ว่าไปแล้ว “ทักษิณ” ไม่ได้ให้ราคา “อนุทิน ชาญวีรกูล” สักนิดอย่างที่อีกฝ่ายคาดหวัง คือยังคิดว่าเคยเป็นลูกน้องเก่าน่าจะมีใจให้กันบ้างแต่ตรงกันข้ามกลับถูกมองว่าเป็น “ละอ่อน” ทางการเมืองจะทำอย่างไรก็ตามยิ่งมี “เนวิน ชิดชอบ” อยู่ข้างหลังยิ่งไม่มีความเกรงใจกันแล้ว เพราะเคยทำอะไรไว้จนเคืองใจไม่หายจนถึงวันนี้นี่เป็นความจริงทางการเมืองที่ “เสียหนู” พึงรู้เอาไว้ด้วย เพราะที่เห็นร่วมรัฐบาลกันมานาน อนุทินจะพินอบพิเทาอย่างออกนอกหน้าไม่ใช่แค่ “ทักษิณ” เท่านั้น“แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาว ก็ได้รับการเอาอกเอาใจอย่างออกนอกหน้าเกินปกติจนพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันหมั่นไส้ไปตามๆกันดังนั้น การที่ “อนุทิน” ถูกยึดกระทรวงมหาดไทยแบบหักดิบนั้นต่างก็รู้สึกสะใจมากกว่าเห็นอกเห็นใจ เพราะพฤติกรรมต่างๆที่ผ่านมานั้นเกินงามการที่ “อนุทิน” บอกว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับ “ทักษิณ” นั้นไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะถูกยึดเก้าอี้มหาดไทยแบบไม่ไว้หน้ากันก็ถูกละ เพราะทำแบบนี้จะคบหากันต่อไปคงยากแล้วนี่ก็เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่คบหากันนั้น หากวางตัวไม่เหมาะสม ทำตัวเป็นลูกไล่ก็ต้องได้รับผลอย่างนี้แหละการวางตัวในทางการเมืองนั้นต้องทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเกรงใจไม่กล้าที่จะเห็นเป็นลูกไล่อย่างนี้ หมายความจะต้องมีระยะห่างที่เหมาะสมจึงดูมีราคาค่างวดบ้าง!จึงไม่แปลกที่ “อนุทิน” ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน แต่ “แพทองธาร” ยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยพรรคร่วมรัฐบาลยังชูมือสนับสนุนเหมือนเดิม“ภูมิใจไทย” จากไปอย่างไร้เยื่อใยนั่นทำให้ “อนุทิน” ต้องเริ่มต้นบทบาทใหม่ในฐานะฝ่ายค้านที่ไม่เคยทำหน้าที่มาก่อนก็ไม่รู้ว่าจะเล่นบทได้ดีแค่ไหนเพราะมันต่างกันมากเริ่มต้นด้วยการประกาศว่า เปิดสภาวันที่ 2 ก.ค.2568 จะยื่นเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีเป็นการประเดิมงานใหม่สถานการณ์นี้ถือว่าต้องตีเหล็กกำลังร้อน เพราะนายกรัฐมนตรีกำลังถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งเท่ากับว่ามีพลังสนับสนุนทั้งในสภาและนอกสภาแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าจะมีฝีมือแค่ไหน เพราะเสียงสนับสนุนรัฐบาลยังแน่นอยู่แม้จะปริ่มน้ำก็ตาม เพราะศึกซักฟอกที่ผ่านมาก็คงเห็นแล้วว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่นายกรัฐมนตรีจะตกจากเก้าอี้!แต่เกมระหว่าง “เพื่อไทย” กับ “ภูมิใจไทย” ยังมีอีกหลายเรื่องทั้งเรื่องกัญชาที่ “เพื่อไทย” จะให้คืนไปอยู่ในบัญชียาเสพติดแต่ “ภูมิใจไทย” ก็ประกาศที่จะคว่ำกฎหมาย “กาสิโน” ที่ “เพื่อไทย” ต้องการให้ผ่านสภาก็เป็นเกมการเมืองที่ต้องสู้กันทุกเม็ดจาก 2 พรรคการเมืองที่เคยรักกันปานจะกลืนกินกลับต้องมาเป็นคู่ต่อสู้ทางการเมืองแบบตาต่อตาฟันต่อฟันก่อนเวลาอันสมควรไม่ได้สู้กันสนามเลือกตั้งอย่างที่คาดการณ์กันไว้คือมาเร็วก่อนกาลเวลาและคงยากที่จะมีโอกาสได้ร่วมรัฐบาลกันในอนาคต!“สายล่อฟ้า”คลิกอ่านคอลัมน์ “กล้าได้กล้าเสีย” เพิ่มเติม