลา 17.50 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. พร้อมนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. และนายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรค ภท.เดินทางมาถึงพรรค ปชน. ท่ามกลางบรรยากาศสื่อมวลชนแทบทุกสำนัก ที่เกาะติดสถานการณ์อยู่ ทันทีที่ลงจากรถนายอนุทิน บอกผู้สื่อข่าวว่า มีนัดหารือกับหัวหน้าพรรค ปชน. เมื่อถามว่ามาขอเสียงโหวตหนุนเป็นนายกฯใช่หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ขอขึ้นไปพบหัวหน้าพรรค ปชน.ก่อน เมื่อถามย้ำถึงเงื่อนไขพรรค ปชน.ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญก่อนเลือกตั้งใหม่ นายอนุทินกล่าวว่า พรรค ภท.เห็นว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา ที่มันไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน ส่วนเงื่อนไขการยุบสภาฯใน 4 เดือนรับได้หรือไม่ นายอนุทินตอบว่า พอมีปัญหาทางการเมืองอะไรแบบนี้ การคืนอำนาจให้ประชาชนเป็นสิ่งที่ควรกระทำ“เสี่ยหนู” รับทุกเงื่อนไขแลกมือโหวตต่อมาเวลา 18.44 น. นายอนุทินให้สัมภาษณ์หลังพูดคุยกับหัวหน้าพรรค ปชน. ว่า มีการคุยกัน เมื่อถามว่าพร้อมเป็นนายกฯหรือไม่ นายอนุทินหัวเราะตอบว่า ขอกลับไปประชุมกับพรรค ภท. ก่อน เงื่อนไขที่เห็นพ้องกับพรรค ปชน.โดยไม่มีข้อสงสัยคือการยุบสภา เพื่อคืนอำนาจ ที่ท่านหัวหน้าเท้งได้แถลงทั้งหมด อีกทั้งเดี๋ยวจะเดินทางไปที่พรรคกล้าธรรมต่อ ทั้งนี้นายอนุทินคุยกับแกนนำพรรค ปชน.เกือบ 1 ชั่วโมงด้วยความเรียบร้อย โดย นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค ปชน. เปิดเผยว่า นายอนุทินยอมรับสิ่งที่เราได้สื่อสารออกไปครบทุกข้อ ขณะที่นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ภท. กล่าวว่า การเจรจาวันนี้ผลเป็นบวกกับพรรค เพราะมีเจตนาเดียวกันหาทางออกให้กับประเทศ ทั้งนี้ ระหว่างนายอนุทินจะเดินทางกลับ มีประชาชนได้มายืนตะโกนหน้าที่พรรค ปชน.ว่า “ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ได้อำนาจแล้วอย่าลืมร่างรัฐธรรมนูญ ด้วย ได้อำนาจแล้วต้องยุบสภาด้วย”ภท.แถลงการณ์รับเงื่อนไข ปชน.ขณะเดียวกัน พรรค ภท.ได้ออกแถลงการณ์พรรค ตอบรับข้อเสนอและเงื่อนไขพรรค ปชน. จัดตั้งรัฐบาลใหม่ โดยเป็นมติคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. มอบหมายให้นายอนุทินและนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค รับข้อเสนอของพรรค ปชน.และรวบรวมเสียง สส.เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ที่มีพรรค ปชน.ที่มีเสียงมากที่สุดในสภาฯเป็นผู้สนับสนุนหลัก และพรรค ภท.ได้หารือกับพรรคการเมือง บางพรรคและ สส.จำนวนหนึ่ง เห็นตรงกันว่าสามารถรับข้อเสนอของพรรค ปชน.เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล แก้ปัญหาเฉพาะหน้าของประเทศและประชาชน จากนั้นจะยุบสภาจัดให้เลือกตั้ง สส. คืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจทางการเมือง ตามกำหนดเวลาที่พรรค ปชน.เสนอกวักมือพรรคอื่นร่วมตั้งรัฐบาลแข่งแถลงการณ์ระบุอีกว่า หลังจากนี้จะเชิญพรรค การเมืองต่างๆ มาหารือขอรับการสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล เพื่อบริหารประเทศในสถานการณ์ที่มีปัญหาภัยความมั่นคง ภัยเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติและภัยสังคม ให้พ้นจากระยะวิกฤติ นโยบายและภารกิจหลักรัฐบาลใหม่ ที่จะจัดตั้งขึ้นโดยการสนับสนุนของพรรค ปชน.มี 3 ประการ เป็นสาระสำคัญที่จะนำไปหารือกับพรรค การเมืองอื่นๆ เพื่อพิจารณาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้แก่ 1.การแก้ปัญหาความมั่นคง กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา 2.การจัดทำประชามติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญโดยเร็ว และ 3.การยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจทางการเมืองภายในเวลา 4 เดือน นับจากรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จสิ้น“นฤมล” แทงกั๊กขอฟังเสียงสมาชิกก่อนขณะเดียวกันที่พรรคกล้าธรรม (กธ.) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค แถลงจุดยืนพรรคว่า เราต้องการให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ โดยยึดหลักประโยชน์ 3 สถาบันหลักคือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ส่วนจะจับมือร่วมกับใครขอดูทิศทางการบริหารประเทศของทั้ง 2 ฝ่าย และสอดคล้องกับแนวทางของพรรค กธ.หรือไม่ ต้องฟังมติของสมาชิกพรรคด้วย จุดยืนพรรคคือการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน รวมถึงกฎหมายรัฐธรรมนูญ เราพร้อมร่วมมือกันแก้ไขและกฎหมายอื่นๆที่จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาประชาชนและประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้ เมื่อถามว่าทำไมพรรค กธ.ไม่ได้เดินทางไปร่วมกับอดีตพรรคร่วมรัฐบาล นางนฤมลกล่าวว่า ตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย ตนอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลกับ ครม.กับนายกฯ หลังนายกฯแถลงเสร็จ เราจะเดินหน้าต่ออย่างไร ตนตัดสินใจคนเดียวไม่ได้เพราะเราเป็นพรรคการเมือง ต้องมารับฟังความเห็นสมาชิกพรรคทุกคน ต้องขอมติของทุกคนในพรรคว่าจะเดินไปทิศทางใด จึงเดินทางมาที่พรรคก่อน เพื่อจะถามพี่น้องพรรค กธ.ก่อนยกทีมส่งเทียบเชิญ กธ.จากนั้นเวลา 19.30 น. นายอนุทิน พร้อมนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรค นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง เดินทางไปที่พรรคกล้าธรรม (กธ.) มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ หัวหน้าพรรค กธ. นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เลขาธิการพรรค น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ต้อนรับอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง จากนั้นปิดห้องพูดคุยกัน“นฤมล” ชงขอมติพรรคก่อนโหวตกระทั่งเวลา 20.30 น. นางนฤมลเปิดเผยภายหลังหารือว่า ได้หารือถึงปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ เราเข้าใจปัญหาตรงกันในการเข้าก้าวข้ามทางตันทางการเมือง และรายละเอียดว่าจะทำอะไรบ้างก็ไปในทางเดียวกัน ที่เหลือต้องทำตามข้อบังคับพรรค โดยจะนำข้อเสนอของพรรค ภท.เข้าพิจารณากรรมการบริหารพรรค เพื่อเป็นมติทางการของพรรคต่อไป เมื่อถามว่าพร้อมจะโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯใช่หรือไม่ นางนฤมลกล่าวว่า จะไปขอมติพรรค เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรค กธ.ได้ให้เหตุผลอย่างไรบ้าง เพราะไม่ได้มาร่วมเจรจาด้วย นางนฤมลกล่าวว่า ไปตามเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกพรรค เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาได้มีการหารือในระดับหนึ่งแล้วด้านนายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้มั่นใจว่าสามารถรวบรวมเสียง สส.สนับสนุนได้เกิน 250 เสียง ไม่มีอะไรน่ากังวลพท.ประสานคุยรับได้เงื่อนไข ปชน.ที่พรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการ นายกฯ ให้สัมภาษณ์หลังหารือร่วมกับแกนนำพรรคนาน 1 ชั่วโมง หลังทราบว่าพรรคภูมิใจไทยรับเงื่อนไข พรรคประชาชนว่า ขอเรียนให้ประชาชนทราบว่าขณะนี้ พรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกันเหนียวแน่น พร้อมเดินหน้าทำงานเต็มที่ เมื่อถามว่าได้คุยกับพรรค กธ.แล้วหรือยัง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็ยังเหมือนเดิม พรรคร่วมฯพูดคุยกันยังเหมือนเดิม นายอนุทินจะรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ต้องไปถามนายอนุทินเพราะพรรคร่วมฯจับมือร่วมกันหนักแน่นอยู่แล้ว ยังเชื่อว่าที่เป็นอยู่ ณ วันนี้ไปด้วยกันได้หมด แม้กระทั่งพรรค ปชน. สิ่งที่พรรค ปชน.เสนอเงื่อนไขมา พรรค ภท.ตอบรับแล้วก็ตาม พรรค พท.ที่ได้รับมอบหมายจากพรรคร่วมฯเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เราเห็นว่าสิ่งที่เขาเสนอไม่ได้แตกต่างจากพรรค พท. มี พรรค พท.ยินดีที่จะสร้างรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยอยู่แล้วในรายละเอียด และข้อเสนอต่างๆตอนนี้พยายามประสานหาทางคุยกันอยู่ ส่วนงูเห่า 17 คนจะย้ายไปอยู่พรรค ภท.อยู่กับ คนพูดน่าเชื่อถือแค่ไหน แต่จะแสดงออกจริงคือวันที่เลือกนายกฯนัดประชุมสภาฯพิเศษ 3 และ 5 ก.ย.ค่ำวันเดียวกัน สำนักงานเลขาธิการสภาฯได้ออกหนังสือเรียกประชุมสภาฯ ระบุประธานสภาฯได้มีคำสั่งให้นัดประชุมสภาฯ ชุดที่ 26 ปีที่ 3ครั้งที่18 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษในวันพุธที่ 3 ก.ย.68 ครั้งที่ 19 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) ในวันพฤหัสบดีที่ 4 ก.ย.68 และครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1) เป็นพิเศษในวันศุกร์ที่ 5 ก.ย.68 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ณ ห้องประชุมสภาฯชั้น2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่