เคราะห์ซ้ำกรรมซัดประเทศไทย!! ไม่รู้เพราะมีรัฐบาล “ผีหัวขาด” ไร้ผู้นำบริหารงานราชการ จนทำให้เพื่อนบ้านไม่เกรงใจ หรือเพราะประเทศเพื่อนบ้านแข็งแกร่งขึ้น เลยเปิดศึกกับไทยรอบด้านทั้งๆที่แก้ปัญหาข้อพิพาทพรมแดนกับ Claimbodia หรือ Scambodia จนนำไปสู่การปะทะกัน และมีผู้เสียชีวิต ยังไม่จบ และยังไม่รู้จะจบหรือไม่ อย่างไรก็ต้องมานั่งปวดหัวแก้ปัญหากับเมียนมาอีกล่าสุด มีข้อมูลจาก “สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงย่างกุ้ง เมียนมา” ว่า ทางการเมียนมาประกาศปิดด่าน “เมียวดี-แม่สอด” บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 ฝั่งเมียนมา โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.68อันเนื่องมาจากมีเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมาตรวจสอบการนำเข้าสินค้าที่ด่านนี้ และสั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นสกัดสินค้าลักลอบนำเข้า หรือสินค้าที่ไม่มีใบอนุญาตนำเข้า (Import License) ตามที่กำหนด ส่งผลให้มีรถและเรือบรรทุกสินค้าจากไทยติดค้างจำนวนมาก และยังไม่รู้ว่าการปิดด่านจะยืดเยื้อยาวนานหรือไม่แม้ สคต.ย่างกุ้ง สอบถามภาคเอกชนและธุรกิจโลจิสติกส์ในพื้นที่ คาดว่า จะกลับมาเปิดด่านได้วันที่ 21 ส.ค.นี้ แต่ทางการเมียนมาอาจปรับมาตรการตรวจสกัด และปราบปรามสินค้าลักลอบนำเข้า โดยจะตรวจใบอนุญาตนำเข้า (Import License) เข้มข้นมากยิ่งขึ้นอีกอย่างไรก็ตาม ก่อนการปิดด่านครั้งนี้การค้าชายแดนไทย-เมียนมา ถูกกดดันจากมาตรการตรวจใบอนุญาตนำเข้าสินค้าที่เข้มงวดมากขึ้นของเมียนมา และได้เพิ่มความเข้มงวดมากขึ้นไปอีกตั้งแต่ช่วงกลางปี 67 เป็นต้นมา ส่งผลให้มูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ลดลงมาก ทั้งนี้ เห็นได้จากช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปีนี้ มูลค่ารวมอยู่ที่ 105,149 ล้านบาท ลดลง 24.91% เทียบช่วงเดียวกันปี 67 โดยไทยส่งออก 63,572 ล้านบาท ลดลง 16.36% นำเข้า 41,578 ล้านบาท ลดลง 35.07% แต่ยังได้ดุลการค้า 21,994 ล้านบาท โดยด่านศุลกากรที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือด่านศุลกากรแม่สอดซึ่งมีสัดส่วนเกือบ 40% ของมูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมา มีมูลค่า 45,378 ล้านบาท ลดลง 9.71% และด่านศุลกากรระนอง ที่มีสัดส่วนเกือบ 20% มีมูลค่า 8,199 ล้านบาท ลดลง 12.23% เพราะแม่สอดมีเส้นทางขนส่งตรงสู่เมืองเมียวดีและเชื่อมต่อเข้าสู่ย่างกุ้ง ส่วนระนองก็เชื่อมเส้นทางเรือไปยังท่าเรือเกาะสอง ก่อนส่งสินค้าต่อไปย่างกุ้งและเมืองท่าสำคัญอื่นๆ และเชื่อเหลือเกินว่าการปิดด่านครั้งนี้ ทั้ง 2 ด่านนี้จะได้รับผลกระทบมากที่สุดอีกเช่นเคย ขณะที่ด่านอื่นๆ น่าจะได้รับผลกระทบไม่มากนักเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า “นายจตุพร บุรุษพัฒน์” รมว.พาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศ เชิญทูตพาณิชย์เมียนมาประจำประเทศไทย มาหารือแล้ว พร้อมเตือนว่า สินค้าไทยที่จะนำเข้าเมียนมาต้องขอใบอนุญาตนำเข้าตามที่เมียนมากำหนด นอกจากนี้ธุรกิจไทยควรมองหาคู่ค้าเมียนมาที่มีศักยภาพในการจับคู่ทำ Export Earning สำหรับการขอใบอนุญาตนำเข้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการค้า และลดความเสี่ยงการขออนุมัติเอกสารรอลุ้น เมียนมาจะกลับมาเปิดด่านได้เร็วตามที่ภาคเอกชนประเมินหรือไม่ ถ้าลากยาว คงต้องปรับทิศทางธุรกิจใหม่!!ฟันนี่เอสคลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม