“อิ๊งค์” ควง “บิ๊กเล็ก” ไปอุบลฯ เยี่ยมให้กำลังใจทหารเหยียบระเบิดช่องบก ชมครอบครัวทหารที่บาดเจ็บเป็นกำลังใจที่ดีและเข้มแข็งมาก ตัวทหารเองก็มีกำลังใจดี ยันรัฐบาลพร้อมซัพพอร์ต “ณัฐพล” ให้เวลา 2-3 วัน รู้ชัดระเบิดของใหม่หรือเก่า เข้มลาดตระเวนต้องระวังมากขึ้น อึ้งช่องบกพบระเบิดสังหารบุคคลหลายจุด กองทัพบกปูนบำเหน็จ 7 ชั้น เลื่อนยศพลทหารขาขาด พร้อมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม บรรจุพี่สาวเป็นนายทหารชั้นประทวน นักท่องเที่ยวไทยหลั่งไหลมอบของให้ทหารที่ปราสาทตาเมือนธมแต่เช้า ชาวนครปฐมนำน้ำดื่ม น้ำอัดลม มะพร้าวน้ำหอม ใส่รถคอกเหล็กบรรทุกมาเต็มคันและยังตั้งโรงทานเลี้ยงข้าวเหนียวสังขยา พบทหารเขมรใส่ชุดลำลองกว่า 30 คนทำทีเป็นนักท่องเที่ยวเตร็ดเตร่เข้ามาในตัวปราสาท คาดเป็นกำลังพลที่เขมรส่งมาเสริมกำลังประชิดชายแดน จับตา 19 ก.ค. ป้าเขมรตัวป่วนเตรียมขึ้นมาปราสาทตาเมือนธม-ตาควาย พร้อมนักข่าว ABC เขมรอีกรอบ คนไทยสุดอึดอัดใจกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ล่าสุดเกิดเหตุรุนแรงถึงขั้นทหารที่กำลังลาดตระเวนเฝ้ารักษาอธิปไตยไทยต้องบาดเจ็บขาขาดจากการเหยียบกับระเบิด ขณะลาดตระเวนอยู่บริเวณเนิน 481 พิกัด WA 220 861 ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี แต่ไทยยังแสดงท่าทีเป็น “ไทยเฉย” ขณะที่ชาวไทยจำนวนมากแสดงความชื่นชมทหารกล้าทั้ง 3 นาย โดยเฉพาะพลทหารธนวัฒน์ หุยวัน อายุ 22 ปี ที่ขาซ้ายขาด 1 ข้าง แต่ยังมีจิตใจกล้าหาญ และเข้มแข็งอดทนสุดๆ ไม่หวั่นต่อความเจ็บปวด ได้ขอให้เพื่อนทหารร่วมทีมช่วยตัดขาข้างที่ขาดและมีเนื้อห้อยรุ่งริ่งจากแรงระเบิดทิ้งไป เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายตัวเองออกมายังที่ปลอดภัยนั้นเมื่อเช้าวันที่ 18 ก.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและ รมว.วัฒนธรรม พร้อม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยัง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบจ.อุบลราชธานี เยี่ยมให้กำลังใจทหารหาญทั้ง 3 นาย เป็นภารกิจด่วนจากเดิมช่วงเช้าแจ้งเข้าปฏิบัติหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า กองทัพบกจะมอบเงินช่วยเหลือให้กับทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นาย น.ส.แพทองธารทราบเรื่อง จึงขอร่วมคณะไปด้วยและจะมีการมอบเงินช่วยเหลือในส่วนของ น.ส.แพทองธารเมื่อถามว่าวัตถุระเบิดดังกล่าวเป็นของใหม่หรือของเก่า พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบต้องดูตามพยานหลักฐาน แต่ยอมรับว่าในพื้นที่ปัจจุบันยังมีระเบิดเก่าอยู่ แต่หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นระเบิดใหม่ยืนยันว่าจะไม่หยุดนิ่ง เพราะทั้ง 2 ประเทศอยู่ในอนุสัญญาออตตาวา หากเป็นระเบิดใหม่ถือว่าผิดอนุสัญญาดังกล่าว ให้เวลาตรวจสอบเบื้องต้น 2-3 วัน ขอให้ทุกคนรอผล เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ระเบิดดังกล่าวจะเป็นของใหม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ เพราะมีข่าวเรื่องนี้มาเหมือนกัน ต้องรอพิสูจน์จากหลักฐานเพิ่มเติม จากนี้ต้องเข้มงวดเรื่องการลาดตระเวนเพิ่มขึ้น โดยสั่งการไปยังแม่ทัพภาคที่ 2 ให้กำชับผู้ปฏิบัติการในพื้นที่ ใช้ความระมัดระวังต่อมาเวลา 09.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม พร้อม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เดินทางถึง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ โดย น.ส.แพทองธารสอบถามอาการพลทหารธนพัฒน์ หุยวัน กำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไปมากกว่านี้ อะไรที่ทำได้ก็จะทำ ขอให้กำลังใจแม่ของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ทราบว่าเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ครอบ ครัวตกใจ เพราะเพิ่งไปปฏิบัติงานในพื้นที่ จากนั้น น.ส.แพทองธาร และ พล.อ.ณัฐพลได้เยี่ยมให้กำลังใจทหารอีก 2 นายที่บาดเจ็บเช่นกัน โดย น.ส.แพทองธารมอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจทหารทั้ง 3 คน พร้อมกล่าวว่าถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้เสียสละทำงานเพื่อประเทศชาติจากนั้น น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์ว่า ทหารทั้ง 3 ท่านมีกำลังใจดี ได้ถามไปว่ายังมีอะไรที่เป็นห่วงไหม เขาตอบว่าเป็นห่วงทหารในทีมด้วยกันที่ยังอยู่ตรงชายแดน จึงถามไปว่าอยากได้อะไรเพิ่มเติมหรือไม่ เขาบอกว่าอยากให้ส่งน้ำไปเพิ่มเยอะๆ เพราะอากาศร้อน ดื่มน้ำกันเยอะ แต่ความจริงแล้วกองทัพดูแลดีอยู่แล้ว เราเพิ่มเติมตรงนี้ไปให้เยอะขึ้น ครอบครัวของผู้บาดเจ็บทั้ง 3 ท่านก็มีกำลังใจที่ดีและภูมิใจน้องๆทุกท่านที่รับใช้ชาติ ได้ยินแล้วรู้สึกดีใจ รู้สึกว่าในวันที่เขามีความทุกข์ ยังมีกำลังใจข้างๆที่เป็นกำลังใจที่ดีและเป็นกำลังใจที่เข้มแข็งด้วย นอกจากร่างกายที่ต้องหายเร็วแล้ว จิตใจก็ต้องดูแลอย่างดีเช่นกัน หลังเข้าเยี่ยมพูดคุยอยู่ 30 นาที น.ส.แพทองธารและคณะจึงเดินทางกลับเวลา 10.45 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และ รมว.วัฒนธรรม ทวีตข้อความผ่าน X (เอ็กซ์) ว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้เป็นตัวแทนร่วมคณะกับ รมช.กลาโหม เดินทางไปยัง รพ.ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เยี่ยมและให้กำลังใจทหารทั้ง 3 นายที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน พร้อมมอบสิ่งของจำเป็นให้กับกำลังพลในพื้นที่ ขอส่งกำลังใจอย่างสุดหัวใจถึงพลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญเสียสละ เป็นสิ่งที่เราคนไทยต้องยกย่องเป็นแบบอย่าง โดยที่ทุกท่านได้รับกำลังใจอย่างดีจากครอบครัว รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการรับใช้ชาติน.ส.แพทองธารทวีตอีกว่า ขอแสดงความเคารพนับถือในความเสียสละที่มีต่อประเทศชาติของกำลังพลทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ เพื่อพี่น้องประชาชนอยู่ในขณะนี้ ตลอดจนได้ทราบว่ากระทรวงกลาโหมกำลังเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมถึงเก็บกู้กับระเบิดในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ที่สำคัญจะมีมาตรการเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างเต็มที่ ที่ผ่านมารัฐบาลและกองทัพดำเนินการทุกอย่างด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ในการดูแลความปลอดภัยของกำลังพล พี่น้องประชาชนและรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศ เพื่อให้พื้นที่ชายแดนกลับคืนสู่ความสงบ ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด ขอส่งกำลังใจให้กับกำลังพลทุกๆท่านจากนั้นคณะของ น.ส.แพทองธาร พร้อมด้วย พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เดินทางกลับ กทม. มาถึงกองการบินศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก (ขส.ทบ.) ดอนเมือง ในเวลา 11.40 น. และให้สัมภาษณ์ว่าได้พบกับทหารทั้ง 3 ท่าน รวมถึงครอบครัวของทั้ง 3 ท่านด้วย ทุกคนยังมีความกระทบ กระเทือนทางจิตใจ แต่ครอบครัวซัพพอร์ตดีมาก กองทัพที่เป็นผู้บังคับบัญชาดูแลดีมาก ทุกคนบอกมีกำลังใจดี พ่อแม่ของเขาบอกว่าภูมิใจในลูกชายที่ทำเพื่อประเทศชาติ รู้สึกดีใจกับเขาด้วยที่คนรอบข้างเป็นกำลังใจที่สำคัญทำให้ทหารทั้ง 3 คนมีกำลังใจที่ดี เมื่อถามว่าเหตุการณ์แบบนี้จะทำให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เสียกำลังใจหรือไม่ พล.อ.ณัฐพลตอบว่าไม่เสียขวัญกำลังใจด้าน น.ส.แพทองธารกล่าวเพิ่มเติมว่า มาเป็นตัวแทนคณะรัฐมนตรีให้กำลังใจทหารทั้ง 3 ท่านเมื่อถามว่าจะมีการเยียวยาอะไรเพิ่มเติมจากที่มีอยู่หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า รมช.กลาโหมกำลังดูเรื่องมาตรการอยู่ทั้งหมด เมื่อถามว่าครอบครัวเรียกร้องอะไรบ้าง น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ไม่มีเลย มีนายทหารคนหนึ่งที่ภรรยาท้องอยู่ บอกว่าได้ลูกชาย จึงให้กำลังใจไปว่าคุณพ่อเก่งมาก ทุกคนมีกำลังใจที่ดี คณะรัฐมนตรีได้ฝากกำลังใจมาด้วย เมื่อถามว่าทหารในพื้นที่อยากได้น้ำดื่มเพิ่ม น.ส.แพทองธารกล่าวว่า จริงๆมีหลายส่วน รัฐบาลพร้อมสนับสนุนอยู่แล้ว สส.ในพื้นที่ก็ร่วมลงพื้นที่ด้วยและพร้อมสนับสนุน แต่เราต้องดูเรื่องความปลอดภัยของทหาร ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาว่า สามารถนำน้ำไปให้ตรงไหนได้บ้าง เพราะน้ำที่เป็นขวดอาจมีปัญหาในภายหลัง แล้วแต่กองทัพว่าจะจัดการอย่างไรขณะที่เช้าวันเดียวกันนี้ กองทัพภาคที่ 2 ส่งหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดและพิสูจน์หลักฐาน เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุที่ช่องบก เก็บหลักฐานเพิ่มเติมนำมาพิสูจน์ทราบ ก่อนหน้านี้กองทัพภาคที่ 2 ส่งหมวดก่อสร้างทั่วไปที่ 2 กองพันทหารช่างที่ 202 กรมทหารช่างที่ 2 ฉก.1 ช่องบก (ช.2 พัน.202) อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ในส่วนชุดปฏิบัติงานก่อสร้างเส้นทางยุทธวิธี ได้ออกเคลียร์พื้นที่ เพื่อที่จะสร้างเส้นทางลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก ตั้งแต่เดือน มิ.ย. และตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. ตรวจพบกระสุน ค.60 มม. ทุ่นระเบิดสั่งหารบุคคล POMZ วันที่ 12 มิ.ย. ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล M 14 ตรวจ (ตรงข้ามฐานฤาชา) วันที่ 19 มิ.ย. ตรวจพบกระสุน ค.60 มม. และกระสุนค.60 มม. กับระเบิดสังหารบุคคล M 16 วันที่ 20 มิ.ย.ตรวจพบกระสุน RPG วันที่ 25 มิ.ย. ตรวจพบลูกระเบิด M203 วันที่ 8 ก.ค. ตรวจพบแป้นกดระเบิดดักรถถัง TM 57 และแป้นจุดฉนวน TM 57 กระสุน ค.60 มม. วันที่ 15 ก.ค. ตรวจพบระเบิดสังหารบุคคล POMZ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ในแผนที่จะเป็นพื้นที่สีเขียว แต่กองทัพภาคที่ 2 ยังไม่ทิ้งข้อมูลว่ามีวัตถุระเบิดเก่าของเขมรแดงฝังอยู่ เพราะเป็นพื้นที่สู้รบเดิม แต่มีความเป็นไปได้เช่นกันว่าจะมีระเบิดที่ฝังใหม่ ต้องรอพิสูจน์ทราบผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. ได้มอบหมายให้กรมกำลังพลทหารบกตรวจสอบ ดูแลด้านสิทธิและสวัสดิการให้กับกำลังพลทั้ง 3 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาอธิปไตยชายแดนไทย-กัมพูชาในทันที ปัจจุบันมีการดำเนินการแล้ว ดังนี้ พลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน บาดเจ็บข้อเท้าซ้ายขาด เข้ารับการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อย ได้รับการปูนบำเหน็จพิเศษ 7 ชั้น เลื่อนยศเป็นสิบเอก พร้อมเงินช่วยเหลือเพิ่มเติม ประกอบด้วย เงินบำรุงขวัญพระราชทาน กรณีพิการทุพพลภาพ จากการปฏิบัติหน้าที่ของทหารกองประจำการ เงินบำรุงขวัญ สินไหมทดแทนภัยสงคราม เงินช่วยเหลือมูลนิธิสายใจไทยรวม 964,057 บาท ภายหลังเสร็จสิ้นการรักษา ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ จะได้รับเงินบำนาญเดือนละ 15,600 บาท เงินช่วยเหลืออื่นๆ ประมาณเดือนละ 16,200 บาท รวมทั้งได้รับเหรียญพิทักษ์เสรีชนชั้น 2 ประเภท 1 พร้อมบัตรทหารผ่านศึก ชั้น 1 ได้รับเงินผดุงเกียรติ เงินเลี้ยงชีพรายเดือน ตลอดจนได้รับสิทธิในการบรรจุทายาททดแทนเป็นนายทหารชั้นประทวน 1 นาย ส่วนสิบเอกปฏิพัทธ์ ศรีลาภักดิ์ กับพลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีอาการแน่นหน้าอกจากแรงระเบิด ได้รับเงินบำรุงขวัญเนื่องจากบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการ เบื้องต้นรายละ 10,000 บาท พร้อมเงินช่วยเหลืออื่นๆจากกองทัพบกส่วนที่ปราสาทตาเมือนธม ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เช้าวันที่ 18 ก.ค. มีนักท่องเที่ยวไทยจากหลายจังหวัด เดินทางมามอบสิ่งของให้กำลังใจทหาร โดยเฉพาะชาว จ.นครปฐมที่นำน้ำดื่ม น้ำอัดลม มะพร้าวน้ำหอม ใส่รถคอกเหล็กบรรทุกมาเต็มรถ พร้อมทั้งมาตั้งโรงทานเลี้ยงข้าวเหนียวสังขยาให้เหล่าทหารและผู้เดินทางมาเที่ยวที่ปราสาทตาเมือนธมได้ทาน ตลอดทั้งวันพบชาวไทยพากันเดินเที่ยวและถ่ายภาพด้วยบรรยากาศปกติ มีทหารไทยกับทหารกัมพูชาฝ่ายละ 7 นาย กระจายกันยืนตามจุดดูแลนักท่องเที่ยวและสังเกตการณ์ป้องกันการละเมิดข้อตกลงของนักท่องเที่ยวแต่ละฝ่ายอย่างเข้มงวดขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวพบนักท่องเที่ยวกัมพูชากลุ่มหนึ่ง อายุประมาณ 20 ปี จำนวนกว่า 30 คน ใส่ชุดลำลองขึ้นมาเดินชมตัวปราสาทตั้งแต่เช้า แหล่งข่าวรายงานว่าเป็นทหารใหม่ของกัมพูชาที่ถูกส่งให้มาเสริมกำลังที่แนวชายแดน โดยพบว่าขึ้นมาที่ตัวปราสาท 2 วันแล้ว และในวันที่ 19 ก.ค.ต้องคอยจับตามองว่าหญิงกัมพูชาคนที่มาชี้หน้าต่อว่าทหารไทย จะขึ้นมาที่ตัวปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควายกับนักข่าว ABC ของกัมพูชา พร้อมเชิญชวนชาวเขมรมาให้กำลังใจ ตามที่มีรายงานมาหรือไม่ คาดว่าวันวันเสาร์ที่ 19 ก.ค.จะมีชาวไทยมาเที่ยวจำนวนมากด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ บรรยากาศทั่วไปปกติ ยังไม่พบชาวกัมพูชาเข้ามาสร้างสถานการณ์ ส่วนที่บริเวณหน้าทางเข้าปราสาทตาเมือนธม มีการเร่งก่อสร้างห้องน้ำเพิ่มเติมไว้บริการนักท่องเที่ยวและเร่งก่อสร้างบังเกอร์หลุมหลบภัยให้แล้วเสร็จโดยเร็วอีกด้านที่ กทม.เช้าวันเดียวกัน กลุ่มเครือข่ายประชาชนปฏิรูปประเทศไทยหรือ คปท.พร้อมแนวร่วมกองทัพธรรม พรรคสัมมาธิปไตย เครือข่ายศูนย์รวม ประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล นายใจเพชร กล้าจน นายอานนท์ กลิ่นแก้ว เดินเท้าจากสะพานชมัยมรุเชฐมาที่กระทรวงการต่างประเทศ ยื่นหนังสือให้กระทรวงเชิญทูตกัมพูชามาประท้วงโดยเร็วที่สุด กรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่ช่องบก มี น.ส.ปัทมา อินโต ผอ.สำนักงานกองกลาง สำนักงานปลัดกระทรวงต่างประเทศ เป็นตัวแทนกระทรวงรับหนังสือต่อมาเวลา 13.00 น. กลุ่มมวลชนทั้งหมดเดินเท้ามาที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ (UN) ประจำประเทศไทย ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการ UN เรียกร้องให้มีมาตรการประณามกัมพูชา กรณีมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ส่งผลให้ทหารไทยบาดเจ็บสาหัสและละเมิดสนธิสัญญาออตตาวา ปรากฏว่าไม่มีเจ้าหน้าที่ UN มารับหนังสือแต่อย่างใด ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนส่งเสียงวิพากษ์ “ยูเอ็นไร้น้ำยา” ก่อนยุติชุมนุมที่หน้ายูเอ็นอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่