นโยบายหลักรัฐบาลสะดุดไป อีกหนึ่ง โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ไม่มาตามนัดวันที่ 1 ต.ค.2568 ภายหลังนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม ออกมายอมรับและขอโทษประชาชนว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 3 ฉบับ พิจารณาเสร็จไม่ทัน คาดว่าต้องเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 15 พ.ย.นี้ล่าสุดแม้ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง ร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม และร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย จะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร ครบทั้ง 3 ฉบับแล้ว แต่ยังเหลือขั้นตอนในวุฒิสภาที่หลายครั้งมีความเห็นต่างจากรัฐบาล จึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่า จะบังคับใช้ได้ทันวันที่ 15 พ.ย.นี้ หรือไม่สาเหตุที่การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 3 ฉบับ มีความล่าช้า ต้องยอมรับว่า ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเสถียรภาพรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ ไม่มีเสียงข้างมากเด็ดขาดในการผลักดันกฎหมาย หลายครั้งการประชุมสภาผู้แทนราษฎรประสบปัญหาองค์ประชุม สภาฯล่มบ่อยครั้ง ไทม์ไลน์เรื่องราคารถไฟฟ้า 20 บาท จึงได้รับผลกระทบไปด้วยส่งผลให้ผู้ลงทะเบียนรับสิทธิเข้าร่วมโครงการผ่านแอป “ทางรัฐ” ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.จำนวน 2 แสนคน ต้องรอเก้อ ทั้งที่ผ่านมานโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รัฐบาลให้ความมั่นใจจะมีผลทางปฏิบัติทันวันที่ 1 ต.ค.นี้ ไม่เคยพูดถึงเงื่อนไขที่สภาผู้แทนราษฎรจะต้องผ่านกฎหมายทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวก่อน จึงจะเริ่มโครงการได้นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่า ในวันที่ 8 ก.ค.2568 ที่ ครม.มีมติให้เริ่มคิดอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป รัฐบาลรู้อยู่แล้วว่า กฎหมาย 2 ใน 3 ฉบับ ยังอยู่ในชั้นการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ จึงเป็นไปได้ยากที่จะผ่านกฎหมายทันกรอบเวลาที่กำหนดนายพริษฐ์ยังชี้ว่าการที่รัฐบาลไปสัญญากับประชาชน ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่า มีเวลากระชั้นชิดแค่ 2 เดือนในการผ่านกฎหมาย แทบจะไม่เพียงพอต่อขั้นตอนที่เหลืออีกมากมาย ทั้งในชั้นสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และขั้นตอนการออกกฎหมายลูก จึงมีคำถามตามมาว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นและจริงใจแค่ไหนในการดำเนินนโยบายนี้เชื่อว่านอกจากประชาชนอยากได้ความชัดเจนถึงความบกพร่องและความล่าช้าที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือ คำยืนยันจากรัฐบาลว่าโครงการรถไฟฟ้า 20 บาท สามารถดำเนินการได้จริงและยั่งยืน เป็นความหวังประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียงทางการเมือง แต่ทำไม่ได้จริงเหมือนหลายนโยบายที่ผ่านมา.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม