ราชาปลาของจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นที่ขึ้นชื่อสำหรับผู้ที่ชอบ บริโภคปลา ถ้าเอ่ยชื่อของ ปลาม้า ก็จะนึกถึง อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัด ที่ กรมประมง มีโครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ในท้องถิ่นไปสู่สัตว์เศรษฐกิจทางเลือกใหม่ เร่งเสริมศักยภาพการแข่งขันให้กับเกษตรกรอีกทาง เพื่อขยายผลเพิ่มการเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมสมัยใหม่ไปใช้ พัฒนาเครือข่ายรองรับการผลิต และการแปรรูปควบคู่ไปกับการตลาดครบวงจร เป็นหนึ่งในโครงการสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตอย่างยั่งยืนกรมประมง โดย ฐิติพร หลาวประเสริฐ รองอธิบดีกรมประมง ชี้แจงว่า การผลักดันโครงการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าการเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นด้านการประมง ตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มี ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็น รมว.เกษตรฯ ภาคเกษตรมั่นคง เกษตรกรมั่งคั่ง ทรัพยากรเกษตรยั่งยืน ทั้งนี้ อัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ และ บัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง ได้ให้นโยบายในการต่อยอดสินค้าเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะ มีความโดดเด่น เป็นสินค้าจากภูมิปัญญาท้องถิ่นไทย รวมถึงสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ในการนำจุดเด่นของสินค้าประจำพื้นถิ่นในแต่ละแหล่งมาพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของสินค้า ผลักดันให้เป็นสินค้าเศรษฐกิจที่มีศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศดังนั้น ปลาม้า สินค้าประจำพื้นถิ่นของ จ.สุพรรณบุรี ที่ กรมประมง ได้มอบหมายให้กองวิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืด โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดสุพรรณบุรี ร่วมกับสำนักงานประมง จ.สุพรรณบุรี ได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนามาตั้งแต่ปี 2567 เพราะเล็งเห็นว่า ปลาม้า เป็นปลาน้ำจืดที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง รสชาติดี เป็นที่ต้องการของตลาดไม่เฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่รวมถึง ตลาดต่างประเทศ ด้วยทั้งนี้ ได้มีการดำเนินการ จดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ปลาม้าสุพรรณบุรี สร้างความแตกต่างของลักษณะพันธุ์ปลา เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสำหรับตลาดในระดับประเทศ จากลักษณะพิเศษของปลาม้าสุพรรณบุรี ที่ สุวดี พิมพขันธ์ ผอ.ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำสุพรรณบุรี อธิบายเอาไว้ เมื่อทางศูนย์ได้มีการปรับปรุงระบบการเพาะพันธุ์ปลาม้าอย่างครบวงจร ปรับปรุงเทคนิคการอนุบาลลูกปลา พบว่าสามารถเพิ่มอัตราการฟักตัวของลูกปลามากขึ้นถึงร้อยละ 80 มีการพัฒนาสูตรอาหารที่ทำให้ลูกปลาโตเร็วขึ้น เริ่มทดลองกับเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายจำนวน 20 รายแบบครบวงจร ซึ่งปัจจุบันมีการกระจายการเพาะเลี้ยงไปยังจังหวัดอื่นๆมากขึ้นปรากฏว่าได้รับผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจ โดยได้รับการยืนยันจากหนึ่งในเกษตรกรจาก อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ นรินทร์ศักดิ์ พัวตระกูล จากการนำพันธุ์ปลาม้ามาเพาะเลี้ยงใช้ระยะเวลา 1 ปี สามารถสร้างผลผลิตจำหน่ายได้ปลาขนาดตัวละ 1-1.5 กิโลกรัมขายได้ในราคากิโลกรัมละ 300-400 บาท ถ้าขนาด 3-4 กิโลกรัมจะขายได้ถึงกิโลกรัมละ 500 บาท เป็นทางเลือกใหม่ที่สร้างอนาคตให้กับเกษตรกรไทยได้อย่างยั่งยืนต่อไป.หมัดเหล็กmudlek@thairath.co.thคลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม