หมดระยะการลาก สิ้นสุดทางเลื่อน สัญญาณเตือนจากโจทก์ต้านก๊วนเซราะกราว เขย่าคดี “หมอเกศ” พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.คนดังในสายน้ำเงิน ที่โดนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลงดาบฟันฐานใช้คำว่า “ศาสตราจารย์” หลอกลวงให้เข้าใจผิดในคุณสมบัติผ่านมาเกือบ 3 เดือนแล้ว ยังไม่ส่งให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิพากษายิ่งถ้านับจากวันที่มีการยื่นร้องเรียนตั้งแต่ปี 2567 ยื้อกันข้ามปี เหมือนจะรอทำสถิติบันทึกใน “กินเนสส์บุ๊ก” คดีที่ กกต.ใช้เวลา “ดองเค็ม” นานสุดในโลกเวทมนตร์ “ม่านบังตา” ของ “ครูใหญ่ เขากระโดง” ไม่ธรรมดาถ้าไม่บังเอิญว่าค่ายภูมิใจไทยตกขบวนพรรคร่วมรัฐบาล จังหวะคาถาพรางตัวสะดุดทำให้ฤทธิ์เดชความขลังเสื่อมลงตามสถานภาพอำนาจ“หมอเกศ” ที่โจ๋งครึ่มชัดเจนเป็นเป้าเด่นกว่าใคร เลยโดนเห็นก่อน ตามจังหวะเร่งดีกรีร้อนๆสุมไฟให้ไหลลามคดี “โพยฮั้ว สว.” ที่ ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 ของ กกต.ที่แท็กทีมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลุย “ปิดจ๊อบ” สรุปสำนวนสอบสวน “คดีมีมูล”ฟันธงให้ดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหาจำนวน 229 ราย แบ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา 138 คน กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยและเครือข่าย 91 ราย ในฐานความผิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาโทษหนักถึงขั้นยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมือง “แบนยาว”ชง กกต.ใหญ่ส่งต่อให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิพากษาคดีประวัติศาสตร์การเมืองไทยตีปี๊บ โหมโรง กันอึกทึกครึกโครม สังเกตอาการลิงโลดในโซนแนวร่วมทีม “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” พยายามเร่งกระพือข่าวผ่านสื่อกระแสหลักในเครือข่ายกดดัน กกต. เปิดทางโละขุมพลังค่ายเซราะกราวแต่ก็ตามฟอร์ม ฟาวล์แล้วฟาวล์อีก สำนักงาน กกต.ที่มี “เดอะแหวง เซราะกราว” นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. เป็นหัวเรือใหญ่ รีบร่อนเอกสารชี้แจงข่าวอนุ กกต.ชุดที่ 26 สรุปสำนวนให้ กกต.ลงดาบฟันขบวน “โพยฮั้ว สว.” 229 ราย ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดตบหน้าเป็นนัย ให้ค่าแค่ “เฟกนิวส์” ของจริงยังอีกยาวไกล“ท่านรองประแป้งหน้าขาว” นำแห่ แต่ “ท่านเลขาฯใหญ่ ปากห้อย” แตะเบรกสถานการณ์คดี “โพยฮั้ว สว.” ใน กกต.ยังยื้อยุดฉุดกระชากชุลมุน สะท้อน “มนต์พรางตา” ของ “ครูใหญ่ เขากระโดง” ยังไม่สิ้นฤทธิ์เดชซะทีเดียวยังสะกด “ไอ้ห้อยไอ้โหน” อยู่ในคาถา “ตายแทน” ได้และนั่นก็น่าจะทำให้ “นายใหญ่ จันทร์ส่องหล้า” ต้องเพิ่มพลังลูกกรอกในทีมเพื่อไทย เร่งเกมล้างบางเกรียน 2 น. “เนวิน ชิดชอบ–อนุทิน ชาญวีรกูล” อย่างด่วน ในจังหวะที่ดาบอำนาจแกนนำรัฐบาลยังอยู่ในกำมือแต่ไม่มีหลักประกันจะหลุดในอีกกี่วันกี่เดือนข้างหน้าจังหวะคดีวิบากกรรมไล่ล่า “นายกฯ 2 พ่อลูก” กระชั้นเข้ามาทุกขณะโฟกัสไปที่ “โรงเชือด” ข้างคลองหลอด สถานการณ์ที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของบิ๊กข้าราชการมหาดไทย หมุดหมายสำคัญของ “นายใหญ่”ขุดรากถอนโคนก๊วนภูมิใจไทย รื้อสัมปทานสายตรง “บุรีรัมย์”โดยชะตากรรมที่เดาได้ของนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ที่โดน “สิงห์อ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและ รมว.มหาดไทย โขกแล้วโขกอีกวันละ 3 เวลาหลังอาหารสัญญาณนำร่อง โละอาณาจักรเขากระโดงของตระกูลชิดชอบแต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยสไตล์ธรรมชาติ “สิงห์คลองหลอด” ข้าราชการกลืนเลือดเก่ง ทำใจเป็น กับภาวะอำนาจน้ำขึ้น–น้ำลงทางการเมือง “ทีใครทีมัน”แต่ที่ตั้งหลักกันไม่ทัน ส่อเจ็บหนักไปตามๆกันก็คือ “กลุ่มทุนสายเกรียน”พวกที่แทงหวยเต็ง “2 น.” ส่อกระอักเป็นเลือด ทุนหาย กำไรโดนยึด โครงการของมหาดไทยในงบกลาง 1.57 แสนล้าน โดนรื้อหมด ประเภท “ตู้ทำน้ำดื่ม” นับหมื่น อบต.ที่มัดจำกันเอาไว้กว่า 2.7 พันล้านอันตรธานไปหมด เจ๊งกันระเนระนาด.ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม