“ทักษิณ” ลุ้นระทึก ศาลฎีกาฯนัดฟังคำสั่ง 9 ก.ย. คดีชั้น 14 พร้อม ผบ.เรือนจำ ไต่สวน “วิษณุ” พยานปากสุดท้ายปฏิเสธไม่มีเตรียมการส่งตัวไป รพ.นอกเรือนจำ เผยร้องขอไป รพ.ย่านพระราม 9 แต่ไม่ได้ รับคุยกัน 20 นาที แนะให้บวชแต่เจ้าตัวไม่สะดวก “วิญญัติ” ชี้ไต่สวนวันนี้ชัดเจนขึ้น ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง สั่ง “หมอเกศ” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว. คดีใช้วุฒิฯลวงโลก ศาล รธน.ให้ “อิ๊งค์” ขยายเวลาเป็นครั้งที่สอง ต้องส่งคำชี้แจงภายในวันที่ 4 ส.ค. “โรม” จี้เชิญทูต 3 ปท.ร่วมจับตากัมพูชาเล่นตุกติก หนุนกองทัพปกป้อง ประเทศ สภาฯ เห็นชอบร่างแก้ไข ก.ม.อาญา เพิ่มนิยาม คุกคามทางเพศศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเรือนจำมาฟังคำสั่งศาลคดีเรื่องการบังคับโทษจำคุกเป็นไปตามผลคำพิพากษาของศาลฎีกาหรือไม่ หลังไต่สวนพยานปากสุดท้ายนายวิษณุเครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี รักษาการ รมว.ยุติธรรม จบศาลฎีกาฯไต่สวน “วิษณุ” คดีชั้น 14เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 ก.ค. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 เรื่องการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม.4/2551, คดีหมายเลขแดงที่ อม.10/2552, คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551 เพื่อหาข้อเท็จจริงในการบังคับโทษคดีถึงที่สุดกับนายทักษิณว่า เป็นไปตามผลคำพิพากษาของศาลฎีกาหรือไม่ วันนี้เป็นการไต่สวนพยานนัดที่ 7 นัดสุดท้าย คือนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีรักษาการ รมว.ยุติธรรมไม่มีเตรียมการส่งตัวไป รพ.นอกนายวิษณุเบิกความโดยสรุปว่า ก่อนที่นายทักษิณจะกลับประเทศไทย ได้รับข้อมูลการเดินทางกลับจากสื่อมวลชน ทำให้มีการเตรียมพร้อมเก้อหลายครั้ง กระทั่งได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงและสถานทูต จากนั้นได้ประชุมกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับตัวนักโทษ เพราะจำเลยถือเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองของไทย น่าจะมีศัตรูและน่าจะมีการเจ็บป่วยเนื่องจากสูงอายุ ทั้งนี้ได้ไปพิจารณาสถานที่กักขังของนักโทษหลายรายเพื่อประกอบการตัดสินใจ แต่ไม่ได้เตรียมการสำหรับการย้ายตัวไปรักษาพยาบาลนอกทัณฑสถาน แต่มีการหารือว่าหากมีการเจ็บป่วย ต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใด เบื้องต้นตั้งหลักให้เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาล แต่หากมีอาการป่วยจำเพาะที่ต้องการหมอเฉพาะทางให้พิจารณาตามโรงพยาบาลที่มีข้อตกลงร่วม (MOU)แนะให้บวชแต่เจ้าตัวไม่สะดวกนายวิษณุระบุอีกว่า ได้พบนายทักษิณที่สถานพยาบาลในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เข้าไปพร้อมคณะเจ้าหน้าที่ พูดคุยกันเป็นเวลา 20 นาที ณ ขณะนั้นยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดถึงการพักโทษ หรือการย้ายตัวคุมขัง แต่ทางจำเลยสอบถามตนเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ต่อมานายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษ แต่เรื่องไม่ผ่านมาที่ตนในฐานะรักษาราชการแทน รมว.ยุติธรรม นอกจากนี้ยังได้พูดถึงปัญหาสุขภาพของนายทักษิณ และการออกกำลังกายช่วงที่อยู่ต่างประเทศ โดยให้คำแนะนำว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆตามกฎหมาย อยากให้นายทักษิณได้บวชเข้าสู่ทางธรรม ซึ่งนายทักษิณแจ้งว่ามีปัญหาส่วนตัวเล็กน้อยจึงไม่สะดวกศาลนัด “ทักษิณ” ฟังคำสั่ง 9 ก.ย.นายวิษณุให้การอีกว่า ช่วงกลางดึกของวันที่ 22 ส.ค. ที่มีการย้ายนายทักษิณเข้ารักษาตัวด่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ ทราบข้อมูลภายหลังส่งตัวแล้วจากปลัดกระทรวงยุติธรรม สอบถามว่าย้ายตัวไปโรงพยาบาลใด ทางปลัดฯระบุว่าเป็นโรงพยาบาลตำรวจ ก่อนหน้านายทักษิณระบุว่าต้องการไปโรงพยาบาลย่านพระราม 9 ตามระเบียบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ศาลนัดฟังคำสั่งการบังคับโทษเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ในวันที่ 9 ก.ย.เวลา 10.00 น. และให้ออกหมายเรียกผู้บัญชาการเรือนจำคนปัจจุบัน และให้นายทักษิณ จำเลยมาฟังคำสั่งศาลด้วย“วิญญัติ” ชี้ไต่สวนวันนี้ชัดเจนขึ้นนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ว่า การไต่สวนวันนี้ได้ความชัดเจนถึงกระบวนการเตรียมการหลังกลับจากต่างประเทศของนายทักษิณ เนื่องจากเป็นบุคคลสำคัญเคยดำรงตำแหน่งนายกฯ นายวิษณุยังยืนยันว่าไม่มีการเตรียมการส่งตัวนายทักษิณออกไป รักษาภายนอกไว้ก่อน แต่การที่ส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลภายนอกเป็นเรื่องกะทันหัน แม้นายทักษิณจะเลือกรักษายังโรงพยาบาลเอกชนแต่ไม่สามารถทำได้สั่ง “หมอเกศ” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งรับพิจารณาคำร้องของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ดำเนินคดีอาญา และวินิจฉัยสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. กรณีใช้วุฒิการศึกษากระทำการหลอกลวงให้ผู้อื่นเข้าใจผิดในคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถ หรือชื่อเสียงเกียรติคุณตามมาตรา 77 (4) เข้าข่ายเป็นการหลอกลวงในการลงสมัครเข้ารับการ คัดเลือกเป็น สว. ทั้งนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งรับคำร้องแล้วยังมีคำสั่งให้ผู้คัดค้าน (พญ.เกศกมล) หยุดปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้ส่งเรื่องแจ้งให้ประธานวุฒิสภาทราบเรื่อง นัดตรวจพยานหลักฐานวันที่ 10 ก.ย. เวลา 14.00 น. ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 5ให้ “อิ๊งค์” ขยายเวลาเป็นครั้งที่สองวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีที่ สว. 36 คน เข้าชื่อร้องต่อประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าไม่มี ความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์และฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ ล่าสุดศาลฯพิจารณาคำร้องขอขยายยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ครั้งที่2ของผู้ถูกร้องออกไปอีก 15 วัน เนื่องจากอยู่ระหว่างรวบรวม พยานหลักฐานเพื่อใช้เรียบเรียงทำคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ศาลฯมีมติโดยเสียงข้างมาก5ต่อ4 มีคำสั่งอนุญาตให้ขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 4ส.ค. เป็นครั้งสุดท้าย สำหรับ 4 ตุลาการศาลฯเสียงข้างน้อย ได้แก่ นายปัญญา อุดชาชน นายวิรุฬห์แสงเทียนนายจิรนิติ หะวานนท์ และนายบรรจงศักดิ์ วงศ์ปราชญ์กกต.ย้ำเลื่อนจนกว่าเหตุการณ์สงบขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกเอกสารชี้แจงกรณีข่าว “เลื่อนเลือกตั้ง สส.ศรีสะเกษ เขต 5 แบบไม่มีกำหนด” ย้ำว่าเป็นการงดการลงคะแนนเลือกตั้งจนกว่าเหตุจำเป็นสิ้นสุด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ไม่ใช่การเลื่อนแบบไม่มีกำหนด เนื่องจากพื้นที่ อ.ขุนหาญ และ อ.ภูสิงห์ ที่เป็นเขตเลือกตั้ง ประชาชนไม่สามารถกลับเข้าที่พักอาศัยได้ตามปกติ จึงต้องงดลงคะแนนเลือกตั้ง จนกว่าเหตุสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จะคลี่คลาย และประชาชนกลับเข้าที่พักอาศัยได้อย่างปลอดภัย เมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ สำนักงาน กกต.จะเสนอให้ กกต. กำหนดวันลงคะแนนใหม่ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.มาตรา 102 วรรคสี่ โดยเร็ว เพื่อประโยชน์แห่งความสุจริต และเที่ยงธรรมในการเลือกตั้งดีอีแจงระบบไซเบอร์ไม่เสียหายที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการตอบโต้ข่าวปลอมจากฝ่ายกัมพูชาว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของดีอีทำงานใกล้ชิดกับฝ่ายความมั่นคง มีการเฝ้าระวังกลุ่มแฮกเกอร์ของกัมพูชาเข้ามาโจมตีอยู่แล้ว ยังไม่พบว่าได้รับความเสียหาย มีเพียงเฉพาะข่าวปลอม เราทำการปิดกั้นตลอดเวลา ยืนยันว่าในส่วนที่ทำให้ระบบเสียหายยังไม่มี ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) เฝ้าระวังตลอดและทำงานร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ติดตามอย่างใกล้ชิดและพร้อมตอบโต้ทันที เราปิดช่องทางที่สำคัญไม่ให้เขาเจาะข้อมูลได้ ขอให้มั่นใจได้ว่ารัฐบาลมีความห่วงใย และต้องการให้ประชาชนบริโภคข้อมูลข่าวสารที่มีความถูกต้องเท่านั้น“โรม” จี้เชิญทูต 3 ปท.จับตากัมพูชาตุกติกนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ประธานกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงว่า ไทยต้องรวบรวมข้อมูลเสนอต่อมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน หรือชาติต่างๆ ให้โลกเห็นว่ากัมพูชาละเมิดการหยุดยิง ทำให้ประเทศไทยมีความชอบธรรมตอบโต้ ไม่ได้รังแกกัมพูชา เมื่อถามว่าไทยตอบโต้ข้อมูลข่าวสารน้อย อาจเสียเปรียบด้านนี้ นายรังสิมันต์ตอบว่า สิ่งสำคัญคือข้อมูลที่น่าเชื่อถือ หากไทยรวบรวมข้อมูลให้เห็นพฤติกรรมกัมพูชา ทั้งระยะสั้น ระยะยาว จะเป็นผลดี เรื่องการสื่อสารต้องทำให้มากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นจะพลาดท่าเสียทีกัมพูชาได้ รัฐบาลช้ากว่าทุกองคาพยพ ควรรับรู้เหตุการณ์ที่แนวหน้า น่าจะมีเวลากว่าชาวเน็ต สิ่งที่ประชาชนอยากรู้คือ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง รัฐบาลจะเดินอย่างไร หากตอบไม่ได้หรือช้า คนไทยจะจินตนาการต่างๆนานา ผสมกับความไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่มีอยู่เดิมแล้ว วอร์รูมต้องทำงานมีประสิทธิภาพกว่านี้ และควรใช้จังหวะนี้ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่เบื้องต้นหยุดยิงให้ได้ก่อน ควรเชิญทูตสหรัฐฯ จีน มาเลเซีย มาพูดคุยไม่เช่นนั้นการไปคุยกันที่มาเลเซียก็เปล่าประโยชน์ การส่งหนังสือประณามไม่เพียงพอ ต้องเชิญทูตแต่ละประเทศมาหารือปชน.หนุนกองทัพปกป้องประเทศนายรังสิมันต์ยังกล่าวถึงจุดยืนของพรรคปชน.ต่อเหตุการณ์ชายแดน หลังนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรค ปชน. โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นตำหนิกองทัพว่า พรรคได้ตักเตือนและจะทำความเข้าใจกับนายสหัสวัตต่อไป เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นต้องขออภัย เราไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงที่มีการปะทะเราต้องมีน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สนับสนุนกัน พรรคประชาชนสนับสนุนกองทัพปกป้องประเทศ แต่ไม่สนับสนุนให้กองทัพมายึดครองประเทศ ใครที่ฉวยจังหวะนี้เรียกร้องให้กองทัพทำรัฐประหาร เป็นการเรียกร้องให้ทหารทำผิดวินัย ละเมิดกฎหมายสส.ห่วงผู้อพยพเป็นโรคซึมเศร้าเมื่อเวลา 10.30 น. มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระประชุม นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย หารือถึงปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาว่า เหตุการณ์สู้รบของ 2 ประเทศ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากสุดคือ สุรินทร์ รองมาคือศรีสะเกษ ถ้าไม่มีทหาร ไม่มีอาวุธทันสมัย คนสุรินทร์ตายเป็นเบือ อาจรวมตนด้วย ปัญหาที่พบคือ เรื่องสุขภาพจิต เป็นโรคจิตตก ซึมเศร้า ผู้อพยพกินข้าวไม่ลง ต้องกินกาแฟแทนข้าว คิดถึงบ้าน วัว ควาย สิ่งที่อยากฝากคือผู้อพยพที่ไปอยู่บ้านญาติ ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าใช้จ่ายอื่น ไม่รู้ต้องอยู่อีกกี่วัน อยากให้ทางราชการช่วยดูแล งบประมาณที่โอนไป 100 ล้านบาทให้ศูนย์อพยพ ไม่ได้ให้บ้านคน อย่างน้อยค่าไฟฟ้าเดือนนี้ไม่ต้องเสีย ให้กำนันสำรวจแล้วยกยอดมาเอาจากวงเงิน 100 ล้านบาท ที่กระทรวงการคลังอนุมัติ ต่อมานายวันมูหะมัดนอร์แจ้งต่อที่ประชุมให้ยืนไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นเวลา 1 นาทีเพิ่มนิยามคุกคามทางเพศถึงคุกต่อมาที่ประชุมเข้าสู่วาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ พิจารณาเสร็จแล้ว มีสาระสำคัญคือ แก้ไขคำนิยาม “คุกคามทางเพศ” ให้สอดรับการกระทำผิดทางเพศที่มีความหลากหลายมากขึ้น โดยแก้ไขให้ครอบคลุมทั้งการกระทำทางกาย วาจา การส่งเสียง การแสดงท่าทาง การเฝ้าดู เฝ้าติดตามรังควาน และการคุกคามผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ ให้กรณีคุกคามทางเพศ รวมไปถึงการที่ผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจคุกคามทางเพศลูกน้อง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องต่อศาลให้ออกคำสั่งให้ผู้กระทำผิดหรือผู้ให้บริการระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เฟซบุ๊ก ไลน์ ติ๊กต่อกหยุดเผยแพร่ภาพ วิดีโอผู้เสียหายออกจากระบบคอมพิวเตอร์ หากไม่ทำตามคำสั่งศาล มีโทษจำคุกไม่เกิน 6เดือน ทั้งนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบด้วยคะแนน 366 ต่อ 0 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 4 เสียงเฉลิมพระเกียรติวันแม่ 12 สิงหา 68ที่ทำเนียบรัฐบาล นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ด้วยวันที่ 12 ส.ค. เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นายกรัฐมนตรีได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในนามรัฐบาล ดำเนินการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ดังนี้ การจัดพิธีทางศาสนา จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล ในเวลา07.30น. ส่วนกลางจัดพิธี ณ ท้องสนามหลวง พระสงฆ์จำนวน 194 รูป ส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดจัดพิธี ณ ศาลากลางจังหวัด หรือสถานที่ที่เหมาะสม และในต่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลพิจารณาการจัดพิธีตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม นอกจากนี้ยังจัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายพระราชกุศล พิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแสดงความจงรักภักดี และร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติฯให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่