กองทัพไทยตอบโต้กัมพูชาหนักหน่วง เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ส่งฝูงบิน F-16 ทิ้งบอมบ์กระหน่ำฐานบัญชาการในจุดสำคัญจน 2 ฐานกระจุยดับความซ่าหลังกัมพูชาเปิดฉากโจมตีไทยใน 6 พื้นที่ชายแดนด้วยจรวด RPG และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 กับอาวุธหนักใส่ทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธมเป็นจุดแรกหลังบินโดรนเข้ามาในเขตไทยเพื่อยั่วยุ ก่อนเปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารไทยและใช้อาวุธหนักต่อเนื่อง ทั้งยังเปิดแนวรบเพิ่มที่ผามออีแดง-เขาพระวิหาร ทหารไทยงัดปืนใหญ่โต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย สุดสลดทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ในปั๊มน้ำมันจนเกิดเพลิงไหม้ คร่าชีวิตชาวบ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่รวม 7 ราย บาดเจ็บ 14 ราย แสนสะเทือนใจสองแม่ลูกนอนกอดกันตาย และยังยิงจรวดใส่ชุมชนที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ คร่าชีวิตหนูน้อย 8 ขวบ กับชายวัย 34 ปี ยายหนูน้อยอุ้มหลานส่ง รพ.ร่ำไห้ปานจะขาดใจ ทั้งยังยิงระเบิดใส่ รพ.พนมดงรัก คนใน รพ.ต้องหาที่กำบังหลบเอาชีวิตรอดกันโกลาหล กองทัพบกออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาโจมตีพลเรือนไทย ลือสะพัด ฮุน เซน นั่งเครื่องบินส่วนตัวหนีตายไปจีน ผู้นำเขมรฟ้องยูเอ็นกล่าวหาไทยรุกราน ขณะที่ รมว.กต.ถึงสหรัฐฯ แจง UN ย้ำปกป้องอธิปไตยเพราะถูกรุกรานก่อนภายหลังไทยใช้ความอดทนอดกลั้นมานานกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในหลายพื้นที่ที่มีปัญหาเรื่องเขตแดนกัน โดยฝ่ายกัมพูชาพยายามโจมตีกล่าวหาว่าไทยรังแกกัมพูชามาโดยตลอด และพยายามที่จะรุกล้ำดินแดนเข้ามาในเขตปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ โดยอ้างว่าเป็นของกัมพูชา แต่ในที่สุดความอดทนของไทยก็ถึงขีดสิ้นสุด เมื่อล่าสุด จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญชูหล้า ผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก กองทัพภาคที่ 2 ทหารชุดลาดตระเวน ต้องบาดเจ็บขาขาดเป็นรายที่ 2 จากการเหยียบกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้บริเวณช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อบ่ายวันที่ 23 ก.ค. ทำให้ พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ปฏิบัติการโต้ตอบทันควัน โดยมีคำสั่งปิด 4 ด่าน กับอีก 3 ปราสาทที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามแนวชายแดนไทย นอกจากนี้รัฐบาลยังอัปเปหินายฮุน ซาเรือน เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย กลับประเทศทันทีในค่ำวันเดียวกัน พร้อมเรียกเอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับไทย เป็นการลดระดับความสัมพันธ์ลง ส่งผลให้สถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ยิ่งร้อนระอุมากขึ้นกัมพูชาเปิดฉากยิง RPG ใส่ทหารกระทั่งฟางเส้นสุดท้ายของไทยขาดผึงลงจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาเมื่อช่วงเช้าตรู่วันที่ 24 ก.ค. หลังฝ่ายกัมพูชาเริ่มต้นเปิดฉากใช้อาวุธโจมตีฝ่ายไทย มีการปะทะกันรวมทั้งหมด 6 จุด ผู้สื่อข่าวไทยรัฐประจำจังหวัดสุรินทร์รายงานว่า เมื่อเวลา 08.33 น. มีการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา จุดแรกที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธครบมือ พยายามดันลวดหนามแล้วเปิดฉากยิงจรวด RPG ใส่ฝ่ายไทยบริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม แต่ทหารไทยยิงตอบโต้ทันควัน เสียงปืนดังต่อเนื่อง โดยเฉพาะปืนใหญ่จากฝั่งไทยได้ยินอย่างชัดเจน ส่วนกัมพูชาคาดว่าใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 กับอาวุธหนัก โจมตีทหารไทยเป็นระยะ จากนั้นมีการโจมตีและปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร (ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอานม้า ซึ่งที่จุดช่องอานม้า ทหารไทยพบเห็นความเคลื่อนตัวของทหารกัมพูชาในพื้นที่จึงเกิดปะทะกันเล็กน้อย ส่วนจุดสุดท้ายคือที่บริเวณช่องจอม ต้องหอบสัมภาระไปอยู่ที่ปลอดภัยขณะที่ประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่บริเวณแนวชายแดนที่มีการปะทะกัน รวมถึงวัด โรงเรียนตาม แนวชายแดน ฝ่ายปกครองจังหวัดสุรินทร์จึงมีคำสั่งอพยพอย่างเร่งด่วนไปยังพื้นที่ปลอดภัย ผู้ปกครองเร่งไปพาเด็กลูกหลานที่กำลังเรียนหนังสือกลับจากโรงเรียนโกลาหล ชาวบ้านจำนวนหนึ่งต่างตกใจในเหตุการณ์สู้รบ พากันขับรถยนต์ส่วนตัวไปหลบภัยที่ค่ายอพยพที่ทางการเตรียมไว้ให้บีบหัวใจยายอุ้มหลานถูกจรวดฉีกร่างมีรายงานว่า ชาวบ้านโจรก ต.ด่าน อ.กาบเชิง ถูกจรวด BM-21 ของกัมพูชายิงใส่กลางชุมชน ทำให้ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายวัย 34 ปี และเด็กชายวัย 8 ขวบ ที่ต้องตายไปโดยไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ภาพที่ผู้เป็นยายร่ำไห้ใจจะขาดขณะอุ้มร่างหลานชายที่ถูกจรวดฉีกร่างเจ็บสาหัสอยู่ในอ้อมกอด ขณะนำส่งโรงพยาบาล เป็นภาพที่บีบหัวใจผู้พบเห็นอย่างมาก ส่วนที่ ต.โคกกลาง ระเบิดลงกลางทุ่ง ทำให้ฝูงวัวที่กำลังเล็มหญ้ากินตายทันที 5 ตัว ด้านชาวบ้านหลายร้อยครัวเรือนในพื้นที่การสู้รบ ทั้งผู้หญิง คนแก่ชรา คนพิการ ต่างหอบหิ้วสัมภาระเท่าที่จะหยิบออกมาได้ หนีภัยออกจากจุดเสี่ยงกันอย่างโกลาหล บ้างไปหลบอยู่ในบังเกอร์ปูน ท่ามกลางความวิตกกังวลของชาวบ้านที่เป็นห่วงทรัพย์สิน โดยบางครอบครัวขออยู่บ้านเพื่อเฝ้าข้าวของสลด 2 แม่ลูกนอนกอดกันตายใน 7–11แต่เหตุการณ์ที่สร้างความสะเทือนใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ เป็นเหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชายิงจรวด BM-21 ตกใส่ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาบ้านผือ ต.เมือง อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในเวลาประมาณ 10.50 น. โดยปั้มน้ำมันดังกล่าวอยู่ห่างชายแดนไทย-กัมพูชา ประมาณ 28 กิโลเมตร แรงจรวดทำให้เกิดระเบิดอย่างรุนแรงจนมีเพลิงลุกไหม้ตัวร้านสะดวกซื้ออย่างหนัก เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 7 ราย ทั้งผู้ที่มาซื้อของและพนักงานร้าน ในจำนวนนี้มีศพ 2 แม่ลูกนอนกอดกันเสียชีวิตอยู่ภายในร้าน ผู้บาดเจ็บมี 14 ราย สะเก็ดระเบิดยังกระเด็นไปตกบริเวณสวนยาง ด้านข้างปั้มที่เกิดเหตุ มีผู้เสียชีวิตเป็นหญิงที่มารับจ้างกรีดยางอีก 1 ราย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานศรีสะเกษเข้าตรวจสอบพื้นที่และเคลื่อนย้ายผู้เสียชีวิตที่ตกค้างในที่เกิดเหตุ นำพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป นอภ.เร่งอพยพชาวบ้านหนีภัยสู้รบก่อนหน้านี้ เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน จ่าเอกสมควร สิงห์คำ นอภ.กันทรลักษ์ สั่งการเร่งด่วนให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชรบ.หมู่บ้านและผู้นำชุมชน เร่งอพยพประชาชนในพื้นที่ 7 ตำบล 80 หมู่บ้าน รวมถึง ต.ภูผาหมอก ต.เสาธงชัย ต.รุง ต.ละลาย ต.โนนสำราญ ต.บึงมะลู และ ต.ชำ หลังได้รับรายงานเหตุปะทะชายแดนบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ตั้งแต่เช้าวันเดียวกัน แต่ก็เกิดเหตุปะทะกันในพื้นที่ชายแดนด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ทำให้สถานการณ์ชายแดนยิ่งตึงเครียดหนักมาก ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครองในพื้นที่เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อย่างเข้มข้น เร่งดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่กำลังทยอยอพยพเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราวตามแผนอพยพ “พิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” ของจังหวัดพ่อแม่แห่รับลูกหลานจาก ร.ร.ส่วนที่ชายแดนไทยด้าน จ.ศรีสะเกษ หลังมีเสียงปืนใหญ่ดังสนั่นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.ภูสิงห์ ทำให้โรงเรียนหลายแห่งที่อยู่ติดชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต ต.ไพรพัฒนา ประกาศหยุดการเรียนการสอนและให้ผู้ปกครองมารับลูกหลานกลับบ้าน นายพิชชวัฒน์ แสวงดี ผอ.ร.ร.ไพรพัฒนา เผยว่า ได้เตรียมพร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง โรงเรียนมีสัญญาณเตือนภัยและบังเกอร์อยู่ 2 จุด เพื่อให้นักเรียนกับเจ้าหน้าที่ไปหลบภัย ขณะที่ชาวบ้านหลายหมู่บ้านใน ต.ไพรพัฒนา พากันเก็บข้าวของอพยพจากพื้นที่ ร้านค้าบางร้านเริ่มปิดตัวลง หลายครอบครัวพากันอพยพไปอยู่ต่างอำเภอก่อน เพื่อความปลอดภัย เพราะยังได้ยินเสียงปืนมาเป็นช่วงๆ อยู่ที่ชายแดนไทย-กัมพูชาหนีตายโกลาหลระเบิดตกใส่ รพ.เวลาประมาณ 11.00 น. มีระเบิด 2 ลูกมาตกที่บริเวณหน้าเสาธงของ รพ.พนมดงรัก ห่างจากปราสาทตาเมือนธมประมาณ 7-8 กม. ทำให้ผู้คนในโรงพยาบาลทั้งแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่รวมถึงผู้ป่วยและญาติผู้ป่วยที่มาเฝ้าไข้ พากันหาที่กำบังกายกันอย่างโกลาหล ขณะที่ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ได้เข้าไปคลานหนีเข้าไปหลบที่ใต้ตึกอุบัติเหตุ มีทหารและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปหลบด้วย นอกจากนี้ยังมีกระสุนตกในพื้นที่วิทยาลัยการอาชีพสังขะ อ.สังขะ จ.สุรินทร์ 6 ลูก กับที่หมู่บ้านไทยสมบูรณ์ ต.สังขะ และใกล้กับตัวอำเภอสังขะ รวมในพื้นที่ อ.สังขะกว่า 10 ลูก นอกจากนี้ยังมีลูกระเบิดลงที่สำนักงานเทศบาล ต.กาบเชิง ได้รับความเสียหายด้วย ขณะที่ทหารไทยเร่งเคลื่อนปืนใหญ่เสริมต่อเนื่องตร.เสียวกระสุนปืนใหญ่ตกใกล้โรงพักส่วนที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ สถานการณ์ยังคงตึงเครียด หลังมีการปะทะกันด้วยอาวุธ ส่งผลให้กระสุนปืนใหญ่ตกกระจายในหลายพื้นที่ของ อ.บ้านกรวด ส่งผลให้บ้านเรือน ไร่ สวนและทรัพย์สินของชาวบ้านเสียหาย ผู้คนนับพันคนจากหลายหมู่บ้านพากันหนีภัยไปหลบที่ศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยที่สนามช้างอารีนา ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ ที่รองรับได้กว่า 10,000 คน จัดตั้งขึ้นภายใต้แผนฉุกเฉินของจังหวัดบุรีรัมย์ มีการสนับสนุนจากฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ หน่วยงานสาธารณสุขและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ช่วงเวลาประมาณ 14.00-15.00 น. มีกระสุนปืนใหญ่จำนวน 2 นัด ถูกยิงจากฝั่งกัมพูชาลงมาที่บริเวณใกล้ สภ.โคกกระชาย อ.บ้านกรวด ทำให้ตำรวจที่กำลังเตรียมความพร้อมในการออกปฏิบัติหน้าที่ ทั้งการอพยพเคลื่อนย้ายราษฎรและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ ต้องวิ่งหลบหนีเข้าที่กำบังกันจ้าละหวั่น ขณะที่ รพ.บุรีรัมย์ออกประกาศ ขอรับบริจาคโลหิตด่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สู้รบในพื้นที่ชายแดนขวัญกระเจิงระเบิดตกกลางบ้านส่วนที่ จ.อุบลราชธานี พ.ต.ท.วรรณพรตปิ่นปกบุตร รอง ผกก.สส.สภ.น้ำยืน พร้อมด้วยชุดสืบสวนไปตรวจสอบบ้านเลขที่ 64 ม.9 บ.โพนทอง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ ของนายบุญร่วม ทองวิเศษ เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุลูกระเบิดตกใส่กลางบ้านจากเหตุปะทะตามแนวชายแดน เมื่อช่วงใกล้เที่ยงวันที่ 24 ก.ค. แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บไทยปะทะกัมพูชาชาวบ้านตาย 1 เจ็บ3ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาในพื้นที่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันเดียวกันนี้ ว่า มีชาวบ้านเสียชีวิตจากลูกกระสุนปืนใหญ่ตกใส่บ้าน 1 ราย คือ นางอ่อนสี โจรสา อายุ 70 ปี หญิงสัญชาติลาวที่มาพักอาศัยอยู่กับสามีชาวไทย ที่บ้านกุดเชียงมุน หมู่ 8 ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดลูกปืนใหญ่ 3 ราย คือ นายปอด โจรสา อายุ 86 ปี ขาและแขนขาด นายรัฐศาสตร์ บุญกัณฑ์ นายวงศ์ธวัช แก้วคันโท ถูกสะเก็ดระเบิดที่ลำตัว ทั้งหมดเป็นชาวบ้านกุดเชียงมุน หมู่ 8 ต.โดมประดิษฐ์ รวมทั้งมีบ้านเรือนถูกระเบิดพังเสียหาย 3 หลัง ที่บ้านกุดเชียงมุนหมู่ 8 จำนวน 2 หลัง บ้านโพนทอง หมู่ 9 ต.โดมประดิษฐ์ อีก 1 หลัง ทางอำเภอเริ่มอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่สู้รบเป็นระยะกว่า 3 หมื่นคน ไปพักอาศัยในศูนย์อพยพอำเภอเดชอุดม ที่ได้มีการซักซ้อมและเตรียมไว้รวม 64 ศูนย์ทบ.รายงานเขมรเปิดฉากยิงก่อนต่อมา พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่าเมื่อเวลา 07.35 น. วันที่ 24 ก.ค. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV)ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนามและพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธ ครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ และเมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ในระยะประมาณ 200 เมตร ฉะบิดเบือนข้อมูลความมั่นคงพ.อ.ริชฌากล่าวอีกว่า กองทัพบกขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกท่านงดการบันทึกภาพนิ่ง คลิปวิดีโอ หรือการเผยแพร่ข้อมูลใดๆที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ หรือยานพาหนะทางทหารขนาดใหญ่ รวมถึงการระบุสถานที่หรือเส้นทางการเคลื่อนย้าย ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ผ่านช่องทางสื่อสาธารณะ หรือสื่อออนไลน์ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลด้านความมั่นคงถูกนำไปใช้โดยกลุ่มผู้ไม่หวังดี อันอาจนำไปสู่การบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือสร้างความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของภารกิจทางทหาร กองทัพบกตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินภารกิจด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยและมีเอกภาพ จึงขอความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจกระทบต่อการปฏิบัติภารกิจของกำลังพลในพื้นที่ เพื่อให้กองทัพทำหน้าที่ในการพิทักษ์อธิปไตย และดูแลความปลอดภัยของประชาชนได้เต็มศักยภาพเปิดแนวรบเพิ่มที่ผามออีแดงรองโฆษกกองทัพบก แถลงอีกว่าเวลา 09.20 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร โดยฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิด และจรวด BM-21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ด้วยปืนใหญ่สนาม มีทหารบาดเจ็บ 2 นายจากอาวุธยิงสนับสนุนในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ทบ.ประณามเหตุโจมตีพลเรือนไทยพ.อ.ริชฌากล่าวต่อว่า กองทัพบกขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น.ของวันนี้ ส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย ฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน กองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิดF–16 หกลำขึ้นบินทำลาย 2 ฐานที่กัมพูชาผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อความหลายครั้ง โดยเมื่อเวลา 10.51 น. โพสต์ข้อความระบุว่า “เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 6 ลำ เตรียมตอบโต้พื้นที่ช่องอานม้า จ.อุบล ราชธานี” ต่อมาเวลา 11.00 น. เพจเฟซบุ๊กกองทัพภาคที่ 2 โพสต์อีกครั้งว่า “10.58 น. F-16 ยิงแล้ว บก.พลน้อย สสน.8 บก.พลน้อย สสน.9 ของกัมพูชา ถูกทำลาย”ทิ้งบอมบ์ 2 กองบัญชาการจนกระจุยเวลา 11.00 น. มีรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า เครื่องบิน F-16 จำนวน 6 ลำ ที่ถูกส่งไปสนับสนุนการสู้รบภาคพื้นกับกองทัพบก ใช้อาวุธประจำเครื่องบินที่มีความแม่นยำสูง โจมตีเป้าหมายที่ตั้งอาวุธหนักทหารกัมพูชา ที่ บก.พลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 9 ที่ใช้อาวุธปืนใหญ่โจมตีบ้านเรือนคนไทยและเป็นส่วนที่ใช้กำลังพลในการวางกับระเบิดทหารไทย จากนั้นเวลา 11.40 น. เจ้าหน้าที่ทหารไทยทำลายกระเช้าและบันไดทางขึ้นภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ยืนยันการปฏิบัติการทางอากาศ F-16 ทั้ง 6 ลำ ใช้เวลาปฏิบัติการ 20 นาที ก่อนกลับฐานปฏิบัติการอย่างปลอดภัยทุกลำฮือฮาข้อความบนระเบิดฝากถึงฮุน เซนระหว่างที่การตอบโต้ของทหารไทยที่ถล่มทหารกัมพูชาเต็มไปด้วยความเข้มข้นตลอดทั้งวันที่ 24 ก.ค. โดยกองทัพไทยได้ส่งฝูงบิน F-16 รวม 6 ลำ บินถล่มฐานบัญชาการของกัมพูชาจนพินาศย่อยยับแหลกลาญไป 2 ฐาน ในโลกโซเชียลได้มีการแชร์ภาพ ระเบิด GBU-12 ที่กองทัพอากาศไทยติดตั้งให้เครื่องบิน F-16 บินไปทิ้งระเบิดโจมตีดังกล่าว ที่มีข้อความเขียนฝากทักทายสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ติดไปกับระเบิดด้วย โดยผลการปฏิบัติงานของฝูงบิน F-16 เขี้ยวเล็บสำคัญของไทยหลังจากถล่มฐานบัญชาการของกัมพูชาเรียบร้อยแล้วในเวลาไม่กี่นาทีได้บินกลับฐานที่ตั้งอย่างปลอดภัยทอ.โต้เขมรปั่นเฟกนิวส์ยิง F–16 ไทยตกเวลา 12.00 น. เฟซบุ๊กเพจกองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force โพสต์ข้อความแจ้งว่า “Fake News” กรณีสื่อประเทศกัมพูชาอ้างว่าเครื่องบิน F-16 กองทัพอากาศไทยถูกยิงตกในช่วงเช้า ไม่เป็นความจริง ขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือเท่านั้น ขณะที่เฟซบุ๊กเพจกองทัพภาคที่ 2 โพสต์แจ้งว่ากองทัพอากาศไทยยืนยัน F-16 ของไทยกลับบ้านปลอดภัยครบทุกลำ หลังจากจัดส่งด่วนทิ้งไข่ทำลายกองพลน้อยของกัมพูชาปล่อยข่าวยึดตาเมือนธม–ตาควายเวลา 12.08 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก แถลงชี้แจงกรณีสื่อกัมพูชาอ้างว่ากองทัพกัมพูชาสามารถยึดปราสาทตาเมือนธมกับปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ได้แล้ว และอ้างว่าทหารไทยทิ้งสองปราสาทดังกล่าว ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นข่าวปลอมทภ.1 สั่งปิด 5 ด่านชายแดนเขมรช่วงบ่าย มีรายงานจากกองทัพภาคที่ 1 (ทภ.1) ว่า พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้สั่งการให้ปิด 5 ด่าน ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบ ประกอบด้วย 1.จุดผ่านแดนบ้านคลองลึก (โรงเกลือ) อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว 2.จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา (หนองเอียน-สตึงบท) อ.อรัญประเทศ 3.จุดผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว 4.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านหนองปรือ อ.อรัญประเทศ 5.จุดผ่อนปรนการค้าบ้านตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว โดยปิด100%ทภ.2 งัด ม.51 กฎบัตรสหประชาชาติตอบโต้เวลา 12.50 น. เพจเฟซบุ๊กของกองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ข้อความว่าจากเหตุการณ์ที่กัมพูชากระทำการโจมตีด้วยอาวุธใส่พื้นที่พลเรือนของไทยในเขต อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ประเทศไทยมีสิทธิป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ มาตรา 51 พร้อมทั้งต้องรายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทันที หากจำเป็นต้องใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเอง กองทัพบกไทยจะดำเนินการตามหลักสากลของกฎหมายมนุษยธรรม โจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร (Military Objective) หลีกเลี่ยงการกระทบต่อทรัพย์สินทางวัฒนธรรม เช่น ปราสาทโบราณ ไม่ใช้ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือทางทหาร เพราะจะทำให้หมดสิทธิได้รับความคุ้มครอง ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ไทยยึดมั่นในหลักนิติธรรมและคุณค่าสากลของมนุษยธรรม แต่จะไม่ยอมให้การโจมตีใดๆละเมิดอธิปไตยและบ่อนทำลายศักดิ์ศรีของชาติได้โดยไม่มีการตอบโต้ ก่อนหน้านั้นกองทัพภาคที่ 2 ได้เผยแพร่ข้อมูลว่า กัมพูชาโจมตีแหล่งชุมชนโบราณสถาน ปราสาท ปั๊มน้ำมัน โรงพยาบาล ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดนด้วย“ภูมิธรรม” เรียกด่วนประชุม สมช.อีกด้านที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาว่า ได้รับรายงานตอน 8 โมงกว่า ว่า มีเสียงปืนเกิดขึ้น ทหารกำลังเข้าไปดูแลในพื้นที่อยู่ สถานการณ์ขณะนี้เราต้องระมัดระวังและพิจารณาอย่างรอบคอบ รวมถึงต้องปฏิบัติการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ขอให้สื่อระมัดระวังการเสนอข่าว เมื่อถามว่าสถาน การณ์มีความตึงเครียด จะทำความเข้าใจประชาชนในพื้นที่อย่างไร นายภูมิธรรมตอบว่า เจ้าหน้าที่ทุกคน ในพื้นที่ทำหน้าที่อยู่แล้ว เมื่อถามว่าการใช้กำลังต้องถามมายังรัฐบาล หรือแม่ทัพภาคที่ 2 ตัดสินใจได้เลย นายภูมิธรรมกล่าวว่า หลังประชุม สมช. จะสรุปให้ฟังทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ถึงขนาดปะทะกันบอกแค่เสียงปืนลั่นยังไม่ถึงขั้นปะทะเมื่อถามว่าบริเวณปราสาทตาเมือนธม มีทหารไทยอยู่บริเวณดังกล่าวใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นการปฏิบัติตามข้อตกลงเดิมที่เป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่ทุกฝ่ายยอมรับ มีคนไปเขียนเลอะเทอะในโซเชียลว่า ตนไปเซ็นสัญญาให้ทหารกัมพูชาขึ้นมาอยู่บนนี้ การปลุกปั่นแบบนี้มีแต่สร้างปัญหาความขัดแย้งและความรุนแรง เรื่องปราสาทตาเมือนธม ปฏิบัติตามที่เกิดขึ้นมาในอดีตเป็นสิบๆปี ไม่เกี่ยวกับตนและใครในปัจจุบันทั้งนั้น ขณะนี้ให้ปฏิบัติไปตามเดิม อย่าอาศัยตรงนี้มาทำลายประเทศด้วยวิธีการเก่าๆ ด้วยการเอาข่าวเท็จมาปั่น ตนไม่ฟังข่าวลือ จะฟังแต่รายงานของฝ่ายความมั่นคง เมื่อถามอีกว่ากรณีทูตกัมพูชาโพสต์ว่าไทยใช้อารมณ์ จะประท้วงหรือตอบโต้อะไรหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขอรอรายละเอียดทั้งหมดค่อยชี้แจง ตอนนี้กำลังทำสิ่งที่ดีที่สุด ปกป้องอธิปไตยของเรา จะทำอย่างเต็มที่ชาวบ้านตาย 1 เด็ก 5 ขวบสาหัสนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการ ศบ.ทก. แถลงว่า ยืนยันชัดเจนจากข้อมูลและพยานหลักฐานว่า ทหารกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธก่อน มีการบินโดรนเข้ามาในพื้นที่ประเทศไทยเพื่อยั่วยุ จากนั้นทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ทหารไทย มีการใช้อาวุธหนักต่อเนื่อง ใช้จรวดหลายลำกล้อง (BM-21) ยิงเข้าใส่พลเรือนไทยที่ชุมชนบริเวณชายแดน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ กระสุนฝ่ายกัมพูชาตกใส่บ้านประชาชนไทย มีพลเรือนเสียชีวิต 1 ราย เด็กอายุ 5 ขวบ บาดเจ็บสาหัส พร้อมคนในครอบครัวอีก 2 คน ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองอพยพประชาชนในพื้นที่ไปอยู่ในที่ปลอดภัย ได้รับรายงานมีทหารบาดเจ็บ 7 นาย ที่ประชุม ศบ.ทก.ได้รับรายงานว่ากองทัพไทยได้ตอบโต้ต่อเนื่อง ส่วนการปิดด่านชายแดนปิดทั้งหมด โดยปิดมาตั้งแต่ช่วง 8 โมงเช้าวันที่ 24 ก.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการลดระดับทางการทูต โดยให้เอกอัครราชทูตไทยประจำกัมพูชากลับประเทศ และให้ส่งเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับประเทศ“อิ๊งค์” ตอก “อังเคิลฮุน” ทำตัวเป็นเหยื่อเวลา 11.00 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรม ได้แชร์ไอจีสตอรีภาพข่าวโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาอ้างไทยเป็นฝ่ายยิงก่อนพร้อมระบุข้อความว่า “ตามคาด! ยิงก่อนบอกเราเริ่ม!!!!” รวมถึงภาพข่าวสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาระบุกัมพูชาไม่มีทางเลือกนอกจากสู้กลับ พร้อมข้อความว่า “ตามคาด!!! ทำตัวเป็นเหยื่อ!!!!”ก่อนหน้านี้ช่วงเช้า น.ส.แพทองธาร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แชร์ข้อความที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ประณามเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นข้อความของพรรคประชาชน (ปชน.) ที่ระบุว่า “น่าละอาย-ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง พรรคประชาชนถึงรัฐบาลกัมพูชา หนุน กต. ตอบโต้เข้มข้น ขอนานาชาติช่วยกดดัน”“ทักษิณ” ซัด “ฮุน เซน” บัญชาการขณะที่ในเวลา 12.17 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทวีตข้อความผ่าน X ระบุว่า “วันนี้ฮุน เซนได้บัญชาการการยิงเข้ามาในเขตไทยแต่เช้า โดยเป็นฝ่ายยิงก่อนหลังจากที่วางกับดักระเบิดตามแนวชายแดน ซึ่งถือว่าได้ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและจริยธรรมของการอยู่ร่วมกันฉันเพื่อนบ้านที่ดี จนมีทหารไทยได้รับบาดเจ็บขาขาดถึง 2 คน รวมถึงประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ไทยเราได้ใช้ความอดทนอดกลั้น เดินตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และการทำหน้าที่เพื่อนบ้านที่ดีครบถ้วนแล้ว ต่อไปนี้ทหารไทยสามารถตอบโต้ตามแผนยุทธการและกระทรวงการต่างประเทศสามารถกำหนดมาตรการต่างๆได้ด้วยความชอบธรรม”ศบ.ทก.แจงเหตุปะทะชายแดน ที่ทำเนียบรัฐบาล ช่วงเที่ยง พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า ที่ประชุมในวาระพิเศษมีการพูดคุยอัปเดตสถานการณ์ เหตุการณ์แรก คือ การลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จนเป็นเหตุให้กำลังพลบาดเจ็บ 5 ราย หนึ่งในนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อเท้าขวาขาด อีก 4 นาย มีอาการแน่นที่หน้าอกจากแรงระเบิด ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนและอยู่ในการดูแลของแพทย์ เช้าวันที่ 24 ก.ค.มีเหตุการณ์ที่สำคัญเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 07.35 น. ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อากาศยานไร้คนขับ บินวนบริเวณปราสาทตาเมือนธม เพื่อตรวจการณ์การวางกำลังของฝ่ายไทย จากนั้นมีการเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา นำอาวุธเข้าประจำการที่บริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม พร้อมกำลังพล 6 นาย อาวุธครบมือ มีเครื่องยิงจรวดอาร์พีจีอยู่ในมือ เคลื่อนมาอยู่บริเวณแนวหน้า ฝ่ายไทยเห็นว่าสถาน การณ์ดูแล้วไม่น่าปลอดภัย ได้ใช้ความพยายามตะโกนเจรจา แต่ไม่ประสบความสำเร็จสั่งอพยพประชาชนไปที่ปลอดภัยพล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวต่อว่า จากนั้นเวลา 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิง บริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ห่างประมาณ 200 เมตร ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้และเกิดปะทะกันอีกหกพื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร (บริเวณห้วยตามาเรีย-ภูมะเขือ) ช่องอานม้าและช่องจอม ฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธหนัก เช่น จรวด BM-21 ปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชน การสูญเสียชีวิตของประชาชนฝ่ายไทย กัมพูชาโจมตีไปในพื้นที่สาธารณะคือศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ และโรงพยาบาลไทย ฝ่ายไทยได้อพยพประชาชนจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 คน หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ มีผู้เสียชีวิต 1 คน ในพื้นที่ชุมชนบริเวณชายแดนพนมดงรัก จ.สุรินทร์ตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารพล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า เรื่องที่ 2 สืบเนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวฝ่ายไทยได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ระเบียบจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม มาตรา 39 ให้กองทัพไทยจัดตั้งศูนย์บัญชาการทางทหารระดับในแต่ละระดับชั้นขึ้นมาตั้งแต่ยามปกติ เพื่อติดตามสถานการณ์ ควบคุมอำนวยการ และสั่งการในการปฏิบัติ โดยศูนย์บัญชาการทางทหาร มีผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้บังคับบัญชา สามารถใช้กำลังทางทหารปฏิบัติการทางทหารได้ เรื่องที่ 3 การดำเนินการในส่วนของ ศบ.ทก.เดิมทีเรามีมาตรการเรื่องการเปิด-ปิดด่านที่เราได้เน้นย้ำมาเสมอว่า เราไม่เคยปิด เราใช้มาตรการในระดับที่ 2 คือการจำกัดคนเข้าออกและจำกัดเวลา ปัจจุบันเนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราจำเป็นต้องยกระดับมาตรการควบคุมชายแดน จุดผ่านแดนต่างๆ ไปถึงระดับที่ 4 คือการปิดด่านการเข้า-ออกทุกด่านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาซัดพวกผีพนันไทยยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวพล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า เรื่องที่ 4 สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองรายงานว่า ได้จับตาการเดินทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย ที่เดินทางโดยเครื่องบินไปเล่นการพนันบริเวณชายแดนและเดินทางกลับเข้าประเทศโดยทางบก ตามแนวชายแดนต่างๆ พฤติกรรมเหล่านี้เราไม่สนับสนุน ทางการมีการรวบรวมติดตามอย่างต่อเนื่อง จะมีการเข้มงวดกับคนกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น ประกอบกับช่วงนี้มีสถานการณ์ตามแนวชายแดน ทำให้ตามแนวชายแดนมีการปิดด่าน จึงไม่สามารถเดินทางกลับเข้าประเทศทางบกได้ ขอเตือนไปยังประชาชนที่ยังมีพฤติกรรมลักษณะนี้อยู่ ขอให้งดเรื่องการเดินทางในลักษณะนี้ สิ่งหนึ่งที่อยากบอกประชาชน ทางการไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคนที่ไม่อพยพอย่าดื้อมีความเสี่ยงสูงผู้สื่อข่าวถามว่า กัมพูชาพุ่งเป้าไปที่ประชาชนคนไทย ทำให้มีบางส่วนไม่อยากออกจากบ้าน พล.ร.ต. สุรสันต์ตอบว่า กระทรวงมหาดไทยได้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่แล้ว อาจมีบางคนที่ยังไม่อยากออก ต้องบอกว่าตรงนั้นมีความเสี่ยงมาก อยากวิงวอนให้ประชาชนออกไปยังพื้นที่ปลอดภัย เมื่อถามว่ากระสุนกัมพูชาส่วนใหญ่จะลงไปที่ปั๊มน้ำมันและบ้านเรือนประชาชน พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศเตรียมข้อมูลหลักฐานต่างๆ และเรื่องอาวุธของกัมพูชา เราทราบขีดความสามารถกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องผลกระทบหรือความเสียหาย ก็อย่างที่เห็นว่าไปลงตามบ้านเรือนประชาชน เมื่อถามอีกว่า ศบ.ทก.จะมีแนวทางให้สถานการณ์คลี่คลายอย่างไร พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวว่า เรื่องการแอ็กชัน ผอ.ศบ.ทก.บอกว่าช่วงนี้ ศบ.ทก.มีหน้าที่ติดตาม สนับสนุนการปฏิบัติงานของทหารในพื้นที่ เพราะเดิมที ศบ.ทก.จะเป็นผู้กำหนดมาตรการต่างๆตอนนี้สถานการณ์เริ่มมีการปะทะ จำเป็นต้องมีความเร่งด่วน เราไม่ต้องการมีสายการบังคับบัญชาที่ยาว จึงมอบหน้าที่ให้ ผบ.ทสส.ในฐานะ ผอ.ศบ.ทก.เป็นคนกำกับดูแลทางการทหาร มีอำนาจสั่งการไปยังกองทัพและทหารในพื้นที่กต.ประณามกัมพูชาซัดละเมิด ก.ม.ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ โฆษก ศบ.ทก. ด้านต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศขอประณามอย่างที่สุดในการละเมิดอธิปไตยและละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และขอแสดงความเสียใจหวังว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บจะฟื้นตัวโดยเร็ว ในส่วนกระทรวงการต่างประเทศจะเดินหน้าประท้วง ขอเรียนให้ประชาชนมั่นใจว่ากระทรวงการ ต่างประเทศจะดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ ท่าทีและอธิปไตยของไทย ในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ที่สุด พร้อมทำงานอย่างมีเอกภาพไปพร้อมกับกองทัพไทย เมื่อถามว่ามาตรการทางการทูตขณะนี้ มีการลดระดับความสัมพันธ์ถึงจุดไหน นางมาระตีกล่าวว่า ต้องแยกระหว่างการเรียกทูตกลับ กับระดับความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ เรามีการตอบโต้หลากหลายมานานประกาศลดระดับความสัมพันธ์การทูตนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า 1.รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการกระทำของกองทัพกัมพูชา ที่ละเมิดอธิปไตยของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศ ต่อเหตุการณ์กัมพูชาลอบวางกับระเบิดในดินแดนไทย รวมทั้งได้โจมตีอย่างรุนแรงต่อเนื่องในพื้นที่ฝั่งไทย เป้าหมายพื้นที่พลเรือน โดยเฉพาะโรงพยาบาล เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต 2.เมื่อคำนึงถึงความร้ายแรงดังกล่าวที่กัมพูชาจงใจ มีการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์อย่างชัดเจนต่อไทย รัฐบาลไทยจึงตัดสินใจลดระดับการสัมพันธ์ทางทูต และเรียกเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญกลับประเทศ พร้อมขอให้เอกอัคร ราชทูตกัมพูชากลับประเทศเช่นกันaให้กัมพูชายุติละเมิดกฎหมายนายนิกรเดชกล่าวอีกว่า ข้อ 3.รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประ เทศอย่างร้ายแรงซ้ำๆ เป็นการทำลายชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของกัมพูชาในประชาคมโลก 4.รัฐบาลไทยเรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน รวมทั้งยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที รัฐบาลไทยพร้อมจะยกระดับมาตรการป้องกันตนเอง หากกัมพูชายังไม่ยุติการกระทำ ตอนนี้ไทยดำเนินการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต แต่ยังไม่ใช่การตัดความสัมพันธ์ทางการทูต เพราะจะทำให้ช่องทางในการเจรจาถูกปิด กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ ท่าที และอธิปไตยของไทยในเวทีระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ที่สุด และจะดำเนินการร่วมกับกองทัพไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทภ.2 แจ้งผลปฏิบัติการ 10 จุดสำคัญต่อมาเวลา 15.00 น. กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ไทยตอบโต้การโจมตีของกัมพูชา ดังนี้ จุดช่องบก ทั้ง 2 ฝ่ายตรึงกำลัง ช่องอานม้า F-16 ทิ้งไข่ที่ตั้งกำลังกัมพูชา พื้นที่ซำแต อ.กันทรลักษ์ ใช้รถถังเข้าตีเพื่อยึดพื้นที่ จุดตรวจการณ์ภูผี ตรงข้ามปราสาทโดนตวล ใช้ F-16 ช่องตาเฒ่า จุดตรวจการณ์เขาสัตตาโสม ทำลายรถถังกัมพูชาได้จำนวน 2 คัน เขาพระวิหาร วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ใช้รถถังระดมยิง ส่งทหารราบเข้ายึด ภูมะเขือ ปัจจุบันสามารถทำลายกระเช้าส่งกำลังได้บางส่วน ช่องจอม โจมตีกันไปมา พื้นที่ปราสาทตาควาย กัมพูชาวางกำลัง ฝ่ายไทยเข้าตีระลอกที่ 2 และพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ไทยวางกำลัง กัมพูชาพยายามเข้าตีF-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 ไม่พลาดเป้าเวลา 17.00 น. มีรายงานว่า กองทัพอากาศเปิดปฏิบัติการส่ง F-16 รอบ 2 ของวันที่ 24 ก.ค. จำนวน 4 ลำ สนับสนุนเปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชาในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า และ F-16 ทั้ง 4 เครื่องกลับฐานบินปลอดภัยประณามเขมรยิงมั่วยั่วยุตลอดอีกด้านเวลา 15.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ เป็นประธานประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นัดพิเศษที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรัฐมนตรีหลายนายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม จากนั้นเวลา 16.30 น. นายภูมิธรรมแถลงว่า เนื่องจากมีเรื่องสำคัญหลายเรื่อง จึงมีการเสนอให้เป็นการประชุม ครม.นัดพิเศษด้วย ประเด็นที่พูดคุยกัน คือสถาน การณ์ปะทะกันกัมพูชายิงมาก่อน ทำให้มีคนไทยเสียชีวิตตัวเลขล่าสุด 11 ราย เป็นพลเรือน 10 ราย ทหาร 1 ราย มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 28 คน เป็นพลเรือน 24 คน เป็นทหาร 4 นาย ขอประณามกัมพูชาใช้อาวุธหนักโดยไม่มีเป้าหมาย ไม่จำกัดการต่อสู้ บางส่วนยิงลงมากลางโรงพยาบาล ไม่ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การประกาศสงครามเป็นเพียงการปะทะกัน ยังยืนยันในหลักการว่าต้องใช้สันติวิธีไม่ใช้ความรุนแรง ต้องพยายามพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะยั่วยุจากฝ่ายกัมพูชาตลอด เราป้องกันตัวเองป้องกันอธิปไตยกำชับ รมว.กต.แจง UN ย้ำปกป้องอธิปไตยนายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ประชุมยังมีมติซึ่งถือเป็นมติ ครม. ให้ดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต กระทรวงศึกษาธิการสั่งปิดโรงเรียนตามแนวชายแดน กระทรวงสาธารณสุขเปลี่ยนแปลงโรงพยาบาลอำเภอ บริเวณชายแดนให้เป็นโรงพยาบาลสนาม อพยพคนไข้ที่บาดเจ็บทั้งหมดกลับไปสู่แนวหลังอยู่ในจุดที่ปลอดภัย มาตรการต่างประเทศได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 23 ก.ค. ด้วยการลดระดับความสัมพันธ์ เรียกทูตไทยกลับ ส่งทูตกัมพูชากลับไป ถือว่าเป็นระดับรุนแรงที่สุดทางการทูต เมื่อถามว่าจะมีการพูดคุยเพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตอนนี้ต้องให้เรื่องยุติก่อน เราไม่ได้เป็นผู้เริ่ม ถ้าแสดงความจริงใจต่อกันก็สามารถคุยกันได้ ยังรู้สึกว่าฝ่ายเขายั่วยุและริเริ่ม เราต้องดำเนินการตามครรลองที่เกิดขึ้นเผย รมว.กต.ประสาน UNSC แล้วเมื่อถามถึงความเสียหายของฝ่ายกัมพูชา นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขออนุญาตไม่พูดเรื่องยุทธการ ส่วนกระแสข่าวสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา บินออกนอกประเทศนั้น ไม่ทราบ ไม่ได้ติดตาม สนใจเรื่องคนในประเทศเรา คำนึงถึงชีวิตทหารหาญและชีวิตประชาชนของเรา ส่วนกรณีกัมพูชายื่นหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ อยู่นครนิวยอร์ก ได้พูดคุยประสานกับเลขาธิการยูเอ็นเอสซีแล้ว เราได้พบและพูดคุยกับตัวจริง เล่าสถานการณ์ต่างๆให้ฟัง ชี้แจงเรียบร้อยแล้ว ยืนยันโดยหลักการที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยของประเทศ และการบุกเข้ามาในประเทศไทย เราปกป้องตัวเราเองประณามกัมพูชาทำไทยตาย 12 เจ็บ 35อีกด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เรียกประชุมด่วนศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข PHEOC ถึงเหตุปะทะชายแดนไทยกัมพูชา ที่กระทรวงสาธารณสุข และเปิดเผยว่า สถานการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้นวันที่ 24 ก.ค. ใหญ่หลวงเกินกว่าจะยอมรับได้ จากการโจมตีในหลายพื้นที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ ในจำนวนนี้มีประชาชนเสียชีวิต 11 ราย ทหาร 1 นาย รวม 12 ศพ บาดเจ็บ 35 คน ดังนี้ จ.สุรินทร์ ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย เป็นเด็กอายุ 8 ขวบ 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็บปานกลาง 3 ราย ทหารบาดเจ็บสาหัส 3 นาย บาดเจ็บปานกลาง 1 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย จ.อุบลราชธานี ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย จ.ศรีสะเกษประชาชนเสียชีวิต 8 ราย เป็นเด็กอายุ 15 ปี 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย บาดเจ็บปานกลาง 8 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 4 ราย ทหารเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย จ.บุรีรัมย์ประชาชนบาดเจ็บปานกลาง 1 ราย สธ.ขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการโจมตีโรงพยาบาลและประชาชน ถือเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง ในผู้เสียชีวิตมีเด็กผู้บริสุทธิ์รวมอยู่ด้วย การทำร้ายเด็กถือเป็นการกระทำที่น่าละอายและไม่อาจให้อภัยได้ซีพี ออลล์ ร่วมเสียใจ 7–11 โดนระเบิดวันเดียวกันบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งดำเนินธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านค้าสะดวกซื้อ “7-Eleven” ในประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ระบุว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 ก.ค. บริษัทฯ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทันทีที่รับทราบเหตุการณ์ บริษัทฯได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือ ดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นทางการเพื่อติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดaเขมรโต้ข่าวฮุน เซนหนีไปจีนขณะที่ช่วงเย็นวันที่ 24 ก.ค. มีกระแสข่าวแพร่สะพัด ว่า สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวเผ่นหนีออกจากประเทศกัมพูชามุ่งหน้าไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อมานายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของสมเด็จฮุน เซน ออกมาแถลงว่า สมเด็จฮุน เซน ยังคงอยู่ในประเทศกัมพูชาโดยนั่งบัญชาการกองทัพกัมพูชาร่วมกับนายฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาและผู้บัญชาการเหล่าทัพทุกระดับ เพื่อตอบโต้การรุกรานของพวกสยาม ไม่ได้หลบหนีไปประเทศที่สาม ตามที่มีรายงานข่าวในโซเชียลมีเดีย หรือตามที่สื่อมวลชนในประเทศไทยกล่าวอ้างว่าสมเด็จฮุน เซนหนีไปประเทศจีนผู้นำเขมรโร่ฟ้อง UN กล่าวหาไทยรุกรานวันเดียวกัน นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ส่งหนังสือถึงนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูตปากีสถานประจำสหประชาชาติ ดำรงตำแหน่งประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชา ชาติ จัดการประชุมด่วนในวันที่ 24 ก.ค. จากกรณีการปะทะของไทยและกัมพูชา อ้างว่าฝ่ายไทยเป็นผู้รุกรานอย่างร้ายแรง ถือเป็นการคุกคามสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างร้ายแรง ขอเรียกร้องให้จัดประชุมด่วนเพื่อหยุดยั้งการรุกรานของไทยรัฐบาลกัมพูชาจับมือสื่อปั่นข่าวปลอมนอกจากนี้ รัฐบาลกัมพูชาและสื่อมวลชนกัมพูชายังทำงานกันเป็นระบบ เรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารในลักษณะที่กองทัพกัมพูชาเป็นฝ่ายเหนือกว่า โดยกองทัพกัมพูชาและกระทรวงมหาดไทยกัมพูชาอ้างว่า หน่วยรบกัมพูชาอยู่ในสภาวะได้เปรียบ สามารถเข้าควบคุมปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายไว้ได้ ส่วนสำนักข่าวขแมร์ไทม์ส ของกัมพูชา ยังอ้างว่า ได้รับรายงานจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือว่าเครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทยตก 1 ลำ ก่อนรีบลบข่าวดังกล่าวทิ้งไปในอีก 1 ชั่วโมงหลังการเผยแพร่จีนกังวลไทย–กัมพูชาปะทะกันขณะที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำกัมพูชา โพสต์ข้อความทางออนไลน์ออกคำแนะนำให้พลเมืองจีนในกัมพูชาหลีกเลี่ยงพื้นที่ใกล้ชายแดนไทย และขอให้ติดตามสถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่อย่างใกล้ชิด ระมัดระวังเป็นพิเศษ ใช้มาตรการป้องกันที่เข้มงวดยิ่งขึ้น และดูแลความปลอดภัยส่วนบุคคล นายกัวเจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ยังกล่าวในการแถลงข่าวประจำวันว่าจีนมีความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเหมาะสมผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ จีนพร้อมมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์ในการลดความตึงเครียด และเสริมว่าจีนยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นธรรมและเป็นกลางสหรัฐฯเตือนพลเมืองระมัดระวังทางด้านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์ว่าจากกรณีการปะทะกันระหว่างกองทัพไทย-กัมพูชา ในพื้นที่พรมแดน มีการใช้ปืนใหญ่และจรวดจนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตนั้น รัฐบาลสหรัฐฯขอเตือนให้ชาวอเมริกันที่อาศัยหรือเดินทางอยู่ในพื้นที่พรมแดนไทย-กัมพูชาปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของฝ่ายความมั่นคงไทย พร้อมสอบถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเพื่อติดตามความคืบหน้าของสถานการณ์กองทัพบกเปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์”ช่วงเย็น ภายหลัง พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้รับมอบหมายเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ตอบโต้กัมพูชา ล่าสุดกองทัพบกได้เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” (Operation “Yuttha Bodin”) ทั้งทางบกและอากาศ สำหรับปฏิบัติการดังกล่าวมีแนวคิดมาจาก “ยุทธ” หมายถึง การรบหรือการยุทธ์ “บดินทร์” หมายถึง แผ่นดิน (ในเชิงสูงส่ง/ราชาศัพท์) รวมความคือ “ยุทธการแห่งการปกป้องแผ่นดินอย่างถึงที่สุด” ชื่อนี้สะท้อนการตอบโต้ศัตรูที่บังอาจล่วงล้ำอธิปไตยไทย ด้วยยุทธวิธีที่เฉียบขาด และชอบธรรม ด้วยคำขวัญประกอบคือบดขยี้ทุกผู้ที่เหยียบย่ำแผ่นดินไทย “เพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน เพื่อศักดิ์ศรีไทย”จ.ส.อ.เหยียบระเบิดขาขาดกำลังใจเยี่ยมทางด้านอาการของ จ.ส.อ.พิชิตชัย บุญชูหล้า ทหารชุดลาดตระเวนที่เหยียบกับระเบิดของกัมพูชาที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จนขาขวาขาดใต้เข่า รักษาตัวอยู่ที่ รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ หลังการผ่าตัดเจ้าตัวปลอดภัยแล้ว แต่มีการเจ็บแผลอยู่บ้าง และเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วและมีกำลังใจดี ครอบครัวกำลังเดินทางมาจากจังหวัดขอนแก่นมาเยี่ยม การปฏิบัติก่อนเกิดเหตุเป็นการปฏิบัติภารกิจเข้าผลักดัน กองกำลังฝ่ายตรงข้ามที่เข้ามากางเต็นท์ในพื้นที่ของไทยพิกัดพลานหิน เมื่อตนเข้าผลักดันเสร็จได้วางกำลังเพื่อเตรียมผลักดันในขั้นตอนต่อไป จากนั้นได้ตรวจแนวเช็กความพร้อมอีกครั้ง พอหันหลังกลับมาก็เหยียบระเบิดดังกล่าว ยืนยันจุดเกิดเหตุเป็นแนวเขตของไทยที่ลาดตระเวนเป็นประจำไม่เคยพบระเบิด คาดว่าเป็นระเบิดใหม่ เจ้าตัวยังฝากบอกลูกน้องที่อยู่แนวหน้าให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ของการสูญเสียจากทุ่นระเบิดและไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อปกป้องแผ่นดินไทย ล่าสุดมีรายงานว่ามีทหารบาดเจ็บจากเหตุการณ์เดียวกันเพิ่มอีก 2 นายคือ พลทหารจักรพงศ์ ขวดจันทร์ และพลทหารจักรกฤษ บุตรเต อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่