ครม.แพทองธาร 1/2 นำขึ้นทูลเกล้าฯไปเรียบร้อย คงมีหลายคำถามต่อการตัดสินใจในการ ปรับ ครม.รัฐบาลแพทองธาร สมัยที่ 1 ครั้งที่ 2 ตั้งแต่มีรัฐบาลมายังไม่ครบ 1 ปี ท่ามกลางวิกฤติการเมืองที่ไม่สะเด็ดน้ำ รัฐบาลเพื่อไทยสมัยแรก ที่ เศรษฐา ทวีสิน เข้ามารับตำแหน่งนายกฯ อยู่ไม่ครบปีก็ถูก ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยขาดคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี กรณีตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ จากนั้น แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยขึ้นมารับไม้ต่อซึ่งยังเหลือเวลาในการเป็นรัฐบาลไปจนถึงปี 2570 จึงจะครบวาระ 4 ปี แต่เพียงไม่กี่เดือนที่ แพทองธาร มารับตำแหน่งผู้นำประเทศก็ทำท่าว่าจะเกิดวิกฤติการเมืองขึ้นมาอีกรอบแม้ นายกฯแพทองธาร ตัดสินใจปรับ ครม.หลัง พรรคภูมิใจไทย ประกาศถอนตัวจากรัฐบาล โดยดึงเสียงจากกลุ่มการเมืองพรรคฝ่ายค้านมาเป็น รมต. ทดแทนเสียงที่หายไป 69 เสียงของ พรรคภูมิใจไทย แต่ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่เป็นใจ ทั้งจากความร้าวฉานความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศไทยกับกัมพูชา และการเมืองภายในจาก นิติสงคราม ที่รอเชือดในมือของ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จาก ป.ป.ช. ตลอดจนการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจากฝ่ายค้านและ สว. ทันทีที่เปิดสมัยประชุมสภานี้ สรุปว่า ตั้งแต่ เพื่อไทยติดกระดุมผิดเม็ด ในการเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ก็มีแต่วิบากกรรม ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างราบรื่นโฉมหน้า ครม.ที่ออกมาตามโผแล้ว ไม่ต้องเดาให้เมื่อยตุ้ม ข้อแรก เตรียมพร้อมรับมือกับการเลือกตั้งที่จะมาถึงเร็วกว่ากำหนด ข้อที่สอง ดึงเสียง สส.ในสภาจากกลุ่มการเมืองต่างๆ ให้ได้เสียงสนับสนุนเกินกึ่งหนึ่ง และข้อที่สาม การที่นายกฯไปควบตำแหน่ง รมต.เอาไว้ด้วยอีกหนึ่งตำแหน่งก็เพื่อรับสถานการณ์ในกรณีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล เหมือนกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกสั่งพักปฏิบัติหน้าที่นายกฯต้องไปนั่งที่กระทรวงกลาโหมอยู่หลายวันการที่มีภาพข่าว ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยคนสุดท้ายที่ออกมายืนยันว่า สุขภาพยังแข็งแรงดี และพร้อมที่จะรับตำแหน่งนายกฯถ้าจำเป็น เท่ากับว่า เพื่อไทย เองก็เตรียมรับมือกับสถานการณ์การเมืองที่จะเกิดขึ้นในทุก รูปแบบ ไม่ยอมถอดใจง่ายๆความพยายามในการเคลียร์กับแกนนำมวลชนที่รวมตัวกันจากคนที่คุ้นเคยและฝ่ายตรงกันข้ามสุดขั้วเป็นเรื่องยากลำบาก ร้อยพ่อพันแม่ คนที่เคยประกาศโค่นล้มรัฐบาลต่อสาธารณชนไปแล้วจะกลับตัวก็ไม่ได้ รอแค่ว่าม็อบจะหมดแรงไปเองวันไหน จะไปเอาม็อบมาชนม็อบ ก็ขาดมือทำงานขาดแนวร่วมที่ถอนตัวกันไปเกือบหมด เหลือแต่พวกสู้แล้วรวย จะไปสู้กับม็อบมืออาชีพคงยาก หรือจะเลือกช่องทางรบทางออนไลน์ หรือจะปิดกั้นสื่อล้วนแต่ไม่มีผลสถานการณ์ล่วงเลยมาถึงจุดนี้ก็ต้องทำใจดีสู้เสือ ไปตายเอาดาบหน้า.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.th คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม