มีการเลือกตั้งที่ไหน ย่อมมีการขุดคุ้ยเปิดโปงปูมหลังฉาวๆกันที่นั่น ไม่เว้นแม้แต่การเลือกตั้ง “นายกสภาทนายความ” ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 ส.ค.นี้ ช่วงโค้งสุดท้ายมีการปล่อยข้อมูลโจมตีคู่แข่งกันอุตลุด วันนี้ผมขอนำเรื่องราวผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกสภาทนายความ 2 รายมาเล่าต่อ เพื่อให้ผู้มีใบอนุญาตทนายความ 9 หมื่นคนได้นำข้อมูลไปพิจารณาก่อนออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเลือกนายกสภาทนายความคนใหม่กรณีแรกเป็นเรื่องของผู้สมัครคนหนึ่งที่เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของสภาทนายความ เอื้อประโยชน์ให้บริษัทแห่งหนึ่งได้งานจัดทำสินค้าสวัสดิการของสภาทนายความ ทั้งๆที่บริษัทแห่งนี้ไม่มีการเคลื่อนไหวทางบัญชีหรือธุรกรรม และไม่ส่งงบการเงินเป็นเวลา 3 ปีขึ้นไป ถือเป็น บริษัทร้าง อีกทั้งการวางบิลเรียกเก็บค่าสินค้ามีการ แยกกระจายบิลออกเป็น 3 ใบ ในวันเดียวกันและคราวเดียวกัน เพื่อให้อยู่ภายใต้อำนาจที่ผู้บริหารคนดังกล่าวสามารถอนุมัติจ่ายเงินได้ โดยไม่ต้องขออนุมัติคณะกรรมการสภาทนายความ จากพฤติการณ์บ่งชี้ได้ว่าเป็นการสมยอมเข้าทำสัญญากับบริษัทร้าง ซึ่งมีผลทำให้นิติกรรมเป็นโมฆะต่อมาในการเรียกเก็บเงินครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ยังคงใช้สูตรเดิมคือ แยกกระจายบิลเป็น 3 ฉบับ และ 10 ฉบับ ในวันเดียวกันและคราวเดียวกัน แต่เปลี่ยนจากการสั่งจ่ายเงินเข้าบริษัท เป็นการจ่ายเงินเข้าบัญชีของกรรมการบริษัทแทน ส่อเจตนาช่วยเหลือบริษัทร้างให้ไม่ต้องมีหลักฐานการรับชำระเงิน ทั้งที่ใบวางบิลและใบเสร็จออกในนามบริษัท ซึ่งส่อไปในทางทุจริตและประพฤติมิชอบสภาทนายความเป็นสถาบันทางกฎหมายที่ต้องรักษาระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่การกระทำดังกล่าวของผู้เกี่ยวข้องเป็นการกระทำผิดข้อบังคับและระเบียบสภาทนายความ และผิดตามประมวลกฎหมายรัษฎากรที่มีโทษทางอาญาและแพ่งเรื่องนี้มีคนไปร้องเรียน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะ สภานายกพิเศษแห่งสภาทนายความ ขอให้ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน และทำการสอบสวนให้เสร็จโดยเร็ว แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีแอ็กชันใดๆออกมาจาก รมว.ยุติธรรมกรณีที่สองเป็นคดีของผู้สมัครอีกคนหนึ่ง โกงเงินลูกความ เป็นคดีฟ้องร้องกันเมื่อหลายปีก่อน โดยลูกความว่าจ้างทนายความคนดังกล่าวไปว่าความ มีการจ่ายเงินค่าจ้างทนาย และค่าธรรมเนียมวางศาลให้เรียบร้อย แต่ทนายเพิกเฉยไม่ยื่นฟ้องคดีเสียที ลูกความจึงยกเลิกการว่าจ้างทำคดี พร้อมยื่นโนติสเรียกเงินคืน แต่ทนาย ไม่ยอมชำระคืนค่าจ้างและค่าธรรมเนียมวางศาล ลูกความเลยฟ้องศาลขอให้ทนายชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย ต่อมามีการทำ สัญญาประนีประนอมยอมความชดใช้เงินคืนทั้งหมด และมีคำพิพากษาตามยอม แต่ทนายก็ยังผิดนัดชำระเงินอีก กระทั่งลูกความต้องยื่นฟ้องศาลขอออกหมายบังคับคดีผู้สมัครรายดังกล่าวยัง กระทำลักษณะนี้จนถูกฟ้องร้องอีกหนึ่งคดี รับค่าจ้างมาแล้วไม่ทำคดีให้ พอถูกแจ้งยกเลิกการว่าจ้าง ก็คืนเงินค่าจ้างให้ลูกความไม่ครบจำนวนพฤติการณ์แบบนี้ชัดเจนว่า ผิดมรรยาททนายความ ผิดจรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหารสภาทนายความมีหน้าที่ควบคุมดูแลเรื่องมรรยาทและจรรยาบรรณ ถ้าได้ผู้บริหารที่กระทำผิดเสียเอง ย่อมทำให้องค์กรด่างพร้อย สูญเสียความน่าเชื่อถือ ไม่อาจเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ตำแหน่งนายกสภาทนายความตามกฎหมายยังเป็นกรรมการของหน่วยงานภาครัฐด้วย เช่น กรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ (กพยช.) กรรมการคดีพิเศษของดีเอสไอ อีกทั้งยังมีบทบาทต่อสังคมหลายอย่าง ฉะนั้นควรเอาคนสะอาดบริสุทธิ์เข้ามาทำหน้าที่ขอฝากทนายความผู้มีสิทธิลงคะแนนทุกท่านตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบด้าน อย่าเพิ่งเชื่อแต่ข้อมูลในโลกโซเชียลที่ลงแต่ข้อมูลด้านดีครับ.ลมกรดคลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม