“ฉลาด” ไร้คู่แข่งนั่งรอง ปธ.สภา “วันนอร์” เหน็บ สส.หวังว่าจะฉลาดทั้งสภา สมชื่อรองประธานฯ คนใหม่ ศาล รธน.ไต่สวนพยานคดี “พิเชษฐ์” โยกงบ 9 ปาก นัดลงมติพร้อมฟังคำวินิจฉัย 1 ส.ค.นี้ ดีเอสไอตั้งแท่นสอบคดีเขากระโดง มุ่งเป้ารวบรวมหลักฐานจากทุกฝ่าย “นายกฯอิ๊งค์” ลงพื้นที่เมืองแปดริ้ว หารืออนุรักษ์หลวงพ่อพุทธโสธรนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ได้เป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 โดยไม่ต้องลงมติ หลังพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อเพียงคนเดียว ไม่มีคู่แข่ง ขณะที่คดีโยกงบของนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ศาลรัฐธรรมนูญสอบพยานครบ 9 ปาก นัดฟังคำวินิจฉัย 1 ส.ค.นี้“อิ๊งค์” หารืออนุรักษ์หลวงพ่อโสธรเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ที่ จ.ฉะเชิงเทรา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการในฐานะ รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานกระตุ้น เศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ของกรมศิลปากร จากนั้นนายกฯเข้าสักการะหลวงพ่อพุทธโสธร ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร หารือเกี่ยวกับ การอนุรักษ์องค์หลวงพ่อพุทธโสธร และการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์วัดหลวงพ่อพุทธโสธร ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯในช่วงบ่าย“ฉลาด” ไร้คู่แข่งนั่งรอง ปธ.สภาเมื่อเวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม นายวัชรพล ขาวขำ สส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย เสนอให้นำญัตติการลงมติเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 มาพิจารณาก่อนวาระกระทู้ถามสด แต่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ทำให้ต้องลงมติโหวตโดยมีผู้แสดงตน 255 คน ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้เลื่อนญัตติดังกล่าว ขึ้นมาพิจารณาก่อน จากนั้นบรรยากาศในห้องประชุมเกิดความวุ่นวาย มี สส.ฝ่ายค้านขอขานการลงมติด้วยวาจาเพิ่มเติมภายหลังหลายคน สร้างความไม่พอใจแก่ สส.ฝ่ายรัฐบาล มองว่าเป็นแท็กติกถ่วงเวลาสภาฯนายวันมูหะมัดนอร์ต้องเตือนให้ทุกคนอยู่ในความสงบ อย่าใช้อารมณ์ ก่อนตัดบทเข้าสู่วาระการเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 2 ที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอชื่อนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียว จึงไม่ต้องมีการลงมติ ถือว่านายฉลาดได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯคนที่ 2 นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า “ขอแสดงความยินดี เมื่อได้รองประธานสภาฯ ชื่อฉลาดแล้ว หวังว่าจะฉลาดทั้งสภา”ศาล รธน.ไต่สวนคดี “พิเชษฐ์” โยกงบวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ไต่สวน เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีนายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) และสส.รวม 121 คน จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน สส. ทั้งหมดที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร ยื่นคำร้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสาม กรณีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นผู้ให้ความเห็นชอบการจัดทำโครงการและให้มีการเสนองบประมาณ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 3 โครงการ โดยมีส่วนทางตรง และทางอ้อม ในการใช้งบประมาณปี 2568 และมีคำขอเสนอโครงการทั้ง 3 โครงการอีกครั้ง ในงบ ประมาณปี 2569 เป็นการเสนอของบประมาณด้วยโครงการที่มีรูปแบบเดียวกัน และต่อเนื่องกัน อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 144 วรรคสองนัดลงมติพร้อมฟังคำวินิจฉัย 1 ส.ค.การไต่สวนวันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณี ผู้เกี่ยวข้อง และบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญอนุญาตเท่านั้น เข้าร่วมรับฟัง และงดการถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียง มีพยานเข้าไต่สวนทั้งสิ้น 9 ปาก ประกอบด้วย นายภัณฑิล ผู้ร้อง นายพิเชษฐ์ ผู้ถูกร้อง นายจิรพงศ์ วัฒนรัตน์ ที่ปรึกษาคณะทำงานทางการเมืองของผู้ถูกร้อง ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นายกุลพล วัชรกาฬ ผอ.สำนักกฎหมาย นายวรพงษ์ แพรม่วง วิทยากรชำนาญการ นายธีรพงษ์ เอื้อพอพล ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 นายนาถะ ดวงวิชัย ผอ.สำนักประธานสภาผู้แทนราษฎร นางวรรณฤทัย สงวนรักษ์ ผอ.สำนักนโยบายและแผน หลังไต่สวนเสร็จ ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดนัดลงมติคดีนี้ ในวันที่ 1 ส.ค. เวลา 09.30 น. นัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัยในเวลา 15.00 น. ของวันเดียวกันดีเอสไอตั้งแท่นสอบคดีเขากระโดงที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.00 น. คณะพนักงานสืบสวนในเรื่องที่ 97/2568 ที่มี พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นหัวหน้าคณะ ประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรก เพื่อพิจารณากรณีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบครอง และการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ และเกี่ยวข้องกับกลุ่มคณะบุคคลหลายฝ่าย สำหรับการดำเนินการดังกล่าวมีที่มาจากคำร้องของนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท อดีตผู้สมัคร สว. ขอให้กรม สอบสวนคดีพิเศษตรวจสอบการได้มาซึ่งสิทธิครอบครอง ที่ดินของกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายมุ่งเป้ารวบรวมหลักฐานจากทุกฝ่ายในที่ประชุมคณะพนักงานสืบสวนได้กำหนดแนวทางการสอบสวนเบื้องต้น ได้แก่ การสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง การรวบรวมและตรวจสอบพยานหลักฐาน ประสานเอกสารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย และจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวนเบื้องต้น เพื่อพิจารณาความชอบธรรมของการครอบครองที่ดิน และประเมินว่าเข้าลักษณะคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษหรือไม่ ดีเอสไอยืนยันว่าจะดำเนินการโดยยึดหลักนิติธรรม ความโปร่งใส และความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จะไม่กล่าวหาหรือพาดพิงบุคคลใดจนกว่าข้อเท็จจริงจะปรากฏชัดเจน หากพยานหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอ และคดีเข้าข่ายเป็นคดีพิเศษ คณะพนักงานสืบสวนจะเสนอให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษพิจารณารับเป็นคดีพิเศษโดยเร็ว และจะแจ้งความคืบหน้าให้สาธารณชนทราบต่อไปอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่