ย้อนไปเมื่อช่วงสายวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 “รัฐบาลญี่ปุ่น” เปิดศูนย์บัญชาการกลางฉุกเฉินสึนามิ ประกาศเตือนภัยด่วนรับมือ “สึนามิ” คาดมีคลื่นสูง 3 เมตรซัดเข้าชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ตั้งแต่เขตฮอกไกโดทางตอนเหนือ ลงมาถึงจังหวัดวากายามะทางตะวันตกของเกาะฮอนชูผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่าญี่ปุ่นอาจเผชิญคลื่นสึนามิขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับเหตุการณ์เมื่อปี 2495 ซึ่งเกิดจาก “แผ่นดินไหว” บริเวณชายฝั่งคาบสมุทรคัมชัตคา ประเทศรัสเซียศาสตราจารย์ฟุมิฮิโกะ อิมามูระ สถาบันวิจัยนานาชาติด้านวิทยาศาสตร์ภัยพิบัติ เปิดเผยว่า สึนามิที่เกิดจากบริเวณดังกล่าวมักจะมาถึงตามเวลาที่คาดการณ์ไว้ แต่หลังจากนั้นอาจตามมาด้วยคลื่นลูกใหญ่กว่า และคลื่นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอาจใช้เวลานานกว่าจะถึงชายฝั่งญี่ปุ่น...กระนั้นเหตุการณ์ร้ายๆก็ไม่ได้เกิดขึ้น พุ่งเป้าไปที่ประกาศเตือนภัยสึนามิระลอกนี้เป็นการยกระดับการเตือนภัยที่สำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงความกังวลอย่างยิ่งต่อศักยภาพการสร้างความเสียหายของ “แผ่นดินไหว” ที่อาจจะเกิดขึ้นมาได้“ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่ตั้งอยู่บน “วงแหวนแห่งไฟแปซิฟิก (Pacific Ring of Fire)” ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการชนกันของแผ่นเปลือกโลกหลักหลายแผ่น ทำให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในโลกต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “แผ่นดินไหว” และ “คลื่นสึนามิ”ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นมีบทเรียนจากเหตุการณ์สึนามิครั้งใหญ่ที่สร้างความเสียหายอย่างมหาศาลอยู่หลายครั้ง อาทิ สึนามิโฮเอะ ปี 1707 เกิดจากแผ่นดินไหวขนาดประมาณ 8.6 ทำให้เกิดคลื่นยักษ์ซัดถล่มชายฝั่งแปซิฟิกของญี่ปุ่น สร้างความเสียหายและคร่าชีวิตผู้คนไปหลายหมื่นคนสึนามิอันเซ ปี 1854 เกิดจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 2 ครั้งซ้อนในเวลาไม่นาน ทำให้เกิดสึนามิซัดเข้าชายฝั่ง สร้างความเสียหายอย่างหนัก, สึนามิเมจิ-ซันริคุ ปี 1896 เกิดจากแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทรที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่ามีความรุนแรงน้อย แต่กลับสร้างคลื่นสึนามิสูงกว่า 30 เมตรซัดถล่มชายฝั่งซันริคุ คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 22,000 คน น่าสนใจว่า...เหตุการณ์นี้เผยให้เห็นถึงความซับซ้อนของกลไกการเกิดสึนามิที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดแผ่นดินไหวเพียงอย่างเดียวแผ่นดินไหวและสึนามิโทโฮคุ ปี 2011 คือโศกนาฏกรรมครั้งล่าสุดและรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของญี่ปุ่น แผ่นดินไหวขนาด 9.0 ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิสูงกว่า 10 เมตร ซัดถล่มชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่นอย่างรุนแรง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 18,000 คนสร้างความเสียหายต่อเมืองและโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงการนำไปสู่ภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะไดอิจิ เหตุการณ์นี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นทบทวนระบบการเตือนภัยและการรับมือภัยพิบัติทั้งหมด “ญี่ปุ่น” เป็นประเทศที่มีประสบการณ์อย่างโชกโชนกับภัยพิบัติ “แผ่นดินไหว” และ “สึนามิ” ทำให้มีระบบการเตือนภัยที่รวดเร็วและแม่นยำ การที่หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (JMA) ออกประกาศเตือนสึนามิสูงสุดถึง 3 เมตรในครั้งนี้นั้นไม่ใช่เรื่องปกติและบ่งชี้ถึงการประเมินสถานการณ์ที่รุนแรงโดยปกติแล้ว การเตือนภัยสึนามิจะแบ่งเป็นหลายระดับตามความสูงของคลื่นที่คาดการณ์ แต่การระบุตัวเลข 3 เมตร ชี้ให้เห็นว่า...มีความเป็นไปได้สูงที่คลื่นจะเข้าถึงพื้นที่ชายฝั่งและอาจสร้างความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานและชีวิตผู้คนได้ย้ำว่า...ประกาศเตือนภัยนี้พุ่งเป้าไปที่พื้นที่ชายฝั่งทะเลแปซิฟิกของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหว มาตรการเร่งด่วนที่ตามมาคือการอพยพ...ทางการท้องถิ่นในพื้นที่เสี่ยงได้ออกคำสั่งอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่ริมชายฝั่งหรือในพื้นที่ต่ำ...ให้รีบเคลื่อนย้ายไปยังที่สูงและปลอดภัยทันทีถัดมา...การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดมีการติดตามสถานการณ์ระดับน้ำทะเลอย่างต่อเนื่องด้วยทุ่นตรวจวัดสึนามิและสถานีวัดระดับน้ำตามชายฝั่ง เพื่อประเมินความสูงและเวลาที่คลื่นจะมาถึงอย่างแม่นยำ และการแจ้งเตือนสาธารณะสื่อทุกแขนง ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และโซเชียลมีเดีย ได้ถ่ายทอดข้อมูลการเตือนภัยและ...คำแนะนำในการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนรับทราบ ปฏิบัติตามการตัดสินใจประกาศเตือนภัยระดับสูงของญี่ปุ่นมีพื้นฐานมาจากบทเรียนอันเจ็บปวดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิโทโฮคุเมื่อปี 2554 ซึ่งมีขนาด 9.0 และก่อให้เกิดคลื่นสึนามิสูงกว่า 10 เมตร คร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมากและสร้างความเสียหายอย่างประเมินค่าไม่ได้ประสบการณ์ในครั้งนั้นทำให้ญี่ปุ่นตระหนักถึงความจำเป็นของการออกคำเตือนที่รวดเร็วและเข้มงวด แม้ว่าความเสียหายที่เกิดจากคลื่นสึนามิจะแตกต่างกันไปตามลักษณะภูมิประเทศของชายฝั่ง แต่คลื่นสูง 3 เมตรก็ถือเป็นอันตรายอย่างยิ่ง สามารถซัดพาผู้คน ยานพาหนะ โครงสร้างบ้านเรือนใกล้ชายฝั่งได้อย่างง่ายดาย อีกสิ่งสำคัญที่ควรจับตามอง แม้ว่าขนาดของคลื่นจะถูกคาดการณ์ไว้ที่ 3 เมตร (ไม่เกิดขึ้น) แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่คลื่นสึนามิจะมาถึงในหลายระลอกและคลื่นลูกหลังอาจมีขนาดแตกต่างกันไป ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิชาการบางส่วนได้เตือนไว้ ดังนั้นต้อง “ไม่ประมาท” และ “ไม่กลับเข้าสู่พื้นที่เสี่ยง”จนกว่าทางการจะประกาศยกเลิกการเตือนภัยอย่างเป็นทางการจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด จากบทเรียนอันเจ็บปวด ญี่ปุ่นได้พัฒนาและยกระดับมาตรการรับมือภัยพิบัติสึนามิจนเป็นหนึ่งในระบบที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ทั้งความรวดเร็ว...ความแม่นยำด้านเทคโนโลยีรอบด้าน ทว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลจากภาวะโลกร้อนอาจทำให้ความเสียหายจากสึนามิรุนแรงขึ้นเนื่องจาก “คลื่น” จะสามารถซัดเข้าสู่พื้นที่ภายใน...ได้ลึกกว่าเดิม จึงเป็นความท้าทายยิ่ง.คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า 1” เพิ่มเติม