คนไทยกำลัง “สิ้นหวัง” กับ “รัฐบาลที่มาจากเลือกตั้ง” เพิ่มขึ้นทุกวัน ท่ามกลางการทุจริตคอร์รัปชันทุกระบบที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงจนรู้สึกได้ทุกระดับ ช่วงนี้ผมมีโอกาสคุยกับนักธุรกิจระดับสูงหลายท่าน ทุกคนมีความเห็นในทิศทางเดียวกัน อยากได้ “นายกฯคนนอก” ที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมือง เพื่อช่วยฉุดเศรษฐกิจของประเทศไทยขึ้นมาจากหลุมดำการเมือง แม้ “บทเฉพาะกาล” ใน “รัฐธรรมนูญเผด็จการ 2560” จะใช้ไม่ได้แล้ว แต่นักธุรกิจแถวหน้าทุกคนก็ยังหวังใน “มาตรา 5” ที่ระบุว่า “เมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”ทุกคนนึกถึง นายกฯแบบ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นึกถึง นายกฯแบบคุณอานันท์ ปันยารชุน ที่สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ประเทศมากมาย แต่กลับถูก “นักการเมืองหน้าเดิม” ทำลายจนหมดสิ้น จนทำให้ “ประเทศไทย” กลายเป็น “ผู้ป่วยแห่งเอเชีย” อีกครั้งด้วยความสิ้นหวังของคนไทยในวันนี้ ผมไม่แปลกใจที่ผลสำรวจของ “นิด้าโพล” เมื่อวันอาทิตย์ เรื่อง “มีความหวังหรือหมดหวังกับพรรคการเมือง” พบว่า คนไทยเกินครึ่ง 60.53% ไม่พอใจการทำงานของ สส.เขตในปัจจุบัน หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง 50.69% ตอบชัดเจนว่าจะไม่เลือก สส.ปัจจุบันในเขตเลือกตั้งกลับเข้าไปอีก เมื่อถามว่า มีความหวังต่อพรรคการเมืองที่มี สส.อยู่ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันในการแก้ปัญหาของประเทศหรือไม่ (รวมรัฐบาลและฝ่ายค้าน) ก็ได้คำตอบที่ชัดเจน 76.1% ตอบว่าหมดหวังกับพรรคการเมืองที่มี สส.อยู่ในสภาผู้แทนชุดปัจจุบัน รวมทั้ง สส.บัญชีรายชื่อ ด้วยคนไทยสิ้นหวังกับรัฐบาลและสภาผู้แทนชุดนี้แล้วจริงๆ วันพรุ่งนี้ คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกฯที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักงาน จะไปขึ้นศาลรัฐธรรมนูญ ให้การเรื่องคลิปเสียงหลุดที่แอบคุยโทรศัพท์ กับ“อังเคิลฮุน เซน” ศัตรูตัวร้ายของประเทศไทย ผมเห็นด้วยกับเสียงเรียกร้องให้ “ถ่ายทอดสด” การให้การของ นายกฯแพทองธาร คนไทยจะได้รู้ว่าเธอให้การต่อศาลอย่างไรเมื่อ คนไทยไม่ไว้วางใจรัฐบาล สิ้นหวังกับ สส. อยากได้นายกฯคนนอก แล้วอนาคตประเทศไทยจะไปต่ออย่างไร ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีการอุดมศึกษาฯ ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊กถึง “ผู้มีอำนาจและผู้นำสถาบันหลักของประเทศ” เรื่อง “ทางรอดและอนาคตของประเทศไทยใน 3–5 ปีข้างหน้า” ว่า ไทยมีทางเลือกอยู่เพียง 2 ทาง เท่านั้นคือ 1.อยู่แบบเดิม (Status Quo) รัฐบาลอ่อนแอ การเมืองไม่ตอบโจทย์ เศรษฐกิจติดหล่ม หนี้พุ่ง Trust (ความเชื่อมั่น) หาย ประเทศไร้นํ้าหนักทางภูมิรัฐศาสตร์ และ 2.ปรับเปลี่ยนทั้งระบบ (System Shift) ปรับจาก Deep State (เครือข่ายอำนาจนอกรัฐธรรมนูญที่มีอำนาจจริงเหนือรัฐ) ไปสู่ Principled State ประชาชนมีประโยชน์สุข สังคมมีความปกติสุข ประเทศมีสันติสุขดร.สุวิทย์ ระบุว่า นี่อาจเป็น “หน้าต่างแห่งโอกาสบานสุดท้ายของประเทศไทย” หากไม่เลือก System Shift วันนี้ อีกไม่กี่ปีไทยจะถูกบังคับให้เลือก ในสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่ามากสิงคโปร์ ใช้เวลาแค่ 60 ปี สร้างประเทศจากศูนย์ จนก้าวข้ามประเทศไทยที่มีอายุหลายร้อยปีไปไม่เห็นฝุ่น เพิ่งจัดฉลองอายุ 60 ปี ประเทศไปเมื่อวันอาทิตย์ นายกฯสิงคโปร์ ลอว์เรนซ์ หว่อง ได้ประกาศ “พิมพ์เขียวเศรษฐกิจสิงคโปร์ฉบับใหม่” ซึ่งจะมุ่ง “สร้างงานให้พลเมืองสิงคโปร์” แทนที่จะแจกเงินประชาชนแบบรัฐบาลไทย ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจใหม่ของสิงคโปร์ คือ “งาน งาน และงาน” เพื่อ เพิ่มความสามารถในการแข่งขันยุคเอไอ นายกฯสิงคโปร์ยังประกาศ เพิ่มคาดการณ์จีดีพีสิงคโปร์ปีนี้จาก 0–2% ขึ้นเป็น 1.5–2.5% ในขณะที่ นายกฯหญิงของไทย และรัฐบาล ไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในประเทศที่ตกตํ่าสุดขีดได้เลย ครม.ก็ไร้ความสามารถ ตั้งตามโควตา ทำให้คนไทยรู้สึกสิ้นหวังมาก จนอยากได้ “นายกฯคนนอก” มาช่วยฟื้นเศรษฐกิจของชาติ ประเทศไทยกำลังจนตรอกแล้วจริงๆ.“ลม เปลี่ยนทิศ”คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม