“ถึงเป็นเรื่องที่ทราบกันดีอยู่แล้วหากได้ติดตามสถานการณ์ข่าวต่างประเทศ แต่ในโอกาสนี้รัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จำเป็นต้องขอชี้แจงว่า ปริมาณการยั่วยุในช่องแคบไต้หวันได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง”เครื่องบินรบกองทัพจีนจำนวนกว่า 5,000 ลำ ได้ออกปฏิบัติการลาดตระเวนเหนือพื้นที่ทางทะเลรอบเกาะไต้หวัน และในจำนวนนี้มีกว่า 2,000 ลำ ที่ข้ามเส้นกั้นกลางของช่องแคบ เมื่อช่วง เดือน ม.ค.-มิ.ย.“เสิ่น โย่ว จง” รัฐมนตรีช่วยฝ่ายดูแลกิจการจีนแผ่นดินใหญ่ กล่าวต้อนรับทีมข่าวต่างประเทศหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ที่ได้รับโอกาสเยือนกรุงไทเป ติดสอยห้อยตามไปกับคณะนักข่าวนานาชาติจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ อินเดีย จนถึงชาติที่อยู่ไกลโพ้นอย่างเดนมาร์กและสเปนโดยงานนี้ตัวแทนรัฐบาลไต้หวันอธิบายเป็นฉากๆ ถึงความจำเป็นในการอยู่รอดจากแรงกดดันอย่างหนักรอบด้าน ไม่ว่าทั้งจีนหรือสหรัฐฯ แน่นอนไต้หวันมีความกังวลอย่างหนักต่อรายงานความพร้อมการใช้กำลังทางทหารภายในปี 2570 รวมถึงประเด็น “กำแพงภาษี” ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯเรื่องแรกคือภัยใกล้ตัวที่ทำให้ไต้หวันมีความจำเป็นจะต้องดำเนินนโยบาย “เพื่อสันติภาพ 4 เสาหลัก” ประกอบด้วย 1.การเพิ่มงบประมาณทางการทหารของไต้หวันให้เป็น 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพื่อรับมือกับความสุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น2.การปรับปรุงเสริมความแข็งแกร่งทางโครงสร้างและความทนทาน Resilience ของระบบเศรษฐกิจให้มากยิ่งขึ้น พ่วงไปด้วยการเตรียมความพร้อมทางภาคสังคม อย่างที่เห็นในปีนี้ว่าการซ้อมรบได้มีการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม แจ้งให้ทราบเรื่องการระดมกำลังสำรอง3.การขยายความร่วมมือกับต่างชาติที่มีมุมมองใกล้เคียงกัน และกำลังประสบปัญหาแบบเดียวกัน ถ้าจะให้พูดใกล้ตัวก็คือญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ หรืออาจจะเป็นเวียดนามตามด้วยข้อสุดท้าย 4.การเน้นย้ำความสำคัญของการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างช่องแคบ การพยายามหารือพูดคุยเจรจากับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเน้นย้ำเรื่อง “การคงไว้ซึ่งสถานะที่เป็นอยู่” (Status Quo)กล่าวคืออยู่กันดีมาอย่างไร ก็ขอให้เป็นไปอย่างนั้น อย่าเปลี่ยน แปลงให้มันแย่ลงถามว่าสถานการณ์แย่ลงไหมทุกวันนี้ แรงถาโถมมันเข้ามาทุกภาคส่วนไม่เฉพาะด้านความมั่นคงทางทหาร แต่ยังรวมถึงความมั่นคงทางสังคมที่กำลังถูกกัดกร่อน ขอยกตัวอย่างเรื่องไซเบอร์ อินเตอร์เน็ต และโซเชียลมีเดียที่รัฐบาลกำลังหาทางรับมือกับการหลั่งไหลของข้อมูลข่าวสารที่ก่อให้เกิดความเข้าใจอย่างผิดๆอย่างแอปพลิเคชันต่างๆ มองว่าเป็นการสร้างอิทธิพลในทางอ้อม หากคิดลบไปเลยคือ “การทำศึกทางด้านการรับรู้” Cognitive Warfare เรื่องนี้ขอเล่าว่าเคยมีคำกล่าวเอาไว้ว่า หากคนไต้หวันใช้แอปพลิเคชันในจำนวนที่มากพอก็จะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการรวมดินแดนให้เป็นหนึ่งเดียวจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไต้หวันจำเป็นต้องเรียนรู้ประสบการณ์ของประเทศอื่นๆให้มากยิ่งขึ้น ทำไมบางประเทศถึงทำการแบน ระงับการใช้แอปพลิเคชันชื่อดัง เราจำเป็นต้องถอดบทเรียนเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้สิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้คือการควบคุมอินเตอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์แบบ รัฐจำเป็นต้องให้คุณค่าในเรื่องของเสรีภาพประชาชน ถ้าว่ากันจริงๆนี่คือข้อเสียเปรียบในทางเดียวกับประเด็นกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ถือเป็นเรื่องที่กระทบต่อยุทธศาสตร์ของไต้หวันในเรื่องของห่วงโซ่สินค้า “ซัพพลายเชน” เรื่องนี้ขอขยายความว่า ด้วยความที่ธุรกิจในปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกันอย่างเหนียวแน่น สินค้าต่างๆกว่าจะออกมาเป็นอย่างที่เห็น จำเป็นต้องพึ่งพาของจากที่ต่างๆในอดีตที่ผ่านมา ทางรัฐบาลสหรัฐฯได้เข้ามาช่วยเหลือไต้หวันให้ลดการพึ่งพาตลาดจีน คิดดูแล้วกันว่าแต่ก่อนเราหลั่งไหลไปจีนถึง 84% ตอนนี้ตัวเลขดังกล่าวได้ลดลงแล้ว เราเริ่มกระจายไปที่อื่นๆ เช่น ตลาดยุโรป ส่วนเรื่องการส่งออกนับตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา เบอร์ 1 คือสหรัฐฯ เบอร์ 2 คือญี่ปุ่น และเบอร์ 3 คือจีนด้วยเหตุนี้จึงหวังว่ากระบวนการเจรจากำแพงภาษีจะมีบทสรุปด้วยดี มีข้อตกลงอย่างเหมาะสมถอดบทเรียนยูเครนบ้างหรือไม่ที่เผชิญกับสงคราม อย่างหนักหน่วง “เสิ่น โย่ว จง” นั่งคิดสักพักพร้อมหันไปถามล่ามเป็นภาษาจีน ก่อนตอบว่าถ้าว่ากันในเชิงยุทธศาสตร์แล้ว เกาะไต้หวันเป็นจุดที่ยากต่อการโจมตี และเป็นเหตุที่เราต้องเตรียมความพร้อมในหลายๆด้านเพียงแต่ว่าหากวันหนึ่งเราถูกปิดล้อมอย่างจริงจัง ยังไงก็คงไม่พอ สิ่งที่ทำได้คือการถ่วงเวลาและขอการสนับสนุนจากนานาชาติว่า โลกไม่ต้องการสงครามในช่องแคบไต้หวัน และสันติภาพคือทางออกถึงเราจะมี “รากเดียวกัน” แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นรวบหัว รวบหาง อย่างอังกฤษ-สหรัฐฯ ก็เป็นตัวอย่างของรากเดียวกัน แต่มีระบบที่แตกต่างกัน ไต้หวันไม่ได้เป็นตัวปัญหาอย่างที่คิดแม้ตอนนี้ผู้นำเราสองฝั่งคงยากที่จะพบกันได้ แต่เราก็อยากมีโอกาสและพร้อมที่คว้าทันที สุดท้ายหวังอย่างยิ่งว่าจีนจะเคารพเราในเรื่องนี้ และพูดคุยกันได้ในฐานะมนุษย์ที่เท่าเทียมและมีศักดิ์ศรีเฉกเช่นเดียวกัน.ทีมข่าวต่างประเทศอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่