ในงานฉลองครบรอบ 28 ปี ฮ่องกงกลับคืนสู่การปกครองของจีน “พาร์สัน แลม” ผู้อำนวยการ HKETO กรุงเทพฯ แสดงความยินดีกับคณะกรรมการสมาคมการค้าไทย-ฮ่องกงชุดใหม่ พร้อมชื่นชมการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางธุรกิจไทย-ฮ่องกงที่แน่นแฟ้น ขณะที่เน้นย้ำว่านับแต่กลับคืนสู่มาตุภูมิเมื่อ 1 ก.ค.2540 ฮ่องกงยังคงยืดหยุ่น แข็งแกร่ง เป็นศูนย์กลางธุรกิจ–การเงินโลก แม้เผชิญความท้าทาย ทั้งวิกฤติโควิด-19 ไปจนถึงการกีดกันทางการค้าพิสูจน์ได้จากการที่สถาบันพัฒนาการจัดการนานาชาติ (IMD) สวิตเซอร์แลนด์จัดให้ฮ่องกงมีความสามารถในการแข่งขันสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ขณะที่การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) ชี้ว่าฮ่องกงเป็นจุดหมายการลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ (FDI) ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยมูลค่าการลงทุนในปีที่แล้ว สูงกว่า 126,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 4.1 ล้านล้านบาท) นอกจากนี้ฮ่องกงยังเป็นศูนย์การเงินอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 3 ของโลกรองจากนครนิวยอร์ก สหรัฐฯ และกรุงลอนดอน อังกฤษ จากการจัดอันดับของดัชนีเมืองศูนย์กลางการเงินโลก หรือ The Global Financial Centres Index (GFCI) อีกด้วยแลมชี้ว่าความสำเร็จนี้มาจากกรอบ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ส่งให้ฮ่องกงเป็น “ตัวเชื่อมโยงพิเศษ” ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับโลก โดยยังคงความเป็นเศรษฐกิจตลาดเสรี การเคลื่อนย้ายทุนเสรี สกุลเงินฮ่องกงดอลลาร์ที่ตรึงกับดอลลาร์สหรัฐฯ มีระบบกฎหมาย เชื่อถือได้ อัตราภาษีต่ำ และสถานะเขตศุลกากร-ท่าเรือปลอดภาษี เห็นได้จาก “ป๊อปมาร์ท” บริษัทสัญชาติจีนใช้ฮ่องกงเป็นฐานขยายธุรกิจ รวมทั้ง “เจนเนอรัล เบฟเวอร์เรจ” บริษัทไทยผู้ส่งออกน้ำมะพร้าวได้จดทะเบียนบริษัทย่อยในตลาดหุ้นฮ่องกง ช่วยเปิดตลาดสู่จีนแผ่นดินใหญ่แลมปิดท้ายว่าอนาคตของฮ่องกงยังสดใส พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าภายใต้การนำของคณะกรรมการสมาคมการค้าไทย-ฮ่องกงชุดใหม่จะพัฒนาความสัมพันธ์ทางธุรกิจไทย-ฮ่องกงให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น.อมรดา พงศ์อุทัยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม