สมกับที่ “มั่นหน้า” โพสต์แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครบรอบ 73 ปีของตัวเองเรียกแขก “ฮุน เซน” ผู้นำเขมรตัวพ่อ ก็เลยได้รับพรแบบจุกๆจากกองทัพไซเบอร์ของไทย จัดหนักจัดเต็มมอบให้เป็น “อัปมงคลชีวิต” ติดตาตรึงใจพลเมืองโซเชียลฯโชว์อวยพรวันเกิดยังไงให้เป็นอาลัยวันตาย แต่นั่นก็คงไม่กระเทือนซาง “พญาตะกวดเขมร” ที่โดดเด่นในมาตรฐานหน้าด้านหน้าทนพฤติการณ์ผิดธรรมชาติ แตกต่างไปจากวิถีคนปกติอันตรายประมาทไม่ได้ สไตล์ “คนหน้าด้าน” คือศัตรูที่น่ากลัวสุด ณ จุดที่ความบ้า ฉลาด เจ้าเล่ห์ เลว รวมอยู่ในคนคนเดียว ไม่แน่จริง “ฮุน เซน” ไม่ลากอำนาจเผด็จการกดหัวคนกัมพูชามา 38 ปีเข้าไปแล้วแนวโน้มยังต่อโปรโมชันให้ “ฮุน มาเนต” นายกฯตัวลูก ลากสมบัติอีกยาวตามเค้าลางแปร่งๆที่ “พี่เบิ้ม” ค่ายเสรีประชาธิปไตยก็ไม่ได้ตั้งแง่รังเกียจ “โคตรเผด็จการตระกูลฮุน” อย่างที่เคยเป็นมา ท่าทีของ “คาวบอย” โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา ที่แสดงออกอย่างเห็นได้ชัด จัดให้กัมพูชาอยู่ในสถานะเดียวกับประเทศไทยโยงเอาปมภาษีผูกเป็นเงื่อนมัดคอกองทัพไทยให้หยุดยิงตอบโต้กองทัพเขมรที่รุกกินพรมแดน แสดงให้เห็นเจตนา “ลำเอียง” เข้าข้างฝั่ง “ฮุน เซน” เจ้าเล่ห์ เคลิ้มไปกับบทเลียแข้งเลียขาจนขนหน้าแข้งเปียกยกให้ “คาวบอยทรัมป์” เป็นเจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพแต่ลึกไปกว่านั้น เป้าหมายนักล่าอาณานิคมในคราบประชาธิปไตยมันอยู่ที่โคตรขุมทรัพย์พลังงานมูลค่ามหาศาลใต้ทะเลอ่าวไทย-กัมพูชา พ่วงด้วยการแย่งฐานทัพเรือเรียมของเขมรแข่งกับจีนแผ่นดินใหญ่ชิงเหลี่ยมชัยภูมิทางภูมิรัฐศาสตร์พื้นที่ทะเลจีนใต้คำว่า “ประชาธิปไตย” มันจึงมีแค่ในมโนโลกสวยๆแต่ไม่มีอยู่จริงในดินแดนอินโดจีน สภาพ ประเทศไทยถูกล้อมอยู่กลางวงกลุ่มประเทศ CLMV ที่ยังเต็มไปด้วยเงาทะมึนของระบบเผด็จการซ้ำร้ายในจังหวะสถานการณ์ของเหล่ามหาอำนาจทั้งสหรัฐอเมริกา ชาติตะวันตก ไปจนถึงจีนแผ่นดินใหญ่ จ้องเคลมเป็นฐานที่มั่นช่วงชิงทรัพยากรและชัยภูมิการเมืองโลกโจทย์หินที่นับวันจะยิ่งหนักหน่วง ท้าทายอธิปไตยไทยนับแต่นี้ไปโดยสภาพปัญหาหนักหนาสาหัสสากรรจ์ สวนทางกับศักยภาพของฝ่ายบริหาร ณ จุดที่รัฐบาลผสมภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยกำลัง “ติดหล่ม” ลากไม่ขึ้น“นายกฯ 2 พ่อลูก” ตกที่นั่งลำบาก ไม่มีใครช่วยใครได้“อิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ผลพวงจาก “คลิปร้อน” อ้อน “อังเคิล” เป็นญาติ บอกทหารรั้วของชาติเป็นฝ่ายตรงข้าม อัตราต่อรอง “ร่วง” มากกว่า “รอด”ส่วน “โทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯคนพ่อ ก็จ่อหนาวๆร้อนๆ ทั้งปมวีไอพีชั้น 14 ที่ศาลนัดจำเลย และผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯมาฟังคำสั่งพร้อมกันในวันเดียว อีกช็อตก็ต้องหวาดเสียว คดีอาญามาตรา 112 ปมให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีหมิ่นเหม่สถาบัน ที่ออกได้แค่หัวกับก้อย ไม่มีกลางชนักปักคาอกทะลุหลัง บั่นทอนพลังกุมสภาพอำนาจรัฐบาล“นายใหญ่” จะมีฤทธิ์ยื้อเก้าอี้นายกฯให้ลูกสาวไปได้ไกลสุดแค่ไหน ในจังหวะที่เริ่มได้ยินเสียงเร้าดักหน้าดักหลังเป็นนัยกดดัน “อิ๊งค์” น่าจะต้องตัดใจไขก๊อกหนี ก่อนโดนศาลรัฐธรรมนูญลงดาบลำพัง “ทักษิณ” ยื้อไปต่อลำบาก แม้แต่การหวนกลับไปใช้ “ดีลลังกาวี” เปิดทางให้ “ลุงคนดี” กับ “บิ๊ก ด.” ผู้มากบารมี สลับฉากมาคุมเกมรัฐบาลแทน ก็ส่อผิดแผน ตามความจริงเริ่มปรากฏจากการที่ขบวนการ “แป๊ะลิ้ม” ลุยขุดคุ้ยต้นตอที่ทำให้ “ฮุน เซน” รุกคืบเงียบๆ เข้ามาแย่งดินแดนไทยพบเหตุเกิดยุคอำนาจทหารเฒ่า 3 ป. ปล่อยกัมพูชาพังรั้วกั้นปราสาทตาเมือนธม เปิดทางให้ทหารเขมรทำกระเช้าปีนขึ้นภูมะเขือ ต่อเนื่องมาถึงทีม “นายใหญ่” ที่วางหมากเอื้อเกมแบ่งเค้กขุมทรัพย์พลังงานอ่าวไทยสังคมส่วนใหญ่เชื่อแล้วว่า “ไส้ศึก” ทำให้ “ฮุน เซน” เหิมเกริมไม่กลัวไทยชาวบ้านยังตาสว่าง มันก็ไม่แปลกที่ฝ่ายคุมเกมอำนาจประเทศไทยจ่อขยับปรับหมากขนานใหญ่ ตามกระแสแว่วๆ “นายกฯมาตรา 5” ล้อไปกับหมอดูหมอเดา นั่งทางนอกส่องทางในผู้นำคนใหม่มีแรงวิ่งถือปืน ใบ้หวยตรงๆเป็นขุนทหารพร้อมประจันหน้าอริราชศัตรูอีกทางก็ต้องใช้บริการ “แม่ทัพเศรษฐกิจ” ที่ชื่อชั้นระดับอินเตอร์ รู้จักในระดับนานาชาติ นักลงทุนเชื่อมั่น ที่สำคัญปลอดปมหวาดระแวง ไม่เอื้อธุรกิจตระกูลผู้นำล็อกสเปก “รัฐบาลเฉพาะกิจ” ฝ่าแนวรบเขมร รับมือศึกภูมิรัฐศาสตร์โลก.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม